ร้อนแรงจนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ สำหรับ  “สัตว์สยองกยองซอง : ซีซั่น 1 ภาค 1 (Gyeongseong Creature: Season 1 Part 1)”  ซีรีส์เกาหลีฟอร์มยักษ์ทาง “Netflix” ที่ถูกพูดถึงเกือบทุก EP นำแสดงโดยพระนางระดับซุป’ตาร์ของยุคนี้ อย่าง พัคซอจุน และ ฮันโซฮี ร่วมด้วยเหล่านักแสดงมากฝีมือ ผลงานผู้กำกับ จองดงยุน และ เขียนบทโดย  คังอึนกยอง โดยมีแบล็กกราวด์ของซีรี่ส์อยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  ณ เมืองกยองซอง ชื่อเดิมกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้  ซึ่งนับเป็นยุคมืดของโซล ภายใต้อาณานิคมผู้กดขี่ นายทุนและนักสืบต้องลุกขึ้นสู้เพื่อความอยู่รอด และต่อกรกับอสุรกายที่เกิดจากความโลภของมนุษย์ โดยแฟน ๆ จได้พบกับความแฟนตาซี แอคชั่น และดราม่า ชนิดที่เรียกน้ำตาได้เลย พร้อมลุ้นระทึกไปกับการการต่อสู้ของขบวนการกู้ชาติ เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาด สุดสยองที่ทรงพลัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปกว่ามนุษย์ด้วยกัน โดยเฉพาะการทดลองลับของกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งตลอดทั้งแฝงด้วยฉากและคำพูดที่คมคาย สะกิดใจ และอาจปลุกใจให้กลับมารักชาติได้เลย 

โดยเป็นเรื่องราวของ “จางแทซาง” (พัคซอจุน ) ชายหนุ่มผู้ร่ำรวยและเจ้าสน่ห์แห่งย่านกยองซอง เขาเป็นเจ้าโรงรับจำนำ “คลังสมบัติทอง (House of Golden Treasure)” นอกจากการสะสมของในคลังสมบัติส่วนตัว คุณชายจาง ก็ไม่สนใจสาว ๆ คนไหน รวมทั้งยังเมินเยต่อการเข้าร่วมกลุ่มกับกองกำลังกู้ชาติ ที่มีเพื่อนสนิท อย่าง “ควอนจุนแท็ก” (วีฮาจุน) แต่แล้วชีวิตอันหรูหราของเขาก็พังทลาย เมื่อต้องเข้าไปพัวพันกับการหายตัวไปของ “อากิโกะ” กีแซงและภรรยาลับของ “อิชิคาว่า” นายตำรวจผู้ทรงอิทธิพลในกยองซอง  เขาต้องตามหาตัว “อากิโกะ” กลับมาได้  จึงทำให้คุณชายจาง ต้องพึ่งพ่อลูกนักแกะรอยในตำนาน และได้เจอกับรักแรกพบกับ “ยุนแชอ๊ก” (ฮันโซฮี) สาวแกร่ง ที่มีชื่อเสียงในการเป็น “โทดูกน” (ผู้ติดตามหาคนที่หายไป) ซึ่งเธอติดตามบิดาเร่ร่อนตามที่ต่าง ๆ และออกตามหาแม่ผู้สูญหายไปในเมืองกยองซองเมื่อ 10 ปีก่อน  โดย “จางแทซาง”  และ “ยุนแชอ๊ก”  ต้อมาร่วมมือกันสืบหาคดีคนหายลึกลับและค้นพบความจริงเลวร้ายและอันตรายถึงชีวิต ที่ถูกว่อนเร้นภายใต้เมืองนี้

ล่าสุด “ฮาอึน” มีโอกาสได้ร่วมงานแถลงข่าว เพื่อพูดคุยกับผู้กำกับ จองดงยุน และเหล่านักแสดงนำ พัคซอจุน, ฮันโซฮี, คลอเดีย คิม, คิมแฮซุก และ โจฮันชอล ถึงที่มา แรงบันดาลใจ รวมถึงอุปสรรคต่าง ๆ กว่าจะออกมาเป็นซีรี่ส์ฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ ซึ่งบอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ

Q : แค่ได้ยินชื่อนักแสดงและชื่อเรื่องก็รู้ได้เลยว่าเป็นโปรเจกต์ใหญ่แน่นอน เรื่องนี้เป็นการผสมผสานระหว่างดราม่าย้อนยุคกับซีรีส์แนวสัตว์ประหลาด อยากให้ “คุณพัคซอจุน” ช่วยเล่าเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้หน่อยได้ไหม?

พัคซอจุน :  ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องของสัตว์ประหลาดที่โผล่มาในช่วงปี 1945 เหมือนกับที่เห็นในชื่อเรื่องเลยครับ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นเรื่องของคนสองคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาในชีวิตