“ทีมการเมืองเดลินิวส์” จึงต้องมาสนทนากับ “พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า จะสู้เกมในสนามการเมืองในสภาครั้งนี้อย่างไร เพราะถูกมองว่าพรรคก้าวไกลไม่ทันเกมพวกการเมืองรุ่งเก่า

โดย “พล.ต.ต.สุพิศาล” เปิดประเด็นว่า  เรายืนยันว่าเราต้องการที่นั่งประธานสภา เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในเรื่องของการคัดสรรและการยื่นกฎหมายต่างๆ และคิดว่าในสุดพรรคก้าวไกลกับเพื่อไทยจะตกลงกันได้ เพราะจุดมุ่งหมายเรามีจุดเดียวกัน คือ ต้องการสร้างประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ เราไม่ต้องการเป็นจุดอ่อนที่จะให้เป็นรอยร้าวของการที่เข้าสู่ระบบประชาธิปไตย เพราะเสียงของทั้ง 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาลที่มี 300 เสียงขึ้นเป็นมติมหาชน ซึ่งเกิดขึ้นได้น้อย ที่ฝ่ายประชาธิปไตยสามารถเข้ามายึดครองพื้นที่ทั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อและ ส.ส.เขต เราทำการบ้านมา และได้เสนอนโยบายต่างประชาชน นั่นคือสิ่งที่เป็นหมุดหมายสำคัญ คือ เราต้องการเริ่มเรื่องของประชาธิปไตยยุคใหม่อย่างถูกต้องและเป็นธรรม 

@หากเกมการเมืองพลิกผันพรรคก้าวไกลพร้อมเป็นฝ่ายค้านหรือไม่

ไม่ใช่พร้อมหรือไม่ พรรคก้าวไกลไม่คิดว่าจะเป็นฝ่ายค้าน เพราะว่ามันเป็นสเต็ปบายสเต็ปคือพรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับหนึ่ง โดยฉันทามติและเสียงส่วนใหญ่คน 14 ล้านคน ที่ให้เรานำพรรคเพื่อไทย และต้องการให้เราเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเปลี่ยนประเทศ สิ่งแรกก็คือการต่อรองกันฉันมิตรในฐานะฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันเพื่อให้อยู่รอด แต่เพื่อไทยก็จะใช้ความอาวุโสความที่อยู่กับสภามา 20 ปี ในการใช้ตัว ส.ส. เพื่อเรียกร้องสิทธิ แต่ถ้ากลับกันก้าวไกลไม่เคยเรียกร้องก้าวไกลมีหน้าที่จะทำให้เกิดรัฐบาลประชาธิปไตยอย่างมุ่งมั่น เพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ แล้วเดินออกไปจากกับดักรัฐธรรมนูญเดิมที่วางไว้ ถึงแม้สุดท้ายอาจติดปัญหาที่ส.ว. แต่เราก็พยายามแก้ปรับแผน เพื่อให้เกิดรัฐบาลประชาธิปไตยอย่างชัดเจน

“ เราไม่เคยคิดจะเป็นฝ่ายค้าน เพราะมันไม่ใช่โอกาสและเวลาที่ประชาชนมอบหมายให้กับพรรคก้าวไกลมาทำงานใน 4 ปีที่จะถึงนี้ผมคิดว่าการปรองดองจะเกิดขึ้นได้ด้วยการมีทีมงาน จึงต้องรอฟังวันที่ 2 ก.ค.นี้ คงยุติเรื่องได้ ยืนยันว่าเราต้องร่วมและเป็นแกนนำรัฐบาล”

@ มองเกมดีลรัก ดีลลับ อย่างไร พรรคเพื่อไทยยังจริงใจกับพรรคก้าวไกลหรือไม่

ดีลลับมันเป็นจินตนาการของผู้ที่หยั่งรู้ ต้องบอกว่าเป็นผู้หยั่งรู้คาดเดาไป เพราะการที่จะซื้องูเห่าก็ดี หรือจะพลิกขั้วจาก 181 กับ 300 กว่ามันเป็นไปได้ยาก ถ้า 3 พรรคบวกกับอีก 5 พรรคใหม่ที่เข้ามาเราจับมือและกลมเกลียวกัน ยึดหลักประชาธิปไตย และต้องการให้เกิดรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ก็คงต้องแบ่งปันผลประโยชน์ที่เหมาะสมกันให้ได้ เพื่อประชาชนทุกคนที่ต้องการให้ก้าวไกลเข้าไปเป็นรัฐบาล  พรรคก้าวไกลถือเสียงข้างมาก ก็คงต้องเป็นไปตามนั้นอย่างชัดเจน

มีกระแสข่าวแกนนำพรรคก้าวไกลติดต่อพรรคซีกฝ่ายขั้วอำนาจเดิมอย่างพรรคภูมิใจไทย มาร่วมตั้งรัฐบาล

ไม่มีทาง พรรคภูมิใจไทยมีข้อที่เราตรวจสอบเขาอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเลขาธิการพรรคในเรื่องที่ดินเขากระโดง ที่ได้มาโดยมิชอบตามกฎหมายที่กำหนดไว้ และเราก็ยื่นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ จนศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักการทำงาน ที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคก็พูดชัดเจนเราไม่มีทางได้คุยกันเรื่องนี้  อย่างไรก็ตามเราต้องการให้ ส.ส.500 ไม่ว่าจะเป็นพรรคจากฝ่ายรัฐบาลเองก็ตามที่กำลังเข้าสู่โหมดของการเลือกหรือคัดสรรประธานสภา โปรดใช้สิทธิของการทำให้เกิดประชาธิปไตยแบบยั่งยืน โดยเฉพาะการเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับ ส.ว.ที่จะเกิดขึ้นในเวทีรัฐสภา 750 คน 

ถ้า ส.ส.ทั้ง 500 คนได้เข้าใจในบทบาทของมาตรา 114 ของรัฐธรรมนูญ ส.ส.คือผู้แทนราษฎรของปวงชนชาวไทย ท่านก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ของคนส่วนรวม แล้วก็ไม่เอาความขัดกันแห่งผลประโยชน์มาเป็นเงื่อนไข และต้องไม่อยู่อาณัติใคร มาเลือกผู้ที่ได้เสียงข้างมากจากระบอบประชาธิปไตยอันเป็นธรรมจากการเลือกตั้ง เพราะถือว่าเป็นประชามติจากการเลือกตั้งมาส่วนหนึ่งแล้ว ถึงแม้เราจะได้ 14 ล้านเสียง แต่เราก็เป็นผู้นำในการที่เป็นเสาหลักของประชาธิปไตยในขณะนี้ ประชาชนได้มอบอำนาจนี้ให้ เราจึงมีอำนาจที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างชัดเจน

“ขอกราบเรียน ส.ส.ทุกท่านที่เกี่ยวข้องถึงจะเป็นพรรครัฐบาลเดิมก็ตาม ผมถือว่าเป็นมิติใหม่ เราจะมี ส.ส. เข้ามาในสภา เป็น ส.ส. ใหม่ 243 คน เป็นของก้าวไกล 120 ที่เหลือเป็นของพรรคฝ่ายอื่นๆ ร่วมกัน พูดง่ายๆ ว่าเรามี ส.ส.ใหม่ที่จะร่วมกันลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์อย่างมุ่งมั่นโดยไม่เอาเงื่อนไขของอำนาจจากรัฐรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ตรึงไว้ เพื่อให้ ส.ว.เป็นผู้ร่วมเลือกเราด้วย กลุ่มของ ส.ว.บางท่านก็บอกว่าให้ได้เสียง 376 เสียง ก็ไม่เป็นไร  เพราะครึ่งหนึ่งของสภาล่างก็คือ 251  เรามีเสียงเกินอยู่แล้ว ถือว่าเรามีเสียงข้างมากในสภาล่าง ซึ่งถ้าเป็นกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญฉบับเก่าเราตั้งรัฐบาลได้แล้ว”

@ สุดท้ายหากนายพิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ พรรคก้าวไกลมีแผนรับมืออย่างไร

ทางพรรคก็มีแผนหนึ่งแผนสองเตรียมไว้ แต่เวลานี้พรรคมีแผนเดียว คือ เลือก “พิธา” เป็นนายกฯ โดยเฉพาะการประสานงานกับผู้ทรงเกียรติหลายๆ คนไม่ว่าจะเป็นฝั่งของ ส.ว. หรือ ส.ส. ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของพรรคแกนนำตั้งรัฐบาลก็ตาม เราก็คิดว่าคราวนี้จะเห็นความมหัศจรรย์ของอำนาจของประชาชน คิดว่า ส.ส.ก็ดี หรือ ส.ว.บางคนที่เข้าใจ และรู้บทบาทของการทำหน้าที่ในมาตรา 114 ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ขอให้ทำอย่างครบถ้วน เพราะท่านเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยทุกคน

@ กระแสข่าวการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ออกมาถี่ในช่วงใกล้เปิดประชุมสภาเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน

ผมสมมติฐานให้ฟังว่ามันเกิดขึ้นจากคนที่จะสูญเสียอำนาจบางกลุ่ม และบางก้อนที่เคยดำรงอำนาจอยู่ไม่อยากถูกตรวจสอบ ไม่อยากถูกย้อนหลัง ไม่อยากถูกกระบวนการยุติธรรมเข้าไปล้วงลึกและทำให้เห็นถึงแก่นแท้ในช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมา ก็พยายามที่จะดิ้นรน โดยเฉพาะคิดว่าการที่จะมีรัฐบาลเสียงส่วนน้อย มันเกิดขึ้นได้จริง แต่ผมยืนยันว่าเกิดขึ้นไม่ได้จริงหรอกครับ เพราะว่าหนึ่งการโหวตเพื่อจะให้มีรัฐบาลเสียงส่วนน้อยจะอยู่ไม่ได้ในสภาล่างแน่นอน และเชื่อว่ารัฐบาลเสียงส่วนน้อยคงไม่เกิด และหวังว่าประเทศชาติจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตข้างหน้า.