แม้วันนี้นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ยังไม่สะเด็ดน้ำ แถมยังไม่มีความชัดเจนอีกต่างหากว่า…สุดท้ายแล้วจะ “ฉลุย” หรือ  “ล้มเหลว”

ที่สำคัญ!!นายกฯเศรษฐา ก็ให้สัภาษณ์สื่อต่างประเทศ ในกรณีนี้ไว้ชัดเจนว่าไม่ใช่เหตุผล!! ที่ต้องทำให้ถอดใจยอมลาออกจากตำแหน่ง

เอาเป็นว่า ใครคิดว่าตัวเอง “ได้สิทธิ์” ก็ใจร่ม ๆ รอดูกันไปเพราะรัฐบาลการันตีว่า ทำแน่นอนและแจกเงินไม่เกินเดือนพ.ค.ปี 67 นี้แน่ ๆ เพราะคิดมาดีแล้ว ทำทุกอย่างรอบคอบ ทำตามเงื่อนไขกฎหมายทุกอย่าง

ส่วนที่ไม่ต้องรออะไร!! เพราะนโยบายมีผลบังคับใช้กันแล้ว ก็เป็นเรื่องของนโยบาย Easy e-Receipt ที่ให้นำค่าใช้จ่าย ค่าซื้อสินค้า และบริการภายในประเทศมาลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท โดยสามารถยื่นขอลดหย่อนภาษีในปีภาษี 2567 ที่กำหนดให้ยื่นแบบภายในวันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.68

มาตรการนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2567 นี้ รวมระยะเวลาโครงการ 45 วัน แบบที่ว่า…ใครที่ซื้อสินค้าและบริการ ในช่วง 45 วันนี้ อย่างเดียวที่ลืมไม่ได้คือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์

ว่ากันว่า…รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายในโครงการนี้ไว้ค่อนข้างสูง โดยเชื่อมั่นเหลือเกินว่าจะช่วยเพิ่มเงินหมุนเวียนเข้ามาในระบบเศรษฐกิจได้มากถึง 70,000 ล้านบาท โดยช่วยเพิ่มจีดีพีในปี 67  ได้อย่างน้อยก็ 0.18% ทีเดียว  แม้รัฐบาลต้องยอมสูญเสียรายได้ไปประมาณ 10,000 ล้านบาทก็ตาม แต่ถ้ามาเทียบกับผลลัพธ์ที่จะได้ก็ถือว่า…คุ้ม!!

ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของเงินๆทองๆเท่านั้น แต่นโยบายนี้ยังสนับสนุนให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าผู้ประกอบการน้อยใหญ่ทั้งหลายหันมาสู่ระบบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแว็ต เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีผู้จดทะเบียนแว็ตอยู่เพียงกว่า 4,000 ราย เท่านั้น จากที่มีช่องทางการขาย มากกว่า 1 แสนแห่งทั่วประเทศ

ขณะที่ปลายทางก็นำไปสู่การสนับสนุนการใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือเป็นการขยายฐานภาษี และนำไปสู่การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากยิ่งขึ้นในระยะยาว

ไม่เพียงเท่านี้ Easy E-Receipt แม้จะเป็นนโยบาย “ปลอบใจ” คนที่อดได้สิทธิ์ เงินดิจิทัล วอลเล็ต แต่ก็กลายเป็นเด้งที่สอง ของคนที่ได้รับสิทธิ์ เพราะสามารถนำเงินที่ได้จากเงินดิจิทัลแล้วไปซท่อสินค้าและบริการตามที่กำหนด แล้วนำลดหย่อนภาษีด้วยได้เช่นกัน

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า…เวลานี้เงินดิจิทัล วอลเล็ต ยังไม่ออกมา ขณะที่ช่วงระยะเวลาในการใช้  Easy E-Receipt ก็มีแค่ 45 วันเท่านั้น หากเงินดิจิทัล วอลเล็ตไม่ออกมาในช่วง 45 วันนี้ เด้งที่สองก็มีอันต้องยกไปโดยปริยาย!!

จะว่าไปแล้วมาตรการ Easy E-Receipt ไม่ได้แตกต่างอะไรจากมาตรการ “ช้อปดีมีคืน”  ของรัฐบาล “ลุงตู่”  นอกจากเรื่องของวงเงิน ที่ให้สูงสุดเป็น 50,000 ล้าบาท กับการใช้ใบกำกับภาษีอเล็กทรอนิกส์ ซึ่งก็ปูทางมาจากรัฐบาลก่อนหน้านี้แล้ว

โดยรัฐบาลก่อนหน้าให้นำค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ จำนวน 30,000 บาทแรก ใช้เป็นใบกำกับภาษีแบบกระดาษ หรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ และ ส่วนที่เกิน 30,000 บาท สามารถใช้ใบกำกับภาษีรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์มาลดหย่อนได้เพิ่มเติมอีก 10,000 บาท เมื่อช่วงต้นปี 66 ที่ผ่านมา

แต่ก่อนจะใช้สิทธิ์ ก็ตรวจสอบให้ดีกันก่อนว่าอะไร?ใช้ได้ อะไร? ใช้ไม่ได้ เพราะรัฐบาลไม่ได้เปิดให้ใช้ฟรีทุกสินค้าทุกบริการ หรือทุกร้านค้า

สินค้าและบริการ ที่จะใช้สิทธิ์ได้ ต้องซื้อจากร้านค้า จากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม  ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการท่องเที่ยว “ที่พัก-โรงแรม-ตั๋วเครื่องบิน”

หรือจะเป็นการซื้อหนังสือ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ทั้งรูปแบบเล่มกระดาษ หรือ e-book ก็ได้ รวมถึงการซื้อสินค้า OTOP ที่ลงทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชน ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีตามมาตรการดังกล่าวได้เช่นกัน โดยสามารถหักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท

หากจะให้ง่ายหน่อย ไม่ต้องกังวลมากเกินไป ก็ให้ดูที่สัญลักษณ์ที่ร้านค้า หากมีสัญลักษณ์ Easy e-Receipt  หรือ E-Tax Invoice & Receipt หรือร้านค้านั้น ๆ สามารถให้บริการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้ สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในมาตรการนี้ได้

แต่!!ที่ต้องจำให้ขึ้นใจว่า…สินค้าประเภท เหล้า เบียร์ ไวน์ ยาสูบ รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ และเรือ ทองคำแท่ง ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต  ค่าบริการระยะยาวที่เริ่มต้นก่อนหรือสิ้นสุดหลังมาตรการนี้ ค่ารักษาพยาบาล ค่าเบี้ยประกัน

สิ้นค้าทั้งหมดนี้!!! รัฐบาลเค้ายกเว้น… ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีในมาตรการ Easy e-Receipt เอาเป็นว่า…ใครจะใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี ก็ตั้งสติ คิดให้ดีสักนิดก่อนจ่ายตังค์ ก็เท่านั้น!!.

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”