ฤดูกาลหน้าจะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก แบบเก่า ก่อนจะประเดิมการแข่งขันรูปแบบใหม่ในฤดูกาล 2024-25 ว่าแต่เปลี่ยนไปยังไงและจะส่งผลยังไงต่อพรีเมียร์ลีก?

เริ่มจากจำนวนทีมที่จะเพิ่มจาก 32 เป็น 36 ทีม แมตช์ก็มากขึ้นเป็น 189 แมตช์จากเดิม 125 แมตช์ รอบแบ่งกลุ่มแบบเดิมถูกยกเลิกและแทนที่ด้วยระบบลีก เฟส หรือที่เรียกว่า สวิส โมเดล

แต่ละทีมจะลงเล่น 8 นัด (เหย้า 4 เยือน 4) เจอคู่ต่อสู้ไม่ซ้ำกัน โดย 8 ทีมอันดับแรกจะผ่านเข้ารอบอัตโนมัติ ส่วนอันดับ 9 ถึง 24 ต้องเตะรอบเพลย์ออฟสองนัดหาผู้ชนะเข้ารอบ 16 ทีม จากนั้นเป็นรูปแบบเดิมไปจนนัดชิงชนะเลิศ

โควตาที่เพิ่มมา 4 ที่นั่ง 2 ในนั้นจะมอบให้กับชาติที่สโมสรทำผลงานร่วมกันได้ดีที่สุดในฤดูกาลก่อน คิดจากแต้มทั้งหมดหารด้วยจำนวนทีม เปลี่ยนแปลงจากการใช้ค่าสัมประสิทธิ์ที่ถูกวิจารณ์หนักในหลายปีหลังว่าไม่เหมาะสม

นอกจากนี้ทีมชาติเดียวกันอาจดวลกันได้ตั้งแต่รอบน็อคเอาท์รอบแรก ต่างจากแบบเดิมที่จะไม่ได้เจอกันจนกว่ารอบก่อนรองชนะเลิศ

แล้วเป็นระบบที่ดีต่อพรีเมียร์ลีกหรือไม่? ก็ถือว่าดีมาก เพราะหากพวกเขาสามารถรักษามาตรฐานในถ้วยยุโรปไว้ได้แล้ว เป็นไปได้สูงมากที่ทีมพรีเมียร์ลีกจะการันตีได้ 5 ทีมไปแชมเปียนส์ ลีกแทนที่มีแค่ 4 ทีมอย่างปัจจุบัน เมื่อรวมถ้วยเล็กอื่นด้วยจึงอาจมีทีมพรีเมียร์ลีกมากถึง 8 ทีมในแต่ละฤดูกาล

อย่างไรก็ตามลีกเอิง ฝรั่งเศส ไม่ค่อยพอใจนิดๆ พวกเขาอ้างว่าที่ตัดสินใจลดทีมเหลือ 18 ทีมก็เพื่อรองรับเกมยุโรปที่มากขึ้น แต่กลายเป็นว่ารอบแรกแข่งแค่ 8 นัด ปรับลดจากแผนเดิมที่ตั้งไว้ 10 นัด และพวกเขาอยากได้โควต้าแชมเปียนส์ลีกมากขึ้นในฐานะทีมจากลีกขนาดกลาง

สำหรับยูฟ่าเองคิดแผนนี้ขึ้นมาหลังจากกลุ่มกบฎที่คิดจัดตั้งซูเปอร์ลีกซึ่งล้มไปแล้ว ก็ยิ้มกริ่มเพราะคาดการณ์รายได้โตกระฉูดเพิ่ม 33% โดย 3 ปีหลังพวกเขามีรายได้เฉลี่ย 3.6 พันล้านยูโรต่อปี จึงน่าจะเพิ่มเป็นระหว่าง 4.6-4.8 พันล้านยูโร และกำไรที่เพิ่มก็จะแบ่งสรรไปให้ทีมต่างๆ มากขึ้น

ส่วนยูโรปาลีกและยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ลีก จะปรับรูปแบบตามกัน หันไปใช้รูปแบบลีก และเริ่มต้นด้วย 36 ทีมเหมือนกัน เพียงแต่ คอนเฟอเรนซ์ลีก จะเล่นรอบแรกแค่ 6 นัด

หวังว่าจะสนุกและตื่นเต้นเหมือนเดิม.

เฮียเอง