เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา สื่อมวลชนหลายสำนักให้หัวข่าวไปแนวเดียวกันว่า “ผู้ว่าแบงก์ชาติแนะรัฐกู้เพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาทฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังจากคนตกงานกว่า 3 ล้านคน และรายได้หายกว่า 2.6 ล้านล้าน”

งานนี้เหมือนเป็นการ “โยนหินถามทาง” ให้กับ “รัฐบาลVERYกู้” เนื่องจาก ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ผู้ว่าแบงก์ชาติ) กล่าวกับสื่อมวลชนว่าจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้รายได้ภาคครัวเรือนถูกกระทบเป็นหลุมกว้างและหายไปมากถึง 2.6 ล้านล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินของรัฐที่มีอยู่คงไม่เพียงพอกับหลุมรายได้ที่หายไป

ดังนั้นจึงต้องใช้ยาแรงตามขนาดของหลุม ด้วยการเติมเงินอีกอย่างน้อย 1 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 7% ของจีดีพี แม้จะส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี จากปัจจุบันกว่า 50% ไปอยู่ที่ประมาณ 70% ของจีดีพีในปี 67 แต่หลังจากนั้นจะทยอยลดลงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ และความสามารถในการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลที่จะกลับมาฟื้นตัวเร็ว

“พยัคฆ์น้อย” เชื่อในเครดิตของ “ผู้ว่าแบงก์ชาติ” ที่พูดออกมาแบบนั้น ซึ่งมีเนื้อหาสาระน่าสนใจพอสมควร

แต่สำหรับผู้นำรัฐบาลอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่สิ! ไม่มีเครดิตที่กู้เงินอีก 1 ล้านล้านบาท มาจับจ่ายใช้สอยบริหารประเทศอีกแล้ว

ประเทศไทยมีเครดิตที่จะกู้เงินอีก 1 ล้านล้านบาท แต่คนใช้เงินก้อนนี้ไม่ควรเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งกำลังถูกสารพัดม็อบออกมาขับไล่ให้ “ลาออก-ยุบสภา” อยู่ทุกวี่วัน

ว่าง ๆ ดร.เศรษฐพุฒิ ลองไปสำรวจความเห็นประชาชนหลากหลายอาชีพ เช่น คนทำธุรกิจ ทำมาค้าขาย เจ้าของร้านรวงต่าง ๆ คนหาเช้ากินค่ำ และพี่น้องเกษตรกร ไปสอบถามดูว่ายังมีใครเอา พล.อ.ประยุทธ์ อยู่บ้าง? ไปถามดูว่า 7 ปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศ คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น หรือแย่ลง?

พล.อ.ประยุทธ์ ทำรัฐประหารเดือน พ.ค.57 แล้วทำงบประมาณตั้งแต่ปี 58 เรื่อยมา ด้วยงบ “ขาดดุล” แดงเถือกทุกปี

โดยเฉพาะงบปี 65 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนของรัฐสภา มีการตั้งงบรายจ่ายไว้ 3.1 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 1.85 แสนล้านบาท แสดงว่าบริหารประเทศเจริญลงฮวบ ๆ แถมยังขาดดุลอีก 7 แสนล้านบาท

ปี 63 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กู้ฉุกเฉินนอกงบประมาณไป 1 ล้านล้านบาท มีผลตั้งแต่ เม.ย. 63 แต่หมดเกลี้ยงไปแล้ว ทั้งที่ประชาชนได้ฉีดวัคซีนโควิดไม่ถึง 6 ล้านคน (7 มิ.ย. 64) เพราะไม่มีวัคซีน ไม่รู้รัฐบาลเอาเงินไปใช้อะไรหมดเกลี้ยง!

วันที่ 9 มิ.ย. 64 รัฐบาลชี้แจงในสภาเพื่อขอกู้ฉุกเฉินอีก 5 แสนล้านบาท แต่ประชาชนเพิ่งฉีดวัคซีนไปประมาณ 28 ล้านโด๊ส ในจำนวนนี้เป็นวัคซีนทางเลือกที่ต้องซื้อกันเอง วัคซีนบริจาคจากอเมริกา-ญี่ปุ่น และวัคซีนขอยืมมาจากภูฏาน

“ผู้ว่าแบงก์ชาติ” พิจารณาเอาเองว่าที่กล่าวมาเป็นความจริง หรือว่า “ใส่ร้าย” รัฐบาล! เพราะเงินกู้ฉุกเฉิน 2 ครั้ง 1.5 ล้านล้านบาท ถ้า “รัฐบาลVERYกู้” มีวินัยทางการเงิน ป่านนี้มีวัคซีนเต็มโรงพยาบาล มีวัคซีนเต็มแขนคนไทยแล้ว!

คิดง่าย ๆ วัคซีนที่มีประสิทธิภาพ โด๊สละ 1,000 บาท ถ้าซื้อ 100 ล้านโด๊ส เป็นเงินแค่ 1 แสนล้านบาท เอง!

กู้มาแล้ว 1.5 ล้านล้านบาท แต่จะกู้อีก 1 ล้านล้านบาท มันไม่ “ใจดำ” ไปหน่อยหรือ? ใจคอจะล้วงเงินในอนาคตมาใช้ โดยไม่เหลือไว้ให้รัฐบาลหน้า กู้มาแล้วผู้ว่าแบงก์ชาติและ พล.อ.ประยุทธ์ รับผิดชอบหรือเปล่าว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น?

เศรษฐกิจจะดีได้อย่างไร? ในเมื่อคนส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่นในการบริหารจัดการ ไม่ศรัทธานายกรัฐมนตรีคนนี้ ไม่เช่นนั้นคนที่ต้องตามไปใช้หนี้ก้อนโต ก็คือม็อบคนรุ่นใหม่ คงไม่ออกมาขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ กันทุกวันหรอก!!.

—————–
พยัคฆ์น้อย