เชื่อว่าคอลูกหนังแดนผู้ดีคงเรียกหายาดมกันวุ่น เมื่อทราบผลการจับสลากถ้วยยุโรป เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ในถ้วยใบใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นั้น 2 ตัวแทนที่เหลืออยู่ของพรีเมียร์ลีก ต่างเจองานโหดด้วยกันทั้งคู่ โดย “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี ถูกจับเจอ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก มหาอำนาจลูกหนังแห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี

ขณะที่ “สิงห์สำอาง” เชลซี ต้องโคจรมาเจอกับ “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด ยักษ์ใหญ่จากลา ลีกา สเปน ซึ่งเป็นแชมป์เก่าและอดีตแชมป์รายการนี้ 14 สมัย

แถมถ้าผ่านเข้ารอบตัดเชือก ผู้ชนะของทั้ง 2 คู่ก็ต้องมาเจอกันเองเสียอีก เป็นอันว่าความหวังที่จะเป็น All England Final มลายหายวับไปกับตา

สำหรับ เชลซี นั้น นี่เป็นซีซั่นที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่พวกเขาต้องดวลกับ รีล มาดริด ในถ้วยนี้ โดยในปี 2021 พวกเขาเอาชนะ “ราชันชุดขาว” ด้วยประตูรวม 3-1 ในรอบรองชนะเลิศ แต่ในซีซั่นที่แล้ว ทีมจากแดนกระทิงดุ เอาคืนด้วยการเอาชนะด้วยประตูรวม 5-4 แต่ก็ต้องลุ้นกันเหนื่อยถึงช่วงต่อเวลาพิเศษในเกมนัด 2

แต่ถ้าเทียบสถิติในการดวลกันเองทั้งหมดแล้ว เชลซี ไม่กลัว รีล มาดริด โดยพวกเขาแพ้ “ราชันชุดขาว” แค่นัดเดียวในการดวลกันทั้งหมด 7 นัด นี่อาจเป็นจุดที่สร้างความฮึกเหิมให้ลูกทีมของ เกรแฮม พอตเตอร์ ก่อนลงทำศึก

ขณะที่ เปป กวาร์ดิโอลา ก็จะต้องนำทัพ “เรือใบสีฟ้า” ดวลกับอดีตต้นสังกัดอย่าง “เสือใต้” หลังเจ้าตัวเคยคุมทัพในถิ่นอัลลิอันซ์ อารีนา อยู่ 3 ฤดูกาล และนี่ก็จะเป็นครั้งแรกที่เขาจะต้องคุมทีมดวลกับยักษ์ใหญ่แห่งเมืองเบียร์ นับตั้งแต่แยกทางกับทีมเมื่อปี 2016

ส่วนในถ้วย ยูโรป้า ลีก “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เจองานไม่ง่ายอย่าง เซบีญา ที่ถือเป็นเจ้าพ่อประจำรายการนี้ แถมถ้าผ่านไปได้ก็อาจเจอก้างขวางคอชิ้นมหึมาอย่าง ยูเวนตุส รออยู่ในรอบรองชนะเลิศอีก

งานนี้แฟนลูกหนังผู้ดี อาจต้องหายใจลึก ๆ แล้วส่งกำลังใจให้หนัก ๆ หากหวังจะเห็นตัวแทนจากพรีเมียร์ลีก ทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศ…

ผยองเดช