หลังความพ่ายแพ้อย่างน่าอับอายคาโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ของ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี 0-3 ในเกม “แมนเชสเตอร์ ดาร์บี แมตช์” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
นี่คือ 4 ประเด็นที่ “แฟนผี” อยากจะพูดถึง
1) จัดทัพอิหยั่งว่ะ!?
แมนฯซิตี ในฐานะผู้เยือนเรียกได้ว่าจัดเต็มทุกตำแหน่ง สอดรับด้วยแผนการเล่นอันเป็นเอกลักษณ์ ในฝั่งของเจ้าบ้านอย่างแมนฯยูไนเต็ด หลังไลน์อัพประกาศออกมาภาพของ “น้าลูกอม” โอเล กุนนาร์ โซลชา ลอยมาทันที เพราะมันให้ความรู้สึกที่คล้ายกันมาก ๆ ทั้งคนไหนเล่นดีก็ให้ลงต่อเนื่อง ตัวสำรองที่เล่นดีในเกมก่อน ๆ ก็จับลง 11 ตัวจริง ซึ่งไม่สอดคล้องกับคู่แข่งเลยสักนิด
ตัวอย่างเช่น “เรือใบสีฟ้า” มีหน้าเป้าที่สูงใหญ่และมีความเร็ว คุณกลับส่งคู่กองหลังที่คนหนึ่งควรเรียกว่าปูชนียบุคคลได้แล้วจับคู่กับกองหลังร่างใหญ่และไม่มีความเร็ว หรือการจับเอา “ไอซ์แมน” ผู้ซึ่งเป็นเซ็นเตอร์อาชีพลงแบล็คซ้าย ทั้ง ๆ ที่ขุนกำลังที่ม้านั่งสำรองมีตัวเลือกที่คุณภาพดีกว่าอยู่
ขึ้นมาที่แดนกลาง แม้จะจบเกมมานานแล้วก็ยังหาคำตอบไม่ได้เลยว่าเกมนี้เล่น 4-4-2 ไดมอนด์ หรือ 4-3-3 กันแน่ ถ้าเอาตามแผนที่สื่อส่วนใหญ่ตีออกมา คือ 4-3-3 ตรงกลางของ “ปีศาจแดง” เหมือนไม่มีตัวตน “บังบัต” ที่เห็นชัด ๆ คือ จังหวะฟึดฟัดเกินเหตุจนได้เหลืองติดตัว อีริคเซ่น ที่หวังจะส่งมาเพื่อออกบอลก็ทำไม่ได้ แม็คทอม ไปฝึกเป็นกองหน้าไหม จังหวะบุกเด่นกว่าหน้าเป้า เกมรับไร้ตัวตน
แดนบน ดร.แรชฟอร์ด เกมนี้มีจังหวะคีย์พาสที่หวังผลได้ นอกนั้นก็เฉย ๆ ฮอยลุนด์ เพลสชั้นเยอะแต่ก็เท่านั้น “น้าหนวด” บรูโน ด้วยความเป็นธรรมชาติของกองกลางทำให้เวลาไม่มีบอลจะหุบเข้ากลาง ทำให้จังหวะขึ้นเกมรุกฝั่งขวาเลยขาด ๆ เกิน ๆ 3 กองหน้าของยูไนเต็ดเกมนี้ไม่มีให้บ่นเยอะ เพราะไม่ค่อยมีส่วนกับเกม

2) ฝืนเก่งจริง ๆ
เลิกฝืนได้ยังกับการจับน้าหนวดไปยืนปีกขวา ทั้ง ๆ ที่อันโตนี ก็กลับมาแล้ว หรือไม่ก็เม้าส์ ที่ดูจะเป็นธรรมชาติมากกว่าในการลงเล่นตำแหน่งนี้ หลาย ๆ เกมก่อนนี้น้าหนวดเคยถูกส่งลงเล่นตำแหน่งนี้มาแล้ว ซึ่งก็น่าจะมีบทเรียนมาบ้างสิ
เลิกฝืนได้ยังกับการส่ง “ไอซ์แมน” ลินเดอเลิฟ ลงแบ็กซ้าย ก็รู้แหละว่าเกมก่อน ๆ ทำได้ดี แต่นี้มันระดับซิตี้ ปีกขวาแม่งจี๊ดจ๊าด แต่ทำไมถึงส่งเซ็นเตอร์มารับมือ ทั้งที่ เรกิออน ก็พร้อม และหลังประกาศ 11 ตัวจริง ก็ไม่มีรายงานว่าแบ็กตัวยืมจะมีปัญหา
3) แท็คติกของแมนฯยูฯ จริง ๆ แล้ว คือ…???
“หนามยอกเอาหนามบ่ง” แต่หนามที่ตำอยู่แม่งเรือรบแต่หนามที่มาบ่งแบ่งเรือข้ามฝาก นักเตะของซิตี้แม้จะโดนเพลสเร็วแต่เมื่อหน้ามองหาเพื่อนก็มีตัวที่พร้อมจะรับบอลอยู่เสมอ เคาะบอลกันอย่างไหลลื่น มีช่องให้ส่งตลอด รวมถึงจังหวะเพลสก็ปิดทุกช่อง ตัดภาพมาที่ยูไนเต็ด เหมือนซ้อมมาแค่ตัดบอลได้ก็สาดทิ้งให้กองหน้าไปเก็บเอา
หากเจาะรายบุคคล แม็คทอม คล้าย ๆ ถูกวางหมากมาให้ถางออกขวาไปช่วยดาโล่ห์ แต่หลังจากที่ “บังบัต” อัมราบัต ถูกเปลี่ยนตัวออกไป เหมือนโค้ชกับนักเตะไม่ได้คุยกัน แม็คทอม ที่ควรจะมายื่นกลางรับ ก็ยังถางออกไปช่วยทางขวาทำให้พื้นที่หน้าหัวกะโหลกกลายเป็นพื้นที่สวนสนามของนักเตะแมนฯซิตี้ จนนำไปสู่จังหวะที่โรดรี้มีพื้นที่ในการลำเลี้ยงบอลซึ่งนั้นเป็นจังหวะเริ่มแรกของประตูปิดกล่อง

อีกคนคือ “ไอซ์แมน” ที่ถูกวางให้ตามฟิล โฟเด้น ซึ่งก็ทำได้ดี แต่จังหวะประตูที่ 2 ฮาแลนด์ กระโดดโขกโล่ง ๆ พื้นที่ตรงนั้นเป็นของใคร? ปูชนียบุคคลอย่างพี่จ้อน จอนนี อีแวนส์ หรือพี่เลิฟ ที่เป็นแบ็คซ้าย หรือเดอะเสย แฮร์รี แม็คไกวร์ ที่คล้าย ๆ จะโปรแกรมมาเพื่อตามฮาแลนด์ งงไปหมดแล้ว
ในด้านของเกมรุกยังคงเส้นคงวา ปัญหาเดิม ๆ ที่ยิ่งชัดขึ้นทุกเกม คือ จังหวะการเข้าทำที่เน้นจินตนาการ และความสามารถส่วนตัวของนักเตะล้วน ๆ ไม่มีแบบแผน หลายครั้ง ๆ มันปกปิดด้วยชัยชนะที่แฟน ๆ “ปีศาจแดง” เรียกว่า ‘เฟอร์กี้ไทม์’
4) สำรองรอแค่ลงเล่น
ทบทวนกันก่อน เมสัน เมาท์ แทน อัมราบัต, เรกีลอน แทน ลินเดอร์เลิฟ, การ์น่าโช แทน ฮอยลุน. อันโตนี แทน อีริคเซน และมาร์กซิยาล แทน แรชฟอร์ด
“บังบัต” ที่ติดโทษใบเหลืองแบบน่าตีสุด ๆ ถูกเปลี่ยนตัวออกไปนั่งพัก แทนที่ด้วยเมสัน เม้าต์ ที่ลงมาก็ไม่ได้ทำให้เกมของยูไนเต็ดดีขึ้น ส่วนเรกีลอน คำถามเดียวเลย ทำไมไม่ส่งลง 11 ตัวจริงแต่แรก
การเปลี่ยนตัวที่ได้รับคำสรรเสริญมากที่สุด เห็นจะเป็นการเปลี่ยนฮอยลุนด์ออก แทนที่ด้วยการ์นาโช ตอนแรกที่เห็นเจ้าหนูหมายแรก 17 ยื่นข้างสนาม ก็หลงดีใจว่าจะมาแทน ดร.แรช ที่ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ทั้งยังเดินโขยกเขยกอยู่กอ่นแล้ว แต่ไม่ใช่ป้ายที่ถูกชูขึ้นมาคือ 17 เข้า 11 ออก ที่มาพร้อมกับเสียงโห่ของแฟน ๆ ในสนาม
ส่วนอีก 2 คน ก็ไม่มีอะไรให้พูดถึงมาก นอกจากแพชชั่นอันแรงกล้าของปีกชาวบราซิเลียน จนนำไปสู่ใบเหลืองแค่นั้น.