โดยนายวราวุธ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ดุเดือดมากกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีการแข่งขั้นสูง ประชาชนตื่นตัวมาก ในวันเลือกตั้งคนอาจมาออกมาใช้สิทธิทะลุถึง 80% ก็ได้ ในส่วนของพรรค ชทพ. ตั้งเป้าไว้ให้ได้ ส.ส. อยู่ที่ 20-25 ที่นั่ง โดยกระจายเป็นภาคกลาง 5-9 ที่นั่ง กทม. 1-3 ที่นั่ง และยังมี สุพรรณบุรี เพชรบุรี รวมถึงภาคอีสาน และภาคเหนืออีกด้วย ในส่วนของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีความนิยมระดับหนึ่ง แต่ไม่แน่ใจว่าสุดท้ายจะแปลออกมาเป็นอย่างไร  

ผมเพิ่งเป็นหัวหน้าพรรค ชทพ. ได้เพียง 6 เดือนกว่า ๆ จึงต้องใช้เวลาและอดทนรอ เลือกตั้งครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้น แต่ต่อไปจะเป็นจุดเปลี่ยน เพราะมีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานจำนวนมาก พรรค ชทพ. จะเป็นตัวเชื่อมคนรุ่นต่าง ๆ อาชีพต่าง ๆ มารวมกัน วันนี้เรากำลังแตกกิ่งก้านสาขา คำว่า “สัจจะ” และ “กตัญญู” ยังคงเป็น “ดีเอ็นเอ” ของพรรค ชทพ. แต่การทำงานเรามีผู้ใหญ่และมีคนรุ่นใหม่มาร่วมกัน พรรค ชทพ. จะคิดโดย Gen Z ทำโดย Gen Y ปรึกษา Gen X ใช้ประสบการณ์ของ Gen D เป็นการทำงานที่เดินไปข้างหน้าครอบคลุมทุกรุ่นโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง นี่คือจุดแข็งที่จะเสนอต่อสังคมไทย แม้ว่าโพลต่าง ๆ ที่ออกมาจะประเมินว่าอาจจะไม่ถึงเป้าที่เราตั้งไว้ แต่ก็เป็นตัวกระตุ้นให้ผู้สมัครลงพื้นที่และเปิดเวทีปราศรัยมากขึ้น

มั่นใจว่านโยบายของพรรค ชทพ. จะนำสู่ความยั่งยืนให้กับประเทศในระยะยาว เราเป็นนักปฏิบัติสิ่งที่ทำมาสามารถจับต้องได้ และนำสู่การปฏิบัติได้ โดยเฉพาะ 4 ปีที่ผ่านมา ที่ผมเป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีผลงานที่โดดเด่นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การแก้ปัญหาน้ำประปา หรือสิทธิทำกินที่มอบให้กับประชาชนทั่วประเทศเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ปฏิบัติได้จริงและเกิดประโยชน์ได้จริง ดังนั้น ถ้าประชาชนให้โอกาสเรามาทำงาน นโยบายของเราจะนำมาประยุกต์ให้เพื่อประโยชน์ทุกภาคส่วน ทั้งเครดิตคาร์บอน เอสเอ็มอี ภาคเกษตร ไปจนถึงระดับนานาชาติ เป็นนโยบายที่เชื่อมโยงประเทศไทยระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับนานาชาติ นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย WOW Thailand “ว้าว ไทยแลนด์” โดย คำว่า WOW คือ “Wealth Opportunity and Welfare For All” หรือ “การสร้างความมั่งคั่ง สร้างโอกาส และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีเพื่อประชาชน

“พรรค ชทพ. กำลังสื่อถึงประชาชนว่า เราต้องปรับและเปลี่ยนวิธีคิด โดยเฉพาะด้านการเกษตร 4 ปีที่ผ่านมา เราไม่ได้ทำเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่เราทำเรื่องสภาพอากาศ ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะจะเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายโลกใบนี้ เราจึงนำเสนอเรื่องเกษตรรุ่นใหม่ขายคาร์บอนเครดิตได้ การตั้งศูนย์เครดิตคาร์บอนในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก จะเปลี่ยนให้ประเทศไปยืนอยู่บนเวทีโลกได้ นี่คือทางรอดของประเทศไทย”

@ หลังการเลือกตั้งพรรค ชทพ. วางท่าทีตัวเองอย่างไร

เรายืนยันอยู่ใน 2 หลักสำคัญ คือ หนึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องมีการตั้ง ส.ส.ร.เหมือนกับสมัยที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา ได้ทำไว้ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการรับฟังความเห็นจากประชาชนอย่างรอบด้าน เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง ส่วนข้อสอง นโยบายที่ทางพรรคเสนอทั้งคาร์บอนเครดิต การกระจายอำนาจ และอื่น ๆ จะต้องถูกกำหนดในนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น การจะตัดสินใจร่วมรัฐบาลหรือไม่ อยู่ที่สองประเด็นนี้

“ที่สำคัญพรรค ชทพ. ไม่สนับสนุนการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย รัฐบาลที่เกิดขึ้นควรมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร โดยเราจะให้โอกาสพรรคที่มีคะแนนเสียงอันดับหนึ่งจากการเลือกตั้งจัดตั้งรัฐบาลก่อน และถ้าจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็อยู่ที่ว่าใครจะรวมเสียงได้มากกว่า”

@ มองข้อเรียกร้องในการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 อย่างไร

มองว่าในตัวของมาตรา 112 ไม่มีปัญหา ไม่จำเป็นต้องแก้ไข เพราะตั้งแต่เกิดมาจนถึงทุกวันนี้ไม่เห็นคนทั่วไปมีปัญหา มาตรา 112 ไม่ใช่มาตราที่หาเรื่องใคร

@ พรรค ชทพ. มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งพรรคการเมืองทั้งสองขั้ว ถือเป็นแต้มบวกที่จะได้เป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งหรือไม่

เป็นแต้มบวกในมุมมองทางการเมืองที่จะเอื้อให้พรรค ชทพ. นำนโยบายไปประยุกต์ใช้ให้กับประชาชนอย่างแท้จริง แต่ในแต้มลบก็มีเพราะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งจะกล่าวหาว่าจ้องแต่จะเป็นรัฐบาล แต่หัวใจสำคัญคือ นำนโยบายที่หาเสียงไปทำประโยชน์เพื่อประชาชน

@ หลังการเลือกตั้งพรรค ชทพ. พร้อมที่จะร่วมรัฐบาลกับพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งเลยหรือไม่

ถ้าเขามาเชิญ และเงื่อนไขที่คุยกัน เป็นความถี่เดียวกัน พูดจาไปในทิศทางเดียวกัน เราก็โอเคไม่ขัดข้อง

@ จากผลการสำรวจของสำนักโพลหลายสำนักมีทิศทางตรงกันว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ยังจะเป็นพรรคที่ได้ ส.ส.เป็นอันดับหนึ่ง แต่ต้องผ่านด่าน 250 ส.ว. จะรับมือกับปัญหานี้อย่างไร

ผมขอย้ำว่า ท้ายที่สุดแล้ว รัฐบาลจะต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ไม่ใช่รัฐบาลเสียงข้างน้อย แล้วมาอาศัยเสียงของ ส.ว. มาร่วมตัดสิน แม้ว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องอาศัยเสียง ส.ว. แต่การบริหารงานทั่วไปของรัฐบาลทั้งเรื่องงบประมาณ การพิจารณากฎหมายต่าง ๆ และการอภิปรายต่าง ๆ จะใช้เสียงเพียง 500 ของสภาผู้แทนราษฎร จึงเป็นที่มาที่เราบอกว่าพรรค ชทพ. สนับสนุนเสียงข้างมาก ไม่สนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่เช่นนั้นแล้วจะกลับไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่คือ การยุบสภา และเลือกตั้งใหม่อีก ซึ่งไม่เกิดประโยชน์กับใครเลย  

อย่างไรก็ตาม ในช่วงการเลือกตั้งโค้งสุดท้ายนี้ พรรค ชทพ. ขอฝากไปถึงประชาชนว่า พรรค ชทพ. วันนี้เรายังไม่ใช่พรรคใหญ่ แต่ถ้าประชาชนให้โอกาสเลือกพรรค ชทพ. เข้าไปทำงานในการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. จะเป็นการแปรเปลี่ยนทุกคะแนนเสียงที่เลือกเรามาเป็นการทำงานที่สร้างผลงานให้กับประชาชน ผมสามารถยืนยันได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามีผลงานเป็นที่ประจักษ์ โดยประชาชนสามารถเข้าไปติดตามการทำงานได้เพจเฟซบุ๊ก TOP Varawut – ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา และเพจเฟซบุ๊กพรรคชาติไทยพัฒนา ขอให้พี่น้องประชาชนให้โอกาสเลือกพรรค ชทพ. ทั้งคนทั้งพรรค กาบัตรใบสีเขียวเบอร์ 18 เลือกพรรค ชทพ. ส่วนบัตรใบสีม่วงที่เลือก ส.ส.เขต ก็เลือกตามเขตของแต่ละคน เพราะนโยบายของเราเป็นทางรอดของประเทศไทย.