1.59 – 4.9 คือค่าร้อยละที่แม่ตกเลือดหลังคลอดใน รพ.ขนาด 60 เตียง แพทย์ 15 คน (ไม่มีสูติแพทย์) พยาบาลวิชาชีพ 80 คน ตัวเลขตกเลือดหลังคลอดของ รพ.นี้ต่ำกว่าค่าสูงสุด (ร้อยละ 22) ที่มีรายงานในโลกนี้ 4-14 เท่า และอยู่ในพิสัยใกล้เคียงกับของประเทศไทย (ร้อยละ 2.4 – 4.4)
มีคำกล่าวว่า บนเส้นทางพัฒนาคุณภาพบริการ จุดสิ้นสุดหามีไม่ ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการค้นคว้าหาหนทางป้องกันแม่ตกเลือดหลังคลอดให้ดียิ่งขึ้น อันเป็นที่มาของตัวเลข 1.59 – 4.9 จากผลงานของนักเรียนแพทย์ (นรพ.) ปีสุดท้ายในเวลา4สัปดาห์ของการฝึกอบรมใน รพ.แห่งนั้น
จากจุดตั้งต้นนี้การค้นคว้าต่อไปของ นรพ. พบว่า โอกาสพัฒนาตั้งแต่ระยะฝากครรภ์ไปจนถึงระยะหลังคลอด เช่น ควรการส่งต่อข้อมูลการฝากครรภ์กรณีพบความเสี่ยงที่แม่อาจตกเลือดหลังคลอด แพทย์ควรคัดกรองความเสี่ยงด้วยอัลตราซาวน์แก่แม่ที่เริ่มเจ็บท้องคลอดและมาถึง รพ.ว่าลูกตัวโต หรือรกเกาะต่ำหรือไม่ ควรให้ยาช่วยการหดตัวของมดลูกในจังหวะที่เหมาะสม เป็นต้น
การวิจัยรพ.14แห่งในประเทศไทย พบว่าแม่ตกเลือดหลังคลอดร้อยละ 1.4 – 10.6 และลักษณะต่อไปนี้ทำนายโอกาสตกเลือดหลังคลอด
-แม่เคยตกเลือดหลังคลอดมาก่อน
-ทารกน้ำหนักเกิน3.5กก.
-รพ.ขนาดเล็กเสี่ยงมากกว่ารพ.ขนาดใหญ่ รพ.ขนาดเล็กมักมีแพทย์เพียงคนเดียวอยู่เวรกะดึกทั้งรพ. เมื่อต้องดูแลคนไข้หนัก ณ จุดหนึ่ง ย่อมยากจะปลีกตัวไปดูแลจุดอื่นในเวลาไล่เลี่ยกัน
-รพ.ที่มีเครื่องมือพร้อมเสี่ยงน้อยกว่ารพ.ที่เครื่องมือไม่พร้อม(เทียบกับมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ)
-ประสบการณ์ของพยาบาลทำคลอด (6-10ปีจึงจะเพียงพอ) และอัตราส่วนจำนวนพยาบาลต่อแม่รอคลอด (มาตรฐานคือ พยาบาล 2 คน แม่หนึ่งคน) บางรพ.มีพยาบาลขึ้นเวรบ่าย-ดึกเพียงคนเดียว จึงยากที่จะให้ยาช่วยมดลูกหดตัวภายใน 1 นาทีหลังเด็กคลอด และยังเสี่ยงที่พยาบาลจะให้ยาผิดประเภทหรือผิดขนาด
มีข้อสังเกตของ นรพ.ว่า บรรยากาศบ้านพัก และสถานที่หย่อนใจใน รพ.เป็นเงื่อนไขสำคัญในการดึงดูดให้แพทย์ พยาบาล และบุคลากรการแพทย์อยากอยู่ รพ.นานๆ แต่ดูเหมือนความจริงของ รพ.สังกัดกระทรวงสาธารณสุข และ รพ.รัฐอีกมากมาย ไม่เป็นใจเช่นนั้น ผมยังจำได้ว่า เพื่อนแพทย์ที่สิงคโปร์เล่าให้ฟังว่า รพ.แต่งห้องพักแพทย์ให้สะดวกสบายราวสตูดิโอชั้นเยี่ยม แพทย์จึงชอบอยู่ประจำตึกคนไข้เวลาอยู่เวร ในระบบราชการไทย ดูเหมือนเรื่องที่พักอาศัย (อย่างน้อยสำหรับตำแหน่งสูง) จะได้รับความสำคัญในส่วนของกองทัพไทย และตุลาการไทย.
………………………………
คอลัมน์ : เวทีชวนคิด
โดย : ชวนคิด