สุดท้ายการรอคอยของแฟนบอล “ผีแดง” ก็สิ้นสุดลงเรียบร้อยแล้วนะครับ หลังขวัญใจคนเดิมอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด กลับมาลงประเดิมสนามในเสื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นครั้งที่ 2 ไปแล้วในเกมพรีเมียร์ลีก นัดถล่ม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 4-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

นี่คือการคัมแบ๊กในฝัน ซึ่งแม้กระทั่งตัวของโรนัลโดเองยังยอมรับว่า สวยงามเกินกว่าที่จินตนาการเอาไว้มากมายทีเดียว หลังตัวเขาเหมาคนเดียวถึง 2 ประตู ทั้งที่ในใจแอบหวังเอาไว้ว่า แค่ยิงได้สักลูกก็นับว่าหรูมากแล้ว

                แม้จะดูประหม่าอยู่นิด ๆ ในช่วงออกสตาร์ต แต่พอจับจังหวะของเกมได้ ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกส ก็สำแดงเดชให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่า ยังมีดีแบบเหลือกินเหลือใช้ในวัย 36 ปี

                ทั้ง 2 ประตูที่ โรนัลโด ทำได้ในเกมนี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงอะไรบางอย่างที่เรียกว่า “คลาส”

                ประตูแรกเกิดจากสัญชาตญาณเพชฌฆาตที่กระซิบให้ โรนัลโด ออกตัวตั้งแต่เห็นบอลออกจากเท้าของ เมสัน กรีนวูด จนทำให้เขาเข้าถึงบอลก่อนทุกคนในจังหวะที่ เฟร็ดดี วูดแมน นายทวารของ นิวคาสเซิล ซองแตกจนกระทั่งได้ซ้ำเข้าไปง่าย ๆ และกลายเป็นประตูแรกในรอบ 12 ปี 124 วันของเขากับ เรด เดวิลส์

                สำหรับประตูที่ 2 โรนัลโด แสดงให้เห็นถึงทักษะลูกหนังอันยอดเยี่ยม ด้วยการวิ่งเข้าช่อง ก่อนจะเกี่ยวลูกเปิดของ ลุค ชอว์ ที่ย้อนหลังนิด ๆ มาเล่นต่อแบบเนียน ๆ ก่อนจะตะบันลอดหว่างขา วูดแมน เข้าไปเป็นประตูขึ้นนำ 2-1

                แน่นอนว่า การได้ โรนัลโด กลับมาประสานงานกับ ปอล ป็อกบา, เจดอน ซานโช, เมสัน กรีนวูด และ บรูโน แฟร์นันด์ส ย่อมทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมที่มีแนวรุกที่น่าครั่นครามไม่แพ้คู่แข่งรายไหนในพรีเมียร์ลีก

                ทว่าปัญหาที่พวกเขายังแก้ไม่ตกก็คือมิดฟิลด์คู่กลางที่ยังเป็นจุดสลบของทีมเหมือนเดิม

                เกมนี้ โอเล กุนนาร์ โซลชา พยายามปรับทัพด้วยการดร็อป เฟร็ด ที่โชว์ฟอร์มออกทะเลมา 2 นัดติดต่อกัน และใส่ เนมานยา มาติช ลงไปคุมเกมคู่กับ ป็อกบา แทน

                แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นเพราะ มาติช ชอบเก็บบอลเอาไว้กับตัวนานเกินไปจนทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นเกมรุกได้อย่างเชื่องช้า กว่าจะเอาบอลขึ้นหน้าได้นักเตะของนิวคาสเซิลก็ถอยลงไปกองกันเต็มหน้าประตูเสียแล้ว

                แถมเมื่อต้องตกเป็นฝ่ายรับ ดาวเตะเซิร์บ ก็ยังเชื่องช้าเกินกว่าที่จะเบรกเกมสวนกลับของ สาลิกาดง ที่มาพร้อมกับตัวจี๊ดอย่าง มิเกล อัลมิรอน และอัลลอง แซงต์ แม็กซิแมง ได้อีกต่างหาก

                ในเมื่อ โซลชา แสดงออกชัดเจนแล้วว่า ไม่คิดจะใช้งาน ดอนนี ฟาน เดอ เบ็ค ในตำแหน่งหมายเลข 6

ขณะที่ เฟร็ด กับ มาติช ต่างก็ทำผลงานได้ไม่เข้าตา ความหวังสูงสุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตำแหน่งนี้จึงหนีไม่พ้น สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟูความฟิตหลังขึ้นเขียงผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบ

                แม้จะไม่ใช่กลางรับพันธุ์แท้เหมือน เอ็นโกโล ก็องเต หรือ มิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ ระดับแถวหน้า แต่อย่างน้อย แม็คทอม ก็ออกบอลได้แม่นกว่า เฟร็ด และเล่นเกมรับได้แข็งแกร่งกว่า มาติช ซึ่งทำให้เขาเหมาะกับบทบาทลูกหาบของ ป็อกบา มากที่สุดแล้วในยามนี้

ทว่าหากได้ แม็คโทมิเนย์ กลับมาแล้วทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้นอีก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็อาจจะต้องหันไปใช้เงินแก้ปัญหาอีกครั้งในช่วงเปิดตลาดนักเตะหน้าหนาวแล้วล่ะครับ.

             แท ยอน