ปีหน้าฟ้าใหม่ มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษย์ชาติ เวียนมาถึงอีกครั้ง กับกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 หรือชื่อที่เป็นทางการ กีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 33 ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ ปารีส 2024 หรือ “ปารีสเกมส์”  จะชิงชัยกันระหว่างวันที่26 ก.ค. -11 ส.ค.2024

      การแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ยังจัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีที่กรุงปารีสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเมื่อปี 1924

กีฬาโอลิมปิกครั้งล่าสุด หรือกีฬาโอลิมปิก 2020 “โตเกียวเกมส์” ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ทัพนักกีฬาไทยทำผลงานได้มา 1 เหรียญทอง จากกีฬาเทควันโด “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ และ 1 เหรียญทองแดง จากมวยสากลหญิง “น้องแต้ว” สุดาพร สีสอนดี

จาก “โตเกียวเกมส์” มาถึง “ปารีสเกมส์” น่าสนใจว่า ใครจะเป็นความหวังสีทองของทัพกีฬาไทยใน “ปารีสเกมส์”

ตอนนี้ทัพนักกีฬาไทยที่ผ่านรอบคัดเลือก คว้าตั๋วไป “ปารีสเกมส์” แน่นอนแล้วได้แก่1.เบญญาภา จันทวรรณ (กีฬาไคท์บอร์ด)  2.โจเซฟ โจนาธาน เวสตัน (กีฬาไคท์บอร์ด) 3โกเมธ สุขประเสริฐ (จักรยาน) 4.ภูริช โยเฮือง (ปัญจกีฬา) 5.ธิติสรรค์ ปั้นโหมด (มวยสากล) 6.จุฑามาศ รักสัตย์ (มวยสากล) 7.ธนัญญา สมนึก (มวยสากล) 8.จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง (มวยสากล) 9.สราวุฒิ สิริรณชัย (จักรยานโรดเรซ)  10.โซเฟีย เกล มอนโกเมอรี (เรือใบ) 11.อธิษฐ์ มิเคล โรมานิค(เรือใบ) 12. “ปรีดิ์อัญ” ชนกภรณ์ การุณยธัช (ขี่ม้าข้ามเครื่องกีดขวาง) 13.ว่า “ธันย่า” ธันยพร พฤกษากร (ยิงปืน)

และนักกีฬาไทยน่าจะคว้าตั๋วไปโอลิมปิกเพิ่มได้อีก จาก กอล์ฟ,แบดมินตัน,ยกน้ำหนัก,มวยสากล ที่การคัดเลือกยังไม่สิ้นสุด

ประเมินกันแล้ว กีฬาความหวังของไทยใน “ปารีสเกมส์” ยังคงเป็น เทควันโด,มวยสากล,แบดมินตัน และกอล์ฟ

โดยสาวน้อยที่ชื่อ “เทนนิส” แต่เป็นนักเทควันโดอันดับ 1 โลก รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัมหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ซึ่งปีนี้สร้างผลงารคว้า 6 แชมป์  และกวาดแชมป์เวิลด์กรังด์ปรีซ์ ได้รวม 12 ครั้ง ยังเป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้าเหรียญทองโอลิมปิกให้ทัพไทย พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักกีฬาไทยคนแรกได้เหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยติดต่อกัน ซึ่ง “น้องเทนนิส” ตั้งใจจะทำให้ได้ และมีโอกาสสูงด้วย

เทนนิส เคยบอกว่า โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของเธอ จึงต้องการปิดฉากให้งดงาม 

ส่วนกีฬาอื่น ๆ อยู่ในระดับที่จะคว้าเหรียญ หรืออาจเซอร์ไพร้ส์ถึงทองได้ ขึ้นอยู่กับว่าฟอร์มจะพีคในวันนั้นหรือไม่ เช่นกอล์ฟ ที่ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล โปรสาวมือ 9 ของโลก ถือว่ามีลุ้นในกอล์ฟหญิง ขณะที่แบดมินตันมี “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ชายเดี่ยวมือ 3 ของโลกชาวไทย ผู้สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแบดมินตันชายเดี่ยวไทยคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์ในศึกแบดมินตันชิงแชมป์โลกปีนี้  เป็นความหวัง และจะเป็นโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกของ กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ด้วย

ส่วนมวยสากลความหวังของไทย จะอยู่ที่ ธิติสรรค์ ปั้นโหมด ในรุ่นฟลายเวต (51 กก.) ขณะที่มวยหญิงก็มีโอกาส ขึ้นอยู่กับผลการจับสลากแบ่งสาย ประกบคู่ด้วย หากรอบแรก ๆ นักชกดไทยไม่เจอศึกหนัก จะมีโอกาสผ่านเข้ารอบลึก ๆ และลุ้นเหรียญได้ แต่ทั้งนี้นักชกไทยต้องฝึกหนัก และพัฒนาฝีมือ เสริมความแข็งแกร่ง ในระยะเวลาที่เหลือนี้

 “ปารีสเกมส์” ยังเกิดขึ้น ท่ามกลางความขัดแย้งในเวทีการเมืองโลกช่วงนี้ ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการแข่งขันกีฬา เมื่อยูเครนจะไม่ยอมให้นักกีฬารัสเซียที่ปัจจุบันต้องลงแข่งขันแบบไม่มีสัญชาติ ได้เข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ เนื่องจากการรุกรานยูเครน   เช่นเดียวกับสงครามในปาเลสไตน์ระหว่างฮามาสกับอิสราเอลที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อการแข่งขัน

แต่อย่างไรก็ตาม โธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) มั่นใจว่าจะเอาอยู่ และจัดการแข่งขันได้ราบรื่น

นี่คือ “ปารีสเกมส์” ที่ต้องลุ้น ทั้งเหรียญทองของไทย และการแข่งขันท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง

“คม ท่าดี”