จากนั้นมา กราฟชีวิตดิ่งลงเรื่อยๆ ไม่ประสบความสำเร็จทุกชุด ทุกรุ่น ชนิดไม่ต้องคิดไปไกลถึงระดับเอเชีย ขนาดในอาเซียนยังสะบักสะบอมโดยเฉพาะการเจอเวียดนาม เรียกว่า “ยิ่งแข่งยิ่งแพ้”

ฟุตบอล 23 ปีอาเซียน ไทยส่งชุด 19 ปี โหนรุ่นไปแข่ง จบที่รองแชมป์ บนเส้นทาง แพ้ดาวทองจูเนียร์ 2 ครั้ง รอบแรก กับรอบชิงฯ, ซีเกมส์ที่เวียดนาม เสร็จเจ้าภาพในรอบชิง 0-1, ศึก 19 ปี อาเซียน ได้อันดับ 4 โดยเสมอเวียดนาม 2 ครั้ง รอบชิงอันดับ 3 แพ้จุดโทษ, ศึก 16 ปี อาเซียน ได้อันดับ 3 แพ้เวียดนามรอบรองฯ

สรุปแล้วรายการในอาเซียน พังหมด ไม่ถึงแชมป์เลย

ชุดเยาวชนไทย บดเวียดนามไม่ลงสักชุด

ข้ามไประดับเอเชีย ทีมของ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ ไปแข่งขันศึก 23 ปีเอเชีย ที่อุซเบกิสถาน ถูกฟ้าลิขิตให้จอดป้ายแค่รอบแรก เสมอ เวียดนาม 2-2(ไม่ชนะอีก), ชนะ มาเลเซีย 3-0, แพ้ เกาหลีใต้ 0-1

ส่วนทีมชุดใหญ่ ตามเก็บงาน ผ่านเข้ารอบสุดท้าย เอเชียนคัพได้ จาการ ชนะมัลดีฟส์ 3-0, ชนะ ศรีลังกา 2-0 แล้วมาแพ้ อุซเบกิสถาน 0-2 ส่วนบอลคิงส์คัพที่เชียงใหม่ งานกร่อย แพ้จุดโทษ มาเลเซีย ไปชิงที่ 3 กู้หน้าชนะ ตรินิแดดฯ 2-1

ตอนนี้กำลังล่าแชมป์อาเซียนสมัย 7 รอลุ้นกันยาวๆ รวมทั้งเป็นการพิสูจน์ชัดๆ ฝีมือ มาโน โพลกิง ในวันที่ไม่มี ชนาธิป สรงกระสินธ์

ย้อนกลับไปทีมเด็ก กับรอบคัดเลือกบอลเอเชีย ชุด 19 ปี ตกรอบคัดเลือก ชนะ อัฟกานิสถาน 3-0, เฉือน ฟิลิปปินส์ ช่วงท้ายเกม 3-2 แล้วมาแพ้ โอมาน 0-1 ก่อนที่ต่อมา ซัลบาดอร์ บาเลโร การ์เซีย จะบ๊ายบาย ไม่ขยายสัญญา

ส่วนชุดเล็กสุด 17 ปี ของ “โค้ชโม้” พิภพ อ่อนโม้ รอบคัดเลือก ชนะ เนปาล 3-0, ชนะ ไต้หวัน 3-1 แล้วแพ้เวียดนาม(อีกแล้ว) 0-3 ทว่ายังเป็นอันดับ 2 ดีสุดเข้ารอบสุดท้ายได้

งานนี้ได้เชียร์กันยาวๆ เพราะรอบสุดท้ายเอเชีย สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ดึงมาจัดในไทยได้ เพิ่มโอกาสเป็น 4 ทีมที่เข้ารอบสุดท้าย 17 ปีโลก จะแข่งเดือน มิ.ย.นี้

สวมหมวกกันน็อคไม่ได้แปลว่าจะรอด, คาดเบลท์ไม่ได้แปลว่าจะรอด, สวมชูชีพไม่ได้แปลว่าจะรอด เช่นเดียวกับการเป็นเจ้าภาพ ไม่ได้หมายความว่าจะได้เข้ารอบ แต่มันคือการ “เพิ่มโอกาส”

ข้ามไปบอลหญิง ก็สะบักสะบอม นอกจากชวดทองซีเกมส์ ย้อนไปต้นปีเตะชิงแชมป์เอเชีย โอกาสตีตั๋วไปบอลหญิงโลกมีเพียบ เอาตั้ง 5 ทีม ไม่รวมออสเตรเลีย แต่ยังพลาด ต้องมาลุ้นเฮือกสุดท้าย รอบคัดเลือกนานาชาติ เตะต้นปี ต้องชนะแคเมอรูน กับ โปรตุเกส จึงได้ตั๋ว ซึ่งดูเตรียมตัวกันดี ไปเก็บตัวออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น แต่แหม ถ้าเอาจริงแบบนี้แต่แรก คงไม่ต้องมาเหนื่อยสายตัวแทบขาดแบบนี้

โดยรวมแล้ว เป็นปีที่ไม่ดี ทะมึนๆ อึนๆ สำหรับบอลทีมชาติไทย ท่ามกลางโปรเจ็คต์ที่สมาคมลูกหนัง พยายามคิดขึ้นมา แผนตะกายดาว ทีม 23 ปี สู่โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส ล็อกอายุใช้รุ่นที่เล่นโอลิมปิกได้เท่านั้น มุ่งเป้ายาวๆ ส่วนเบี้ยบ้ายรายทาง พวกซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ ตีซะว่าเป็นการเตรียมตัว

