ผมเห็นเพื่อนพาลูก ๆ ไปดูละครเวที บอกว่าสนุกมาก เดินและพูดคุยไปกับตัวละครได้ ชื่อ LUNA: The Immersive Musical Experience จริง ๆ เขาแสดงกันมาตั้งนานแล้วครับ ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกาปีที่แล้ว (ฉันไปอยู่ไหนมา???) ผมเพิ่งจะรู้นี่แหละแล้วก็จองตั๋วเลย เพิ่งทราบว่าเหลืออีกไม่กี่วันใกล้จะหมดรอบแสดงแล้วครับ วันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2566 คือวันสุดท้าย ที่ Q Stadium ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทีย

ผมจองตั๋วและจ่ายเงินผ่าน ticketmelon ได้ตั๋วเป็น e-ticket ไปถึงหน้างานก็สแกน QR Code แล้วก็เข้างานได้เลย ทันสมัยและสะดวกดี สิ่งที่ต้องเตรียมคือ ผลตรวจ ATK ภายใน 24 ชั่วโมง เสื้อกันหนาว และรองเท้าผ้าใบ นอกนั้นก็ปล่อยให้เรื่องราวพาเราไป ผมก็ไม่แน่ใจว่ารู้เรื่องบ้างแล้วกับไม่รู้เรื่องเลย แบบไหนสนุกกว่า เพราะผมเองไม่รู้อะไรเลย ละครเวทีนี้มาจากหนังสือเล่มไหน LUNA เป็นใคร ลองไปลุ้นดูหน้างานเอาแล้วกัน

ด้วยความที่ครอบครัวผมไปกัน 3 คน พ่อแม่ลูก ทางเข้ามี 2 ทาง ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องไปด้วยกัน แยกกันไป แล้วออกมาเล่าเรื่องของอีกฝั่งให้กัน น่าจะสนุกกว่า มีฝั่งเมืองที่เขียนบทนำไว้ว่า เป็นเมืองที่ห้ามถาม ให้ทำตามกันไป ผู้ปกครองบอกอย่างไรชาวเมืองต้องเชื่อฟัง อีกฝั่งเป็นป่า น่าจะแฟนตาซีลั้ลล้ากว่า แน่นอนผมเลือกเข้าทางฝั่งเมือง (ต้องยอมรับว่าเขียนบทนำไว้น่าสนใจ) ส่วนลูกและภรรยาไปเข้าทางฝั่งป่า ก่อนเข้าเราต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะเขาจะนำบัตรผ่านประตูมาให้

ผมไปทางฝั่งเมือง เจ้าหน้าที่จะค่อย ๆ ปล่อยผู้ชมเข้าไปเป็นกลุ่ม เมื่อเข้าไปแล้ว บรรยากาศเป็นยุคโบราณ ทั้งบ้านเมือง การแต่งกาย ภาษาคำพูด ผมเข้าไปทีหลัง ก็ยืนฟังว่าผู้ชมพูดอะไรกับตัวละครบ้าง ส่วนตัวผมชอบห้องนี้นะ เหมือนปรับอารมณ์ให้เราก่อนว่าต้องพูดจากับตัวละครได้ประมาณไหน ผมสังเกตว่าคนเข้าไปใหม่ ๆ จะเกร็ง ไม่รู้จะคุยอะไร ตัวละครจะชิงถามเราก่อน อย่างเช่น ผมอยู่เมืองอะไร มาจากไหน ผมตอบว่า “บางเขน” ตัวละครทำหน้างง ไม่รู้จัก ผมเลยถามกลับบ้าง ตัวละครที่เป็นช่างตีเหล็กบอว่าเขาอยู่ที่เมือง Protectorate เขาถามผมว่าเดินทางมาอย่างไร ผมตอบว่า “ขึ้น BTS มา” เขาให้อธิบาย ผมก็บอกรถไฟลอยฟ้าไง วิ่งบนราง ช่างตีเหล็กบอกว่า ไม่เคยเห็นมาก่อน บ้านเมืองเขาไม่มี….ก็เรียกว่าอินกับคาแรกเตอร์ที่ตัวเองได้รับ ไม่มีหลุดเลยครับ

แล้วก็มีการเชื่อมโยงให้ผู้ชมไปคุยกับตัวละครตัวอื่น เช่น ช่างตีเหล็กให้ผมไปคุยกับเมียของเขาที่นั่งขายน้ำหอมตรงน้ำพุ เมื่อผมไปถึง ตัวละครหญิงขายน้ำหอมกำลังบรรยายสรรพคุณสิ่งที่อยู่ในขวดและดอกไม้ที่ใช้ปรุง พูดจบผมก็ถามว่า “โสดมั้ยครับ” ผู้ชมที่มาก่อนผมหัวเราะนึกว่าผมจีบนักแสดง หญิงขายน้ำหอมก็หัวไว ไม่หลุดสคริปต์ เธอบอกว่าน่าเสียดาย ผมมาช้าเกินไป สามีของนางตีเหล็กอยู่ตรงนั้น…อ้า แบบนี้แสดงว่าถูกต้อง ทำให้ผู้ชมคนอื่นเริ่มเข้าใจ แล้วออกไปคุยตัวละครหลาย ๆ ตัวในห้อง

จนกระทั่งมีเหตุการณ์นำเด็กไปบูชายัญ หญิงที่ต้องเสียลูกไม่ยอม แต่ชาวบ้านทั้งหมดให้ทำตาม ขอให้เธอเสียสละ เพราะคนรุ่นก่อนบอกว่าทำอย่างนี้แล้วทุกคนจะปลอดภัย ในที่สุดชนชั้นปกครองก็พรากลูกจากเธอไป หลังจากนั้น จะมีการแยกผู้ชมบางส่วนให้ตามไปดู ส่วนผมไม่ได้มีอัญมณีใด ๆ ก็เดินวนอยู่ในเมือง จนไปเจอตัวละครที่ลึกลับ บอกว่าถ้ามีเสียงระฆัง เขาจะพาบางคนเท่านั้นไปทางพิเศษ (โอ้ แบบนี้ชอบเลย) เมื่อสิ้นเสียงระฆัง ผมไปเลือกเส้นทางนี้ อีกใจก็คิด แล้วคนที่ยังอยู่ในห้องนั้น จะไปไหนต่อ…ตรงนี้เหมือนหนังสือที่เคยอ่านตอนเด็ก ๆ …ให้เลือกเส้นทางของตัวเอง แล้วเปิดไปหน้าต่อไป

ผมมากับชายลึกลับ ดูเขาเป็นแนวขบถ คงเป็นเช่นเดียวกับกลุ่มคนที่ตามมาด้วย คงอยากรู้ว่าตามชายคนนี้แล้วมันมีอะไรน่าตื่นเต้นบ้าง เขาพูดว่าเมืองนี้บังคับให้คนไม่ตั้งคำถาม ห้ามสงสัย ทำไมถึงไม่มีใครอยากรู้ความจริงอย่างเขาบ้าง แล้วเขาก็ถามทุกคนที่ตามมาว่า ท่านสงสัยเหมือนข้าหรือไม่ ใครมีคำถามบ้าง ผมเลยบอกว่า “เราต้องคลานกลับทางเดิมที่เข้ามาหรือไม่ เข่าข้าไม่ไหวแล้ว” (ฮาครืน แล้วเดินกันต่อ) …ตลอดเรื่องก็จะเป็นแบบนี้ครับ เราจะเลือกตามตัวละครตัวไหนที่เราสนใจ แล้วก็ไปฟังเรื่องราวของเขา บางครั้งมีเพลง นักแสดงร้องเพลงเพราะมาก …ขอชม มีเต้นประกอบเพลงด้วย ดูเพลิน

ตัดกลับมาอีกฝั่ง ลูกและภรรยาเล่าให้ฟังบ้างว่า เมื่อเข้าไปในป่าแล้ว จะมีบ้านต้นไม้ ภูเขาไฟ มีโชว์ระบำของผีเสื้อและสายลม แล้วก็เดินตามตัวละครที่สนใจ ภรรยาผมตามอีกา ส่วนลูกบอกว่าเขาตามลูน่า (ซึ่งลูน่าและอีกาก็ไปด้วยกัน) และที่แปลกมากคือ กลางเรื่องผมกลับมาเจอลูกและภรรยา เราต่างมาดูลูน่าและคุณยายในห้องเดียวกัน อันนี้ยอมรับว่าเจ๋ง ทางเข้าคนละทาง แต่พาให้เนื้อเรื่องมาเจอกันได้

ผมเล่าเนื้อเรื่องคร่าว ๆ แค่นี้พอ และได้บอกสิ่งที่ชอบไปแล้ว แต่สิ่งที่ผมไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่คือ ผมว่าการแสดงมันยาวไป ย้วยไป เนื้อเรื่องอาจจะยาว ห้องอาจจะเยอะด้วย ทำให้ต้องต้อนผู้ชมทั้งหมดกลับมารวมกัน เพราะต้องจบพร้อมกัน ถ้าทำการแสดงกระชับจบสัก 2 ชั่วโมง ผมน่าจะชอบมาก รอบที่ผมไปดูเป็นรอบค่ำเกือบ 3 ชั่วโมง ตอนท้าย ๆ มีอาการอึดอัด เพราะหิวและดึกมากแล้ว

นอกจากนี้ ด้วยความที่เราเดินตามตัวละครไป ทำให้พลาดการชมเนื้อเรื่องส่วนอื่น ๆ ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องเลยอย่างผม ปะติดปะต่อเรื่องราวยากเหมือนกัน ข้อสุดท้าย..แม้ว่าห้องจะใหญ่มาก แต่เสียงห้องใกล้ ๆ กันยังตีกันบ้าง แล้วการเป็นละครเพลง บางทีไม่ได้ยิน เนื้อร้องที่เป็นเนื้อเรื่องก็หลุดไปด้วย แต่ถือว่าโดยรวมดีมากครับ คนไทยทำได้ขนาดนี้ต้องชื่นชม เป็นมิติการดูละครเวทีที่ไม่น่าเบื่อ ผมเองประเภทซอกแซก แอบเห็นเทคนิคการเปิดเสียงเปิดภาพ ทำให้ทราบว่าโปรดักชั่นลงทุนเยอะมาก

ที่น่ารักที่สุดคือ เมื่อจบการแสดง ตัวละครจะมายืนเรียงแถวส่งผู้ชม เราเข้าไปขอถ่ายรูปได้เต็มที่เลยครับ ถ้าใครชอบดูละครเวที หรืออยากเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ลองเข้าไปชมได้นะครับ หรือใครที่เคยดูแล้ว อยากเก็บตกเนื้อเรื่องอีกรอบก็จะได้ส่วนลดพิเศษด้วย รอบเหลือน้อยลงทุกทีแล้ว ลองเข้าไปสอบถามได้ที่ https://www.facebook.com/castscape ได้เลยครับ.

………………………………………..
คอลัมน์ : ก้อนเมฆเล่าเรื่อง
โดย “น้าเมฆ”
https://facebook.com/cloudbookfanpage