จากนี้อีกไม่นานจะมีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ “คอลัมน์ตรวจการบ้าน” จึงต้องมาสนทนากับ“รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ว่า พรรคจะปรับกลยุทธ์และทิศทางการทำงานของพรรคแกนนำฝ่ายค้านอย่างไร เพื่อสู้ศึกทางการเมืองและยังครองใจประชาชนเรียกศรัทธาให้กับคืนมาได้ 

โดย “โรม” เปิดประเด็นว่า ผมคิดว่าหลักๆ คืองานกฎหมายไม่ออกในช่วงสมัยประชุมที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะมีข้อแก้ตัวเรื่องความสั้นของระยะเวลาที่ได้ทำงานกันจริงๆ กว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วเราก็เสนอกฎหมายไปหลายฉบับมาก ซึ่งเราคาดหวังว่าการพิจารณาของสภา ต้องพิจารณาเพื่อให้กฎหมายหลายฉบับนั้นมันออกมาอย่างรวดเร็ว เช่น ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง พ.ศ. …. ที่เราเองก็ให้ความสำคัญ  ตอนนี้คิดว่างานกฎหมายเป็นงานที่เราเองต้องทำให้เข้มข้นให้ได้

เรื่องต่อมามคิดว่านเป็นงานในเรื่องการตรวจสอบ ที่ต้องยกระดับมากขึ้น วันนี้หลายๆ ส่วนอาจจะเริ่มเห็นว่านโยบายต่างๆ ของรัฐ ประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน การบริหารงานของประเทศเป็นอย่างไร รวมไปถึงนโยบายบางเรื่องที่กำลังจะทำ ที่น่าจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท เรื่องของเมกะโปรเจ็กต์อย่างแลนด์บริดจ์ มีในเรื่องของแม้กระทั่งนโยบายเกี่ยวกับคาสิโนที่รัฐบาลก็แพลมๆ ว่าจะดำเนินการ และยังรวมไปถึงอีกหลายๆ นโยบาย เช่น สถานบันเทิงที่จะเปิดถึงตี 4 ตกลงจะมีความชัดเจนอย่างไร

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าจะทำให้เราเห็นว่าตกลงแล้วรัฐบาลประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนในการบริหารประเทศ แม้กระทั่งปัญหาในการทุจริตคอร์รัปชั่นที่สะท้อนผ่านเรื่องตั๋วผู้กำกับ เรื่องของหมูเถื่อน สิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าเราสามารถใช้กลไกของสภาในเทอมหน้าในการตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้นได้

เรื่องการเสนอกฎหมายและการตรวจสอบจะเป็น 2 เรื่องหลัก ที่เราต้องดู แต่แน่นอนมันยังมีองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการอภิปรายทั่วไป หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราในฐานะฝ่ายค้านก็คงต้องคุยกันว่าจะเปิดอภิปรายในเทอมนี้หรือไม่ ถ้าไม่เปิดในเทอมนี้ เราก็อาจจะต้องดูว่าช่วงเวลาไหนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม

@สิ่งที่พรรคก้าวไกลเตรียมตรวจสอบทั้งเรื่องส่วย ตั๋วตำรวจ หรืออื่นๆ คิดว่าเรื่องไหนจะเอารัฐบาลได้อยู่หมัด

ไม่อยากจะใช้คำว่าประเด็นใดประเด็นหนึ่ง เพราะเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับว่า การบริหารของรัฐบาลที่ล้มเหลวในหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ จะนำไปสู่การสะสมในความรู้สึกที่ไม่ดีของพี่น้องประชาชน ซึ่งสุดท้ายอาจจะมีฟางเส้นสุดท้ายที่อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ก็ได้ ที่อาจจะทำให้สังคมรู้สึกว่าเขาไม่สามารถอดทนกับรัฐบาลนี้อีกต่อไปก็ได้ ดังนั้นผมคิดว่าไม่ใช่แค่การทำหน้าที่ของเราอย่างเดียว แต่อยู่ที่ตัวรัฐบาลด้วยว่าคุณจะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้แค่ไหน

ยกตัวอย่างเป็นรูปธรรม อย่างตั๋วตำรวจ ไม่ใช่ว่าผมไปเอาหลักฐาน นาตาชา(สายลับ)ส่งหลักฐานมาให้ คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีต่างหากที่ทำตัวเป็นนาตาชาให้กับรังสิมันต์ โรม แล้วก็ออกมาพูดเองว่ามันมีตั๋วตำรวจเกิดขึ้น ซึ่งจะโทษว่าเป็นความผิดใคร ก็คุณเศรษฐาพูดเอง เป็นคำสารภาพที่คุณเศรษฐาได้พูดผ่านที่ประชุม สส.เพื่อไทย มีสส.เพื่อไทยทุกอยู่ตรงนั้น มี สส.เพื่อไทยสักคนไหม ที่กล้ายกมือแล้วบอกคุณเศรษฐาว่าสิ่งที่คุณเศรษฐาพูดมันผิด ไม่มี เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่เราทำให้เรื่องตั๋วกลายเป็นเรื่องปกติขนาดนี้ ส่วนเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต คุณศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีคำถามแล้วคุณตอบไม่ได้ แล้วคุณจะโทษใคร ”นายรังสิมันต์ กล่าว

