รายงานฉบับล่าสุดของ “โกลด์แมน แซคส์” ระบุว่า “ภาวะชะงักงันครั้งใหญ่” อาจเป็นสิ่งที่เห็นอยู่รำไรในตลาดแรงงาน โดยการวิเคราะห์ของวาณิชธนกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลก เกี่ยวกับงานในสหรัฐและยุโรป เผยให้เห็นว่า สัดส่วน 2 ใน 3 ของงานต่าง ๆ สามารถทำได้โดยอัตโนมัติในระดับหนึ่งเป็นอย่างน้อย

ตำแหน่งงานทั่วโลกอาจได้รับผลกระทบจากเอไอ มากถึง 300 ล้านตำแหน่ง และเป็นไปได้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงาน แม้ว่าตามประวัติศาสตร์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะทำให้งานซ้ำซ้อน และสร้างงานใหม่ก็ตาม

นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีเอไอ ยังสามารถเพิ่มการเติบโตของผลิตภาพแรงงาน และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ทั่วโลกมากถึง 7% เมื่อเวลาผ่านมา ซึ่งบางอาชีพจะได้รับผลกระทบมากกว่าอาชีพอื่น ส่วนงานที่ต้องออกแรงนั้น จะมีโอกาสน้อยที่จะได้รับผลกระทบ

ในสหรัฐ อาชีพด้านความช่วยเหลือในสำนักงานและการบริหาร มีสัดส่วนงานที่สามารถใช้ระบบอัตโนมัติทำแทนสูงที่สุด คือ 46% รองลงมาคืองานด้านกฎหมาย ซึ่งอยู่ที่ 44% และงานในด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม ที่ 37% ขณะที่งานภาคส่วนชีวิต, กายภาพ และสังคมศาสตร์ มีอยู่ที่ 36% ตามมาด้วยธุรกิจและการดำเนินงานทางการเงิน ที่ 35%

อีกด้านหนึ่ง งานด้านการทำความสะอาดอาคารและพื้น รวมถึงภาคส่วนการซ่อมบำรุง มีความเสี่ยงต่อระบบอัตโนมัติแค่ 1% เท่านั้น ส่วนงานติดตั้ง งานบำรุงรักษา และงานซ่อมแซม มีโอกาสได้รับผลกระทบจากเอไอเพียง 4% ขณะที่การก่อสร้างและการสกัด ได้รับผลกระทบอยู่ที่ 6%

แม้ข้อมูลของทวีปยุโรปจะกว้างกว่าเล็กน้อย แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่คล้ายคลึงกัน โดยงานด้านความช่วยเหลือของเสมียนได้รับผลกระทบมากที่สุดถึง 45% ทว่างานฝีมือและภาคส่วนการค้าที่เกี่ยวข้อง มีความเสี่ยงต่อระบบอัตโนมัติแค่ 4% เท่านั้น ซึ่งโดยรวมแล้ว งานที่สามารถทำด้วยระบบอัตโนมัติในยุโรปมีอยู่ที่ 24% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในสหรัฐที่ 25% อีกทั้งตัวเลขเหล่านี้จะเปลี่ยนไป เมื่อดูที่ระบบอัตโนมัติผ่านเอไอ ในระดับโลก

นอกจากนี้ ฮ่องกง, อิสราเอล, ญี่ปุ่น, สวีเดน และสหรัฐ มีแนวโน้มเป็น 5 อันดับแรกของประเทศและดินแดน ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะเดียวกัน ตำแหน่งงานของพนักงานในจีน, ไนจีเรีย, เวียดนาม, เคนยา และอินเดีย ซึ่งอยู่ในอันดับสุดท้าย น่าจะได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีเอไอ น้อยที่สุด

รายงานสรุปว่า แม้ข้อมูลจะแสดงให้เห็นว่า เอไอจะส่งผลต่อตลาดแรงงานอย่างไม่ต้องสงสัยเลย อย่างไรก็ดี ยังไม่แน่ชัดว่า มันจะสร้างผลกระทบได้อย่างไร

“ท้ายที่สุดแล้ว ผลกระทบของเอไอ จะขึ้นอยู่กับความสามารถ และระยะเวลาของการนำไปใช้” รายงาน ระบุทิ้งท้าย พร้อมกับเสริมถึงปัจจัยสำคัญ 2 ประการ คือ ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีเอไอที่เกิดขึ้นจริง และปริมาณการใช้งานมันในทางปฏิบัติ.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS