โดยกลุ่มคนที่ร่วมกันโค่นเนทันยาฮูได้สำเร็จในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็น “อดีตลูกหม้อ” ของเนทันยาฮูทั้งสิ้น โดยเฉพาะผู้ซึ่งเคยทำงานใกล้ชิดกัน อย่างนายเอวิกดอร์ ลีเบอร์แมน นายจีเดียน ซาอาร์ นายยาอีร์ ลาพิด และนายนาฟตาลี เบนเนตต์ ซึ่งเป็นผู้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิสราเอล ต่อจากเนทันยาฮู

แน่นอนว่าหากกลุ่มคนเหล่านี้ “ยังคงซื่อสัตย์” กับเนทันยาฮู ในระดับดังเช่นที่เคยเป็นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน “บีบี” ซึ่งเป็นชื่อเล่นที่ชาวอิสราเอลและสื่อมวลชนทั้งในอิสราเอล และอีกหลายประเทศในตะวันออกกลางนิยมใช้เรียกแทนเนทันยาฮู ก็จะยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป หลังเคยดำรงตำแหน่งมาแล้วระหว่างปี 2539-2542 ก่อนกลับมาอีกครั้งเมื่อปี 2552

การที่รัฐบาลชุดปัจจุบันของอิสราเอลซึ่งเป็นชุดที่ 36 เป็นการรวมตัวของพรรคการเมืองหลายพรรค จากจุดยืนทางการเมืองทุกฝ่ายรวมกัน ทั้งฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา สายกลาง และพรรคการเมืองสายอาหรับ มองในมุมหนึ่งคือภาพของ “ความประนีประนอม” ทางการเมือง ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในทางการเมืองของอิสราเอล

Reuters

แต่เมื่อมองอีกด้านหนึ่งสามารถตีความได้เช่นกันว่า การรวมตัวครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังเฉพาะกิจ ที่เป้าหมายหลักคือการกำจัดเนเทันยาฮูให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้จะยังคงอยู่ในฐานะหัวหน้าพรรคลิคุด และเพิ่มเติมคือการเป็นผู้นำฝ่ายค้าน แต่การไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป เท่ากับว่า เนทันยาฮูจะไม่มีสิทธิ์คุ้มกันทางการเมือง ในระหว่างต่อสู้คดีคอร์รัปชั่นอีกต่อไป

Reuters

ในขณะที่นโยบายต่างประเทศและความมั่นคงภายนอกของอิสราเอล “ไม่น่าเปลี่ยนแปลงมากนัก” โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับปาเลสไตน์ และอิหร่าน อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพทางการเมืองภายในของอิสราเอลจะเป็น “ความท้าทาย” มากกว่าสำหรับรัฐบาลชุดใหม่ ที่ประกาศตัวเองเป็น “รัฐแห่งชาติและการปรองดอง” จากการที่เนทันยาฮูประกาศว่า “จะกลับมาภายในอีกไม่นานนี้”

นายยาอีร์ ลาพิด รมว.การต่างประเทศอิสราเอล ( คนซ้าย ) และนายนาฟตาลี เบนเนตต์ นายกรัฐมนตรี

แม้ตอนนี้เนทันยาฮูและพรรคลิคุดจะต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลอิสราเอลต้องไม่ลืม นั่นคือเนทันยาฮู วัย 71 ปี โลดแล่นอยู่บนถนนสายการเมืองมานานกว่า 3 ทศวรรษ เป็นประสบการณ์ที่บ่งชี้ว่า เนทันยาฮู “รู้จักการเมืองอิสราเอล” ดีกว่าใคร ซึ่งรวมถึงเบเนตต์เองด้วย

สำหรับอนาคตของรัฐบาลอิสราเอลชุดปัจจุบันจะเป็นอย่างไร จะอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการแสดงออกและผลงานของผู้นำอิสราเอลคนปัจจุบัน วัย 49 ปี ซึ่งในฐานะที่เป็นนักธุรกิจมาก่อน น่าจะใช้ทักษะจากอาชีพเก่าบริหารจัดการรัฐบาลของตัวเองได้
อย่างไรก็ดี ต่อให้เบนเนตต์ “หักหลัง” ลาพิด ด้วยการแยกตัวออกมาอีก เหมือนกับที่เคยสร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้กับเนทันยาฮู ด้วยการ “ผิดสัญญา” ที่ว่าจะไม่ร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคฝ่ายซ้ายและอาหรับ

นายเบนจามิน เนทันยาฮู นั่งคนเดียวในห้องประชุมสภา หลังเสร็จสิ้นการลงมติรับรองรัฐบาลชุดใหม่

เมื่อถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ ชาวอิสราเอลไม่ได้ให้ความสำคัญว่า บุคคลนั้น “ประสบความสำเร็จในการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่” แต่ให้ความสำคัญในมิติที่ว่า บุคคลนั้น “ทำได้ตามคำสัญญาหรือไม่” ทว่าเบนเนตต์ประกาศจุดยืนตั้งแต่ช่วงหาเสียงแล้วว่า ตัวเขาและพรรคยามินา แม้เป็นพรรคการเมืองขวาจัดและมีขนาดเล็ก แต่ไม่มีนโยบายต้องผูกตัวเองติดกับพรรคการเมืองใหญ่กว่าเสมอไป

ตลอดระยะเวลา 1 ทศวรรษที่ผ่านมา เนทันยาฮูบริหารอิสราเอลด้วยหลักการที่ว่า “อะไรที่ดีสำหรับเขา ต้องดีสำหรับชาวอิสราเอล” “อะไรที่เป็นอันตรายสำหรับเขา ย่อมไม่เป็นผลดีสำหรับอิสราเอลเช่นกัน” ขณะที่การเมืองของอิสราเอลตลอด 1 ทศวรรษที่ผ่านมา เป็นมากกว่า “รัฐบาลกับฝ่ายค้าน” แต่เป็นเรื่องของ “ฝ่ายสนับสนุนกับฝ่ายต่อต้านเนทันยาฮู”

ขณะที่รัฐบาลผสมของเบนเนตต์ผ่านการรับรองจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ “คเนสเซ็ท” ด้วยเสียงสนับสนุนฉิวเฉียด 60 ต่อ 59 เสียง จากทั้งหมด 120 เสียงของที่ประชุม ไม่ใช่สัญญาณเริ่มต้นที่ราบรื่นหนักของรัฐบาลชุดใหม่ การรักษา “ความมั่นคงภายในรัฐบาล” ให้ได้นานที่สุด คือหนึ่งในวาระสำคัญลำดับต้น เมื่อต้องเผชิญกับฝ่ายค้านที่ “แข็งแกร่ง” คือพรรคลิคุด ซึ่งมีที่นั่งมากที่สุดในคเนสเซ็ท และหัวหน้าพรรคลั่นวาจาไว้แล้วว่า พร้อมจะล้มรัฐบาลทุกวินาที.

—————-

ภัทราพร ไพบูลย์ศิลป

เครดิตภาพ : AP, REUTERS