@เรื่องร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง

ตอนนี้อยู่ในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ หลังจากนั้นก็จะมีการบรรจุวาระ ร่างดังกล่าวไม่เป็นร่างกฎหมายการเงิน แต่ทิศทางของรัฐบาล ไม่ได้มีลักษณะที่จะสนับสนุนหรือมีการพูดคุยในเชิงสนับสนุนเลย เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะเรื่องนี้จะแก้ปัญหาที่ค้างกันมาเป็นเวลานาน ไม่ใช่แค่ 1-2 ปีนี้ แต่ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ผมคิดว่ากฎหมายฉบับนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่เราจะได้มาเริ่มต้นกันใหม่ ไม่เช่นนั้นสังคมไทยก็จะอยู่ในวังวนของความขัดแย้งต่อไป และกลายเป็นว่า มันคงไม่ใช่คำว่านิรโทษกรรม แต่คนที่ได้รับการปลดล็อกจากนิติสงคราม ก็จะกลายเป็นแค่คนๆ เดียวที่วันนี้อยู่ที่ชั้น 14  

ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากให้สังคมโจมตีว่าสุดท้ายคุณทำเพื่อคนๆ เดียว ผมคิดว่าการนิรโทษกรรมจะช่วยทำให้สังคมไม่รู้สึกว่าความยุติธรรมมันมี 2 มาตรฐาน ถึงที่สุดเราต้องยอมรับว่าไม่มีใครสามารถได้รับสิทธิแบบที่คุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ ประชาชนส่วนใหญ่ยังรอคอยความยุติธรรม อานนท์ นำภา แกนนำราษฎร ยังรอคอยความยุติธรรม ยังมีนักกิจกรรมอีกหลายคนที่รอความยุติธรรม การมีนิรโทษกรรมจะเป็นการคืนสิทธิ์และทำให้เขาได้อย่างน้อยคือได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่วันนี้คุณทักษิณได้ไปแล้ว

@วันนี้มีการตอบโต้ว่าพรรคก้าวไกลเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษเพื่อพวกพ้องตัวเอง

เวลาบอกว่า เพื่อพวกพ้องตัวเองนัยความหมายคืออะไร คือเนื่องจากคนในพรรคก้าวไกลหลายคนมีคดีใช่หรือไม่ ก็ต้องไปดูว่าหลายคนที่มีคดีเขามีคดีในช่วงเวลาไหน เขามีคดีในช่วงก่อนที่เขาจะมาเป็น สส. และตัวร่างของพรรคก้าวไกลมันก็เปิดช่องให้สำหรับคนที่ไม่ต้องการเข้าสู่กระบวนการแบบนี้ในการแสดงความจำนงว่าไม่เอาเรื่องการนิรโทษกรรม ซึ่งผมคิดว่าก็เป็นช่องทาง เท่าที่ผมทราบถ้าจะหมายถึงเราไปช่วยเพื่อนของเราอย่างคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า หรืออะไรต่างๆ หรือไม่ ประธานโทษนะครับ ผมเข้าใจว่าหลายคนในที่นี้เขาจะไม่เข้าสู่กระบวนการนี้ เขาจะยื่นความจำนงดังกล่าว การบอกว่าทำเพื่อตัวเองจึงไม่จริง

ถ้าเกิดเราดูต่อไปผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ เกิดขึ้นต่อคนจำนวนมาก ที่ไม่ได้เป็นคนของพรรคก้าวไกล ส่วนใหญ่ที่ได้ไม่ว่าจะเป็นคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็นเด็กเยาวชน กลุ่มราษฎร หรือคนอีกจำนวนมากที่เขาจะได้ในสิทธิ์ตรงนี้ ซึ่งไม่ใช่คนของก้าวไกลอย่างแน่นอน คำที่บอกว่าทำเพื่อตัวเองจึงเป็นคำสิ้นคิด คิดอย่างอื่นไม่ออกแล้วที่จะมาด้อยค่าร่างกฎหมายของก้าวไกลก็ใช้คำพูดประเภทนี้

ไม่น่าเชื่อว่าการที่พรรคเพื่อไทยจับมือกับกลุ่มขั้วอำนาจเดิมแบบนี้ มันจะนำไปสู่การคายตะขาบและทำให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นแบบเดียวกันกับขั้วอำนาจเดิมได้ขนาดนี้

@เป้าหมายการทำงานของพรรคก้าวไกลในสภาต่อจากนี้เป็นอย่างไร

ผมคิดว่าการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา คงจะเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ตัวเราเองจะสามารถสร้างการยอมรับจากพี่น้องประชาชนได้ต่อไป เรายอมรับว่าเราก็อาจจะเจอเรื่องต่างๆ ที่อาจจะรุมเร้าเข้ามาแล้ว สร้างความรู้สึก จนมีคำถามบางอย่างต่อพรรคก้าวไกล แต่สิ่งที่เรายืนยันกับสังคมมาโดยตลอดก็ คือว่า แม้เราจะเจอปัญหาแต่เราไม่ช่วยกัน เราไม่ใช่พรรคการเมืองที่จะช่วยผู้กระทำความผิดในกรณีที่มีการกระทำที่ผิดพลาดเกิดขึ้น ดังนั้นผมคิดว่าการรักษามาตรฐานตรงนี้ บวกกับการทำหน้าที่ตรงไปตรงมา อย่างไม่เกรงกลัวกับอิทธิพลมืดคงจะเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในการที่เราจะรักษาคุณสมบัติของพรรคก้าวไกล เพื่อรักษาความเชื่อมั่นเชื่อถือของพี่น้องประชาชนต่อไป ในการตรวจสอบก็ดี ในการมีข้อเสนอก็ดี ผมคิดว่ามันจะเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคการเมืองอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน.