หลังถูกวิปรัฐบาลอุ้มหายส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ “ทีมการเมืองเดลินิวส์” จึงต้องมาสนทนากับ “รังสิมันต์ โรม” โฆษกพรรคก้าวไกล ในฐานะฝ่ายค้าน ที่เป็นหัวเลี้ยวหัวแรงเกาะติด และต้องการผลักดันให้กฎหมายนี้ออกมาใช้โดยเร็ว แต่ต้องถูกดึงให้ล่าช้าออกไปอีก และจะส่งผลต่อการเมืองในช่วงใกล้เลือกตั้งไรบ้าง

โดย “โฆษกพรรคก้าวไกล” เปิดประเด็นว่า ผมก็พยายามคิดว่า อะไรคือเหตุผลที่แท้จริงของการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมีปัญหากับเรื่องนี้ ผมเชื่อว่า ถ้ายังอยู่ภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ในท้ายที่สุด จะไม่มีการบังคับใช้เรื่องนี้จริงจัง เหตุผลที่แท้จริงที่ผมกำลังมองๆ อยู่ คือ 1.คิดว่าถ้าพยายามคิดในมุมแบบเดียวกับฝ่ายเขา เป็นไปได้หรือไม่ว่า ในการเลือกตั้งรอบนี้ จะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม โดยกลไกของตำรวจ จะใช้อย่างนั้นหรือเปล่า

2.รัฐบาลอาจจะมองหรือไม่ว่า ถ้ามีการต่อต้าน เช่น อาจจะมีการชุมนุมทางการเมือง มีคนที่เห็นต่าง ที่ไม่ยอมรับในรัฐบาลที่กำลังจะตั้งขึ้นมา การบังคับใช้กฎหมายของตำรวจ ก็ไม่สามารถที่จะใช้วิธีการที่ผิดได้หรือไม่ ผมเริ่มให้น้ำหนักไปในเรื่องนี้ แต่ผมอาจจะยังไม่สรุปในเรื่องนี้ แต่ยอมรับว่ามีความกังวลว่ามันจะเกิดขึ้น

3.อาจจะไม่ใช่เรื่องทางการเมืองเลย แต่เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้จำนวนไม่น้อย ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเทาๆ เยอะ ถ้าต้องไปติดกล้องและตั้งด่าน จะรู้กันหมดว่าใครบ้างทำผิด ใครบ้างทำถูก และการรู้แบบนี้ จะสร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าหน้าที่ที่เป็นสีเทาหรือไม่ จึงอาจเป็นที่มาของความรู้สึกที่ยังไม่พร้อม

@ มองสถานการณ์การเมืองปัจจุบันอย่างไร

เป็นช่วงเวลาที่ทุกพรรคการเมืองเข้าสู่การเลือกตั้งอย่างเต็มตัว ผมคิดว่าทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลก็เต็มสูบ มีเท่าไรใส่หมด วันนี้เป็นเรื่องของการเลือกตั้ง ถนนทุกสายรอในเรื่องของการยุบสภา พอเรามองไปที่รัฐบาล เราเห็นรอยปริของรัฐบาลเต็มหมด ผมเรียกว่าปรากฏการณ์หมาตายเห็บกระโดด เพราะพรรคที่เคยอยู่ด้วยกันมา ผมขอเรียกว่า พรรคนามสกุลลุง แตกกัน และผมค่อนข้างเชื่อว่า รอยแตกตรงนี้มีการแข่งขันภายใน เผลอๆ แข่งกันเองมากกว่าแข่งกับฝ่ายค้านด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายที่มีการเกทับกัน อย่างเรื่องของบัตรคนจน 1,000 หรือ 700 บาท

ขณะที่ในส่วนพรรคก้าวไกล ผมคิดว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 พรรคก้าวไกลได้รับผลสะท้อนฟีดแบ็กจากพี่น้องประชาชนดีขึ้นเรื่อยๆ อยู่ในทิศทางที่ผมขอใช้คำว่า เราอยู่ในช่วงขาขึ้น วันนี้ผมมองว่าในการลงพื้นที่ในการทำงานทางการเมืองของเรา ที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนโดยไม่มีการจัดตั้ง ไม่มีการใช้เงิน ทุกอย่างเป็นออร์แกนิกเป็นธรรมชาติ และไม่ใช่แค่จากความรู้สึกเราเอง เพื่อน ส.ส. ที่อยู่ต่างพรรคเขาก็ฟีดแบ็กกลับมาที่เราชัดเจนว่า คะแนนของก้าวไกลมันเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ทุกคนเขาก็ยอมรับว่า พรรคก้าวไกลวันนี้ ไม่ธรรมดา

การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคก้าวไกลเองก็ถูกมองว่าต้องสู้กันหนักกับพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นฝ่ายประชาธิปไตยตัดกำลังกันเอง

แน่นอนก็คงมีการแข่งขันกัน แต่ผมกลับมองว่าจริงๆ แล้วไม่แน่ใจว่า เพื่อไทยแข่งกับก้าวไกล หรือแข่งกับภูมิใจไทยมากกว่า หนึ่งผมค่อนข้างเชื่อว่า คนที่รักเพื่อไทยมากๆ ก็คงไม่ง่ายที่เขาจะมาเลือกก้าวไกล สองผมกลับมองว่า คะแนนเพื่อไทยบางส่วนโดยเฉพาะในพื้นที่ที่ภูมิใจไทย เขาแข็งมากๆ เพื่อไทยควรกังวลกับภูมิใจไทยมากที่สุด ภาพอาจจะดูคล้ายกับก้าวไกลแข่งกับเพื่อไทย เพราะเป็นเบอร์ 1 กับเบอร์ 2 แต่ในเชิงฐานคะแนนจริงๆ แล้วเราอาจจะไม่ได้ตัดเพื่อไทย แต่เพื่อไทยอาจจะแข่งหรือถูกตัดคะแนนโดยพรรคการเมืองอื่นที่ต้องยอมรับว่า เขามีประวัติศาสตร์ร่วมกันมาในอดีตด้วย ไม่ว่าจะเป็นภูมิใจไทยหรือพลังประชารัฐ ที่เคยมีรากฐานร่วมกันมา ดังนั้นอาจจะเรียกว่าการเมืองแบบบ้านใหญ่ การเมืองแบบที่เราเคยเห็นในอดีต เอาเข้าจริงกลุ่มนี้จะมีการแข่งขันและสวิตช์เปลี่ยนกันได้ แต่ก้าวไกลเป็นแนวทางการเมืองอีกแบบหนึ่ง การหาเสียงก็อีกแบบหนึ่งเลย ผมไม่คิดว่าจะตัดคะแนนกันได้

@ ทำไมคนจึงพูดถึงการจับขั้วทางการเมืองของเพื่อไทยกับพลังประชารัฐ มากกว่าจะมาจับขั้วกับพรรคก้าวไกล เป็นเพราะนโยบายของพรรคสุดโต่งเกินไปหรือไม่

ผมยืนยันว่า นโยบายของพรรคก้าวไกล ไม่ใช่เรื่องสุดโต่ง คือมองให้เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าจะมองให้เป็นเรื่องสุดโต่ง คุณก็ลองมองปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม คือ ก้าวไกลเราคิดง่ายมากเลย เรามีปัญหาอะไรเราแก้จุดนั้น เรามีปัญหาในเรื่องเสรีภาพการแสดงออกก็ต้องแก้ปัญหานี้ คุณปฏิเสธหรือไม่ว่า วันนี้เราไม่ได้มีปัญหาในเรื่องมาตรา 112 เราไม่ได้มีปัญหาเรื่องเสรีภาพการแสดงออก แล้วคุณจะอธิบายกรณีตะวันกับแบม ที่เขาไปอดอาหารจนล้มป่วยขนาดนี้ได้อย่างไร

ในเมื่อมีปัญหาอย่างนี้ ฐานะหน้าที่ของพรรคการเมือง คุณก็คิดนโยบายแล้วแก้ ถ้าคุณเห็นปัญหาแล้วไม่คิดจะทำอะไร คุณอย่ามาเป็นพรรคการเมือง สิ่งที่เราทำมันไม่ได้สุดโต่ง มันเป็นสิ่งที่ปกติมากในการเมือง เพียงแต่ว่าที่ผ่านมา คุณไม่ทำ คุณเลยตกใจและกลัว แล้วคุณก็พยายามดึงคนอื่นๆ ดึงสังคม ดึงพวกเราให้มันกลัว อยู่ภายใต้ความกลัว เหมือนกับที่พวกคุณกลัว

วันนี้ เราอยู่ในสถานการณ์ที่พรรคการเมืองหลายๆ พรรค สร้าง “ผี” ขึ้นมาตัวหนึ่ง ไม่ต่างอะไรกับสมัยก่อนที่ชอบสร้าง “ผีทักษิณ” แต่คราวนี้คือ “ผีก้าวไกล” แล้วคุณก็บอกว่าก้าวไกลมันสุดโต่ง น่ากลัว อย่าไปยุ่งกับมัน เดี๋ยวจะซวย วันนี้คุณสร้างผีตัวนี้ขึ้นมา เพื่อหลอกตัวคุณเอง แล้วคุณก็หวังว่า คนในสังคมจะถูกหลอกไปแบบเดียวกับคุณ ผมพูดเลย วันนี้ประชาชนเขาฉลาด

@ สุดท้ายเกรงว่าก้าวไกลจะถูกผลักไปอยู่ฝ่ายค้านหรือไม่

ทำไมไม่คิดว่าเราจะผลักพวกนี้ไปเป็นฝ่ายค้านบ้าง โจทย์เราก็ต้องคิดอย่างนี้ โจทย์วันนี้ของสังคมไทยสรุปได้หรือไม่ ตรงกันได้หรือไม่ว่า เราไม่เอากับพรรคการเมืองที่มาจากการสืบทอดอำนาจเป็นพรรคทหารจำแลง แทนที่คุณจะมากังวลว่า เดี๋ยวถูกผลักให้เป็นฝ่ายค้าน เรามาช่วยกันผลักให้พวกนี้อย่าเข้ามาในการเมืองได้แล้ว ทำให้พวกเขามีโอกาสเข้ามาในสภาน้อยที่สุดและเป็นรัฐบาลน้อยที่สุด ถ้าทุกพรรคการเมืองแพ็กกันแน่นบอกว่าไม่เอาคนกลุ่มนี้ ผมค่อนข้างมั่นใจโอกาสที่เขาจะจบภายใต้การเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปได้ ถึงแม้เขามีเสียง ส.ว. ก็ตาม