แต่แค่ยังไม่เริ่มก็ดราม่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทุบโต๊ะตุ้บเดียว ไม่ได้แชมป์โลกซีเกมส์ นายกต้องออก เล่นเอาจะรื้อแผนการ รื้อบอลลีก ยังดีโดนกระแสต้านเป็นพายุบุแคม เลยต้องถอนสมอ

เมื่อ เอเชียนคัพ รอบสุดท้าย เลื่อนไปต้นปี 2024 ทำให้ปีหน้าทีม 23 ปี (ตอนนี้อายุ 21 ปี) ของ อิสสระ ศรีทะโร จะออกงานมากสุดของบอลไทย ทั้งซีเกมส์, เอเชียนเกมส์ และที่ห้ามพลาด คือการคัดเลือก 23 ปี เอเชีย บันไดฝันขั้นแรกสู่วิมานปารีส 2024

โค้ชหระ รับงานใหญ่ ตะกายฝันโอลิมปิก 2024

อีกโครงการของสมาคมฯ ที่มาแบบแปลกๆ เหมือนกัน คือร่วมมือกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยกให้ ปราสาทสายฟ้า “อุ้มบุญ” เป็นเจ้าภาพปั้นทีมเด็ก ที่ตอนนี้จะอายุ 17 ปี เป้าหมายคือศึก 20 ปีเอเชีย ปี 2025 ต้องเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย(เป้าหมายก็งงๆ เหมือนกัน ถ้าจะเอาเข้ารอบ 8 ทีม ชนะอีกทีเดียวเข้ารอบรองฯ ก็ได้ไปบอล 20 ปีโลกแล้ว)

ส.บอลไทย ฝากไข่บอลเยาวชนให้ บุรีรัมย์ ฟัก

บุรีรัมย์ จะเอาเด็กไปเก็บตัว แรมเดือน แรมปี ที่แคมป์บุรีรัมย์ แม้จะบอกว่า นักเตะที่มาไม่ต้องเข้าสังกัดบุรีรัมย์ แต่ทางปฏิบัติ ต้นสังกัดนักเตะตอนนี้ จะยอมให้เด็กแยกไปซ้อมที่อื่นแบบถาวรอย่างนั้นเหรอ

สำหรับ ปราสาทสายฟ้า ทีมชุดใหญ่ ยังครองความยิ่งใหญ่ หมดเลกแรกไทยลีก ทิ้งอันดับ 2 ชลบุรี 9 แต้ม ฟันธงตรงนี้เลย “แชมป์ชัวร์” อยู่ที่ว่าจะพ่วงบอลถ้วยกี่ใบ

เจาะลึกลงไป สิ่งที่น่าจับตาคือย่างก้าวของนักเตะปราสาทสายฟ้า หลังจากดัน สุภโชค สารชาติ ไปเซ็นสัญญาถาวรกับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ในเจลีก ได้แล้ว “แบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา อาจเป็นรายต่อไป และรายนี้ฝันใหญ่ไปถึงยุโรป เลสเตอร์ ดึงให้ซ้อมโชว์ฝีเท้าต่อ ถ้าผ่านก็เตรียมโกอินเตอร์ ในอังกฤษอาจยากเพราะเวิร์คเพอร์มิต ก็อาจถูกส่งไปทีมในเครือ

จับตา ศุภณัฏฐ์ สู่ลีกยุโรป

กฤษดา กาแมน จากชลบุรี, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ของ เมืองทอง ก็มีข่าวจะไปๆ ได้หรือไม่รอดูกัน ส่วน “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ในฤดูกาล 2 กับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล คงจะชี้ชะตาว่าเมื่อมาอยู่ทีมใหญ่จะแบกไหวไหม หรือต้องขยับขยายไปที่อื่น

ภาพรวมบอลไทยปี 2565 เป็นปีที่ไม่ได้ดีน่าประทับใจนัก ไม่ค่อยมีข่าวน่าแชมชื่นหัวใจ (ขนาดจะดูถ่ายทอดสดทีมชาติไทยยังยากเย็น) ข้ออ้างคลาสสิก เพิ่งฟื้นจากโควิด ส่งผลเศรษฐกิจ แตะเบรกองคาพยพลูกหนังชะงัก …ก็ว่ากันไป

แต่ปีหน้า 2566 ด้วยห้วงเวลาล่วงเลยโควิดมาแล้ว หากบริหารแล้วยังดำดิ่งอยู่ ข้ออ้างชุดเดิมต้องตีตก เอามาใช้ไม่ได้ และที่สำคัญแฟนบอลก็อึดอัดจนอกจะแตกตาย ทุกวันนี้ก็โขมงโฉงเฉง ด่าตรงเป้ามั่ง ด่ามั่วมั่ง ซึ่งนั่นมาจากความไม่เชื่อใจกัน

ดังนั้น ชอยส์เดียวในศักราชต่อไปคือต้องทำให้ดี ทำให้ได้ หมดเวลาจะตุปัดตุเป๋

ศรัทธาบอลไทย มันถึงจุดหลังพิงฝาแล้วจริงๆ.

*** วุฒินล ***