แกเรธ เบล ยอดดาวเตะเลือดมังกรแดง สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการตัดสินใจประกาศแขวนสตั๊ดด้วยวัย 33 ปี แบบไม่มีปลี่มีขลุ่ยเพียง 6 สัปดาห์ให้หลังจากที่เจ้าตัวยืนยันว่า ยังไม่มีความคิดจะอำลา ทีมชาติเวลส์ หลังจอดป้ายแค่รอบแรกในศึกฟุตบอลโลก 2022

            เบล เลือกที่จะแขวนสตั๊ดหลังโลดแล่นอยู่ในวงการลูกหนังมานาน 18 ปี ลงเล่นให้กับ 4 สโมสรคือ เซาแธมป์ตัน, ทอตแนม ฮอตสเปอร์, รีล มาดริด และแอลเอ เอฟซี ต้นสังกัดแห่งล่าสุดในศึกเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ สหรัฐ

            แม้กาลเวลาจะทำให้สังขารของ เบล ร่วงโรย และฟอร์มการเล่นถดถอยลงไปอย่างน่าใจหายตลอดช่วงหลายปีหลัง แต่เราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า นี่คือหนึ่งในนักเตะที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่สหราชอาณาจักรเคยมีมา และเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งทัพลูกหนังมังกรแดง

เบล เริ่มต้นชีวิตค้าแข้งกับ เซาแธมป์ตัน ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ สเปอร์ส ด้วยวัยเพียง 16 ปี และลงเล่นให้ “ไก่เดือยทอง” กว่า 200 นัดตลอดช่วงเวลา 6 ฤดูกาล โดยสามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมนักเตะอาชีพ หรือ พีเอฟเอ มาครองได้ 2 ครั้ง

ฤดูกาล 2012/13 เบล ระเบิดฟอร์มทำ 26 ประตูจนถูก รีล มาดริด คว้าไปร่วมทัพด้วยค่าตัวที่สูงเป็นสถิติโลกใหม่ถึง 85 ล้านปอนด์ และประสบความสำเร็จอย่างสูงโดยคว้าแชมป์ร่วมกับ “ราชันชุดขาว” ได้ถึง 16 รายการในช่วง 8 ปีที่ค้าแข้งอยู่ในถิ่น ซานติอาโก เบร์นาเบว  รวมทั้งแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก 5 สมัย, ลา ลีกา 3 สมัย, แชมป์สโมสรโลก 3 สมัย และแชมป์โกปา เดล เรย์ อีก 1 สมัย

นอกจากนี้ เบล ยังฝากผลงานส่วนบุคคลเอาไว้กับ “โลส บลังโกส” ได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อกระหน่ำไปถึง 106 ประตู จากการลงสนามไป 258 นัด มากกว่า โรนัลโด นาซาริโอ อีกหนึ่งตำนานดาวยิงของทีมชุดขาว ที่ทำไป 104 ประตูจากการลงสนาม 177 นัดด้วยซ้ำ

            ด้วยผลงานอันเอกอุดังกล่าวทำให้ รีล มาดริด ต้องออกมาร่วมสดุดีความยิ่งใหญ่ของ เบล โดยยกย่องให้ ปีกวานรไฟ เป็นหนึ่งในสุดยอดตำนานแห่งถิ่น ซานติอาโก เบร์นาเบว เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ผลงานที่ เบล ภาคภูมิใจที่สุดก็คือการสร้างสถิติลงเล่นให้ทีมชาติเวลส์มากที่สุด 111 นัด แถมยังพา ทัพมังกรแดง กลับคืนสู่แผนที่ลูกหนังด้วยการผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์อย่าง ยูโร 2016 และ 2020 รวมทั้งการตีตั๋วกลับไปเล่นในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1958 ในศึกเวิลด์ คัพ 2022 ที่ประเทศกาตาร์นั่นเอง

ทั้งหมดคือผลงานที่ แกเรธ เบล ฝากเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก และจะทำให้เรื่องราวของเขาถูกเล่าขานต่อไปอีกนานเท่านานไม่ต่างจากเรื่องราวของบรรดาตำนานลูกหนังรุ่นพี่อย่างแน่นอน.

แท ยอน