แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สร้างความร้าวระทมให้สาวกผีแดงทั่วทุกมุมโลกอย่างสาหัสสากรรจ์เลยนะครับ หลังกล้า ๆ บุกไปแพ้ ลิเวอร์พูล อริตลอดกาล อย่างยับเยินที่สุดในรอบเกือบหนึ่งศตวรรษ 0-7

            หลังจบเกม เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมชาวดัตช์ ออกมาเฉ่งลูกทีมว่า ไม่มีความเป็นมืออาชีพ หลังถอดใจแบบดื้อ ๆ และปล่อยให้แข้งหงส์แดงไล่ตุ้ยตามอัธยาศัยจนปราชัยไปด้วยสกอร์ที่เละเทะเกินจินตนาการ

            ในเกมที่ แอนฟิลด์ นักเตะของ แมนฯ ยูไนเต็ด หลายคนกลับมาแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ย่ำแย่แบบเดิม ๆ อีกครั้ง บางคนคุมอารมณ์ไม่อยู่ ถอดใจ และไม่ยอมเล่นตามคำสั่งของโค้ช หลังเสียประตูที่ 2 ให้ ลิเวอร์พูล แบบน่าเขกกะโหลกในช่วงต้นครึ่งหลัง ซึ่งมันก็เกิดจากความเลินเล่อของตัวเอง เริ่มจาก ลุค ชอว์ ที่จ่ายบอลยัดใส่เท้าของนักเตะลิเวอร์พูลแบบไม่ต้องการเหตุผล และความเข้าใจใด ๆ นั่นเอง

            ขณะที่ บรูโน แฟร์นันด์ส คืออีกคนที่ถูกวิจารณ์ค่อนข้างหนักจากการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับปลอกแขนกัปตันทีม ไม่ว่าจะเป็นการเอาแต่โวยเพื่อนร่วมทีม จ้องแต่จะทิ้งตัวเรียกฟาวล์ หรือ การเล่นแบบทิ้งตัวไม่ยอมวิ่งไล่บอลเหมือนเคยหลังเห็นว่า เกมขาดไปแล้ว

            ทั้งหมดที่กล่าวมา   คือสิ่งที่แฟนบอลผีแดงได้เห็นจนชินตาในยุคของ โอเล กุนนาร์ โซลชา และสิ่งที่เกิดขึ้นที่ แอนฟิลด์ ก็เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า เทน ฮาก น่าจะต้องใช้เวลาอีกนานพักใหญ่จึงจะสามารถกำจัดเชื้อร้ายเหล่านี้ให้หมดไปได้ในเมื่อนักเตะชุดนี้กว่าครึ่งยังเป็นมรดกตกทอดมาจากยุคของ น้าโอเล่

            อย่างไรก็ตาม นอกจากนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ที่จะต้องรับผิดชอบกับผลงานสุดงามไส้ครั้งนี้แล้ว เทน ฮาก เองก็มีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องการจัดทีม และการวางแท็กติกที่ดูเหมือนจะติดประมาทไปหน่อย

            เกมนี้ เทน ฮาก วางแผนมาเปิดหน้าแลกกับ ลิเวอร์พูล ถึง แอนฟิลด์ ซึ่งเป็นเรื่องที่แม้กระทั่งยอดกุนซืออย่าง เปป กวาร์ดิโอลา ยังเคยยอมรับว่า เป็นอะไรที่สิ้นคิดอย่างมากเพราะการเปิดเกมบุกแลกกับหงส์แดงในรังของพวกเขาไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย

            นอกจากนี้การที่กุนซือชาวดัตช์ออกอาการคิดมากเกินเหตุด้วยการจับนักเตะสลับตำแหน่งกันมั่วไปหมด โดยเฉพาะแนวรุกที่โยก บรูโน แฟร์นันด์ส ไปยืนริมเส้นฝั่งซ้าย จับ เวาท์ เว็กฮอร์ตส์ ไปเล่นเป็นจอมทัพหมายเลข 10 และโยกเอา มาร์คัส แรชฟอร์ด เข้าไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ก็ยังทำให้เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ไหลลื่นเหมือนเคย

            หนึ่งเพราะ แฟร์นันด์ส ที่ถัดเท้าขวาไม่สามารถเปิดบอลจากฝั่งซ้ายได้ หรือ หากจะเปิดได้ก็ต้องล็อกบอลให้เข้าขวาข้างถนัดเสียก่อน ที่สำคัญมันยังทำให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่ถูกมองว่า เป็นบ่อน้ำมันในแนวรับของเจ้าถิ่นไม่ต้องเผชิญหน้ากับความกดดันจากความปราดเปรียวของคู่ปรับเก่าอย่าง แรชฟอร์ด ที่ถูกหุบเข้าไปเล่นตรงกลางอีกด้วย

            หากมองในแง่ดี แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงมีโอกาสสูงที่จะคว้าท็อป 4 เพราะยังมีแต้มนำหน้า ลิเวอร์พูล ที่อยู่ในอันดับ 5 ถึง 7 คะแนน แถมโปรแกรมที่เหลืออยู่อีก 13 นัดก็แทบไม่มีโปรแกรมหนัก ๆ รออยู่แล้ว แถมยังมีลุ้นแชมป์อีกถึง 2 รายการคือ เอฟเอ คัพ กับ ยูโรปา ลีก ส่วน พรีเมียร์ลีก คงต้องเลิกฝันไปได้แล้ว หลังโดนจ่าฝูง อาร์เซนอล โกยหนีไปไกลถึง 14 คะแนน.

แท ยอน