ฤดูกาลที่แล้ว แมนฯ ซิตี สร้างประวัติศาสตร์ คว้า 3 แชมป์มาครองอย่างยิ่งใหญ่ แต่ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล มีสิทธิทำได้ถึง 4 แชมป์

หงส์แดง นำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก โดยมีแต้มมากกว่าอันดับ 2 แอสตัน วิลลา 3 แต้ม และมากกว่า “เรือใบสีฟ้า” 5 แต้ม

พวกเขายังเข้าถึงรอบรองชนะเลิศคาราบาว คัพ โดยจะพบกับ ฟูแลม ขณะที่ในยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ก็คว้าแชมป์กลุ่ม เข้าไปยืนรอในรอบ 16 ทีม

อีกหนึ่งแชมป์ที่มีลุ้นก็คือ “เอฟเอ คัพ” ซึ่ง ลิเวอร์พูล จะประเดิมลงเตะในรอบ 3 ไปเยือน อาร์เซนอล ในวันอาทิตย์ที่ 7 ม.ค. นี้

โดยปกติแล้ว เกมฟุตบอลถ้วยในประเทศ รอบแรกๆ บรรดาทีมใหญ่ มักจะให้โอกาสผู้เล่นสำรองและดาวรุ่งลงสนามผสมผสานกับตัวจริงบางคน เพื่อพักพวกตัวหลัก

แต่ในเมื่ออยู่บนเส้นทางประวัติศาสตร์ อาจจะได้ถึง 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ แถมเจอกับคู่แข่งสุดหินอย่าง อาร์เซนอล น่าคิดว่า เจอร์เกน คลอปป์ จะจัดทีมยังไง

เช่นเดียวกับ มิเกล อาร์เตตา ที่สถานการณ์ในลีกชักไม่ค่อยดี ในคาราบาว คัพ ก็ตกรอบไปแล้ว และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะไปไกลแค่ไหน เอฟเอ คัพ จึงเป็นถ้วยที่พวกเขาสามารถลุ้นได้จริงจังเช่นกัน

เพราะฉะนั้น ใครบอกว่าเอฟเอ คัพ ทีมใหญ่ไม่เอาอาจต้องคิดใหม่ และบอกเลยว่า ถ้าหากมีโอกาสพวกเขา “เอาแน่”

ฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบที่ 3
อาร์เซนอล – ลิเวอร์พูล
วันที่ : อาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2567
เวลา : 23.30 น.
สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
ถ่ายทอดสด : beIN SPORTS 3, ทรูวิชั่นส์, เอไอเอส เพลย์

อาร์เซนอล
“ปืนใหญ่” อยู่ในช่วงฟอร์มแผ่ว ไม่ชนะใครในลีกมา 3 เกมติดต่อกัน และแพ้รวดใน 2 เกมหลัง โดยล่าสุด บุกไปถูก ฟูแลม เฉือนหวิว 1-2 ทำให้หล่นจากจ่าฝูงมาอยู่ที่ 4 โดยมี 40 คะแนน จาก 20 เกม ตามหลังจ่าฝูง ลิเวอร์พูล 5 คะแนน ส่วนเกมนี้ มิเกล อาร์เตตา ไม่มี ทาเคฮิโร โทมิยาสึ ที่ไปช่วยญี่ปุ่น ในเอเชียน คัพ รวมถึง โมฮาเหม็ด เอลเนนี ที่ไปเล่นแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ กับ อิยิปต์

ขณะที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก เจ็บที่น่อง อาจต้องเช็กอีกครั้ง ส่วน บูกาโย ซากา น่าจะเป็นแค่สำรอง เพราะเจ็บเล็กๆน้อยๆมาตลอด จึงน่าจะได้พักก่อน และ โธมัส ปาเตย์, ฟาบิโอ วิเอรา และ จูเลียน ทิมเบอร์ ยังเจ็บยาว

การจัดทัพใช้ อารอน แรมส์เดล ลงมาเฝ้าเสาแทน ดาวิด รายา ขณะที่กองหลังยังใส่ กาเบรียล มาร์กัลเญส คู่กับ วิลเลียม ซาลิบา ส่วนแบ๊ก 2 ด้านเป็น เบน ไวท์ กับ ยาคุบ คิวิออร์ แดนกลาง ดีแคลน ไรซ์ กับ มาร์ติน โอเดการ์ด ประจำการ และอีกคนน่าจะเป็น จอร์จินโญ ส่วนเกมรุกมี เลอันโดร ทรอสซาร์, กาเบรียล มาร์ติเนลลี และ เอดดี เอ็นเคเทียร์

ลิเวอร์พูล
“หงส์แดง” ฟอร์มกำลังร้อนแรง ชนะในลีกมา 2 เกมรวด สัปดาห์ก่อนเปิดรังยำ นิวคาสเซิล 4-2 ผงาดนำเดี่ยว ที่ 45 คะแนน จาก 20 นัด มากกว่า แอสตัน วิลลา 3 แต้ม ทำให้ฤดูกาลนี้ มีลุ้นแชมป์ถึง 4 รายการ แต่เกมนี้ เจอร์เกน คลอปป์ จะไม่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ วาตารุ เอ็นโด 2 ตัวหลัก ที่กลับไปช่วยทีมชาติในรายการชิงแชมป์ทวีป

นอกจากนั้น ยังน่าจะไม่เสี่ยงส่ง โดมินิก โซโบซไล ลงสนาม เพราะเพิ่งเจ็บจากเกมกับ นิวคาสเซิล ส่วน ติอาโก, สเตฟาน บายจ์เซติช และ โจเอล มาติป ยังเจ็บยาว และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กับ คอสตาส ซิมิคาส ก็ยังไม่หาย

การจัดทัพน่าจะเน้นพอสมควรทีเดียว โดยมี อลิสซง เบคเกอร์ เฝ้าเสา เกมรับมี เทรนท์ อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต, เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โจ โกเมซ แดนกลางได้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กลับมาเป็นตัวจริง ร่วมกับ ฮาร์วีย์ เอลเลียต และ เคอร์ติส โจนส์ ส่วนเกมรุกใช้ หลุยส์ ดิอาซ, ดีโอโก โชตา และ โคดี กัคโป

ความน่าจะเป็นของเกม
เพิ่งเจอกันมาในลีก เมื่อปลายปีก่อน และเสมอกัน 1-1 ส่วนในเอฟเอ คัพ เจอกันมา 17 ครั้ง รวมถึงรอบชิงชนะเลิศ 3 ครั้ง ในปี 1950, 1971, 2001 และเป็น อาร์เซนอล ชนะมากกว่าที่ 8 ครั้ง ลิเวอร์พูล ชนะ 5 ครั้ง นอกจากนั้น หงส์แดง ยังไม่เคยชนะ ปืนใหญ่ ในเกมเอฟเอ คัพ ที่แอนฟิลด์ แต่มีสถิติที่ดีในการไปเยือน เมื่อชนะ 4 ครั้ง และแพ้ 3 ครั้ง ส่วน 2 ครั้งหลังที่เจอกันในถ้วยนี้ อาร์เซนอล ชนะได้หมด

ปัญหาของ ลิเวอร์พูล คือไม่มี ซาลาห์ ซึ่งน่าจะทำให้เกมรุกเบาลงไป แต่ คลอปป์ ก็เตรียมรับมืออยู่แล้ว และได้ โชตา กลับมาพอดี เกมรุกจึงอันตรายเหมือนเดิม ต่างจากปืนใหญ่ ที่ช่วงหลัง เกมรุกตื้อไปดื้อๆ เกมไหน ซากา หรือ โอเดการ์ด โดนจับทางได้ ก็แทบไปไม่เป็น เกมนี้จึงต้องท็อปฟอร์ม ถ้าจะเจาะเข้าไปยิง แต่ยังไงก็เป็นเกมใหญ่ในบ้าน ต้องลุยเต็มที่ และนักเตะน่าจะต้องการเร่งฟอร์ม เรียกศรัทธา จึงบู๊กันสนุกแน่ และอยู่ที่จังหวะสุดท้าย ซึ่ง ลิเวอร์พูล คมกว่าน่า จึงจะเฉือนชนะหวุดหวิด

ผลที่คาด
อาร์เซนอล แพ้ ลิเวอร์พูล 1-2