มาโน โพลกิง บอกว่า เกมทีมชาติไทย พบกับ “มังกร” จีน วันที่ 16 พ.ย.66 อาจเป็นเกมที่สำคัญที่สุดใน 5-10 ปีที่ผ่านมา

ความสำคัญที่สุดเพราะนี่คือ “ฟุตบอลโลก” และสำคัญกว่านั้น นี่คือก้าวแรกสู่ประตูที่แง้มมากที่สุด

แถมเป็นก้าวที่พลาดไม่ได้

“ช้างศึก” รวบรวมกำลังพล 26 นักเตะ เตรียมสำหรับ 2 เกมแรก นอกจากเปิดเจอจีน วันที่ 16 พ.ย. เวลา 19.30 น. ที่ราชมังคลากีฬาสถานแล้ว อีกนัดคือบุกเยือน สิงคโปร์ วันที่ 21 พ.ย.66

นี่คือทีมร่วมกลุ่ม ส่วนอีก 1 ทีมคือ “ขาใหญ่” เกาหลีใต้

26 นักเตะของ มาโน ที่เลือกมา คราวนี้ไม่มีกั๊ก ไม่ใช่แค่สองสลึงแบบตอนทัวร์ยุโรป แต่มาแบบเต็มทัพ เท่าที่เต็มได้ ที่หายไปแล้วสะดุ้ง อาจมีแค่ นิโคลัส มิคเกลสัน แบ๊กจากโอบี โอเดนเซ ที่เจ็บยาว

ส่วนคนอื่น แม้มีปัญหาสภาพร่างกาย ไม่อยู่ในชุดนี้ แต่ก็มีคนอื่นทดแทนได้ ไม่ได้เสียหายอะไร

ทีมชุดนี้เริ่มรวมตัวซ้อมกันตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมาเป็นมื้อแรก โดยเริ่มจาก 17 นักเตะ จากนั้นก็ทยอยกันมา ศุภชัย ใจเด็ด มาสมทบ ในวันต่อไป ตามด้วยอีก 4 คือ พรรษา เหมวิบูลย์, ธีราทร บุญมาทัน, กฤษดา กาแมน, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว

เหลืออีก 4 คนที่เล่นต่างประเทศ ทยอยกันมาตามมาช่วงต้นสัปดาห์ เอกนิษฐ์ ปัญญา, สุภโชค สารชาติ, เอเลียส ดอเลาะ และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา

เจ้าแบงค์ อยู่ไกล น่าจะมาหลังสุด เพราะคืนวันที่ 12 พ.ย. ก็ยังมีแมตช์กับ โอเอช ลูเวิน เอาจริงๆ ทีมไทยอาจได้ซ้อมเต็มทีม วันที่ 14 หรือ 15 พ.ย. ก่อนที่จะเตะวันที่ 16 พ.ย. แต่ถือเป็นการเตรียมทีมที่น่าพอใจแล้ว ฟุตบอลไทยลีก เคลียร์ทางให้ล่วงหน้าฟีฟ่าเดย์ ทั้งที่ลีกอื่นยังเตะอยู่ ถือว่าโอเคทีเดียว

ส่วนนักเตะที่เล่นต่างประเทศ อันนี้สุดวิสัย เพราะยังไม่ใช่ช่วงฟีฟ่าเดย์ต้องปล่อยให้เล่นกับสโมสร ซึ่งมันก็เป็นระบบสากลปัจจุบัน นักกีฬาต้องเตรียมความพร้อมขอตัวเองมามา เมื่อมาถึงทีมชาติก็ปรับระบบ แล้วลุยได้เลย

จะคิดให้เสียดาย ก็ฟีฟ่าเดย์ก่อน ที่ไปยุโรป แทบไม่มีตัวหลักมาเล่นให้ (และมาติดชุด 26 คนนี้ แค่ 7 คน) เหมือนปล่อยโอกาสเตรียมทีมทิ้งน้ำไป ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา

เอฟเฟ็คต์จากฟีฟ่าเดย์ก่อน ยังสะเทือนถึงทุกวันนี้ ศรัทธาจากแฟนบอลถูกสั่นคลอนหนัก เห็นชัดๆ ตั๋วเข้าชมเกมสำคัญสุดๆ ในการเจอจีน ยังเหลือ

มุมของคนนอก เข้าใจได้ว่า มีทั้งแฟนบอลพันธุ์แท้ เชียร์จริงๆ อาจหงุดหงิดกับทิศทางของทีมชาติไทย ด่ากันไป แค่ถึงเวลาก็มาเชียร์

แต่อีกมุมหนึ่ง มีประเภทตั้งธงอยากด่าทีมชาติไทยอยู่แล้ว ด่าแล้วเท่ เมื่อได้โอกาสใหญ่ ทีนี้เลยใส่ไม่หยุด ด่าทุกเม็ด เหน็บทุกคำสัมภาษณ์ ทั้งที่จริงๆ ที่บอกว่า “ไม่ดูทีมชาติไทย” นั้น อาจจะไม่เคยไปดูอยู่แล้ว

ตอนนี้ทีมไทย พูดอะไรออกมา โดนด่าสวนกลับ ไม่เว้นแม้แต่ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซพ ผู้จัดการทีม ที่เคยเหมือนจะเป็นผู้จัดการทีมมหาชน โดนพายุถล่มจนทุกวันนี้

“เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ กระตุ้นแฟนบอลว่า “นัดนี้ต้องดู ไม่ดูแล้วจะเสียใจ” สิ่งที่ตอบกลับมา คือการประชดประชัน ทีนัดก่อนทำไมไม่เล่น

ถึงตอนนี้ไม่ต้องไปยกเหตุผลอะไรมาโต้ เพราะกระแสด้านลบ มันถาโถมมาแรงจริงๆ เสียงด่าดังกว่า

ทางเดียวที่จะกลบได้ คือเรียกกระแสศรัทธาที่จ่ออยู่ปากเหวคืนมา ด้วยการเอาชนะจีนให้จงได้

และนอกจากทางนามธรรมแล้ว ทางรูปธรรมนี่คือเกมที่จะชี้ชะตาอย่างแท้จริง

ฟุตบอลโลก 2026 โควตาเอเชีย ได้เพิ่มขึ้นเป็น 8 ทีม กับ 1 สิทธิ์เพลย์ออฟ และรอบนี้ คัดเข้ารอบ 2 ทีม จาก 4 ทีม

“โสมขาว” เกาหลีใต้ มาตรฐานทิ้งห่างไปนานแล้ว ตีไปเลยว่าจอง 1 ที่นั่ง และถ้ามองว่า สิงคโปร์ คือทีมอ่อนที่สุด

อีก 1 โควตาที่ต้องแย่งกันคือ ไทย กับ จีน

การเจอกันของคู่แข่งโดยตรง จึงเหมือนการตัดเชือกเข้ารอบ ซึ่ง จีน อาจจะพลาดได้ เพราะยังมีอีก 1 นัดในบ้าน

แต่ ไทย พลาดไม่ได้เด็ดขาด ต้องมองที่ 3 แต้มเท่านั้น หรือเลวร้ายคือ 1 เพราะหากแพ้ขึ้นมา ถึงนัดหน้าจะชนะ สิงคโปร์ แต่อีก 2 นัด คือเจอ เกาหลีใต้ เหย้า-เยือน เป็นไปได้สูงที่จะ 0 แต้ม นั่นหมายความว่า เกมที่ 5 ที่เยือน จีน โจทย์ยิ่งหนักอึ้งทีจะพลิกสถานการณ์

ย้อนไปกับโอกาสของทีมเอเชีย 8 ทีมครึ่ง มากสุดที่เคยมีมา ถามว่ายากไหมสำหรับทีมไทย ก็ยากอยู่ดี มหาอำนาจ ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, อิหร่าน, กาตาร์, ออสเตรเลีย, อุซเบกิสถาน แทบจะจองแล้ว เหลืออีกไม่เท่าไหร่

แต่ในความยาก ต้องบอกว่า ยากน้อยกว่าหนแล้วๆ มา ถ้าผ่านรอบนี้ไปได้ รอบหน้า 18 ทีมสุดท้าย แบ่ง 3 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ทีม คัด 2 ทีมแรกเข้ารอบเลย ส่วนอันดับ 3-4 ยังได้ไปเพลย์ออฟ คือดูช่องทางมันไม่ตีบตัน จนไม่มีหวัง

แล้วว่ากันตรงๆ โควตาถึง 8 ทีมครึ่ง…ไม่ฝันได้ไง

แต่ก่อนจะไปถึงจุดที่ฝันกันต่อ สิ่งสำคัญคือนัดแรก นัดนี้ ทีมชาติไทย ต้องชนะคู่แข่งแย่งเข้ารอบอย่าง “จีน” เท่านั้น

ชนะเพื่อกอบกู้ศรัทธา กลบเสียงด่า ดึงเสียงเชียร์กลับมา

ท่องไว้เลยว่า แพ้คือจบ โอกาสแทบหมด สถานการณ์จะเลวร้ายกระแสลบทุกอย่างจะถล่มใส่

ดังนั้น ต้องชนะเท่านั้น เพื่อนอนฝันต่อไป

ทั้งโอกาสข้างหน้า และสิ่งที่ทำมาแล้วจากฟีฟ่าเดย์ก่อน ทุกอย่างมันบีบให้ ช้างศึก ไม่มีทางเลือกใดๆ

นี่จึงเป็นเกมสำคัญ เกมแห่งทศวรรษของฟุตบอลไทยอย่างที่ มาโน ว่าไว้จริงๆ.

*** วุฒินล บุญวานิช ***