มาครงวางเดิมพันยุทธศาสตร์ของฝรั่งเศส ในภูมิภาคซาเฮลของทวีปแอฟริกา เกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองของประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด บาซูม ผู้นำพลเรือน ส่งผลให้ไนเจอร์เป็นศูนย์กลางทางทหารสำหรับฝรั่งเศส หลังการรัฐบาลประหารติดต่อกันในมาลี และบูร์กินาฟาโซ ทำให้รัฐบาลปารีสต้องถอนทหารออกทั้งหมด

แม้รัฐบาลปารีสไม่เต็มใจยอมรับการขับไล่บาซูม จากเหตุการณ์รัฐประหาร เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2566 และยืนกรานว่า บาซูมเป็นประธานาธิบดีไนเจอร์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่มาครงประกาศ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำไนเจอร์ จะเดินทางออก “ภายในอีกไม่ช้านี้” ส่วนทหารฝรั่งเศสทั้งหมดจะถอนกำลังกลับออกไป ภายในช่วงสิ้นปีนี้

อนึ่ง ฝรั่งเศสประสบกับปัญหา ในการถอนทหารราว 1,500 นาย และยุทโธปกรณ์ ออกจากไนเจอร์ ซึ่งขณะนี้ปกครองโดยรัฐบาลทหารที่ต่อต้านรัฐบาลปารีส

“การถอนกำลังครั้งที่ 3 ในเวลาไม่ถึง 2 ปี เกี่ยวกับการมีอยู่ของกองกำลังทหารฝรั่งเศสในแอฟริกา ถือเป็นความล้มเหลวที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับมาครง นับตั้งแต่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส เมื่อปี 2560” หนึ่งในหนังสือพิมพ์ใหญ่ของฝรั่งเศส “เลอมงด์” ระบุเสริมว่า การถอนกำลังออกจากมาลีและบูร์กินาฟาโซ ถูกมองว่าเป็นโอกาสสำหรับบางฝ่าย แต่การ “จำใจ” ต้องออกจากไนเจอร์ นับว่าเป็นความเสียหายต่อกองทัพอย่างแท้จริง

มาครงกล่าวซ้ำหลายครั้งเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ต่อผลกระทบหลังยุคอาณานิคมของฝรั่งเศสในแอฟริกา โดยละทิ้งแนวคิดใด ๆ เกี่ยวกับกลยุทธ์ “ฟรองซาฟริค” (Francafrique) หรือกลุ่มประเทศในแอฟริกาที่อยู่ภายใต้อาณานิคมของฝรั่งเศส ซึ่งรัฐบาลปารีสพยายามควบคุม ให้ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาหลัก

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่า รัฐบาลปารีสกำลังสูญเสียอิทธิพล เพราะการรุกคืบของจีน ตุรกี และรัสเซีย ส่งผลให้คำพูดของมาครง เกี่ยวกับความสัมพันธ์ใหม่กับแอฟริกา มีโอกาสน้อยมากที่จะเป็นจริง

BBC News Africa

นายฟาฮิรามาน โรดริเก โคเน นักวิจัยจากสถาบันการศึกษาความมั่นคง (ไอเอสเอส) ระบุว่า ฝรั่งเศสไม่รู้วิธีถอนตัวในเวลาที่เหมาะสม และต้องการรับบทเป็นผู้นำต่อไป ในบริบทที่สภาพแวดล้อมทางสังคมวิทยาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

ด้านแหล่งข่าวทางการทูตของฝรั่งเศส รายงานว่า รัฐบาลปารีสกำลังเก็บเกี่ยวผลที่ตามมาจาก “การใช้กำลังทหารมากเกินไปในความสัมพันธ์กับแอฟริกา” ในขณะที่วิกฤติเร่งด่วนที่สุดของทวีปนี้คือ ความมั่นคง ความยากจน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งฝรั่งเศสรู้สึกว่าตัวเองกำลังสูญเสียจุดยืน แต่ยังคงปฏิเสธความจริง และตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ทั้งนั้น มาครงยังไม่มีที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับแอฟริกาด้วยซ้ำ ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนนี้ ทำให้ฝรั่งเศสมองเห็นว่า อิทธิพลและอำนาจของตนลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก และทวีปแอฟริกาโดยทั่วไป.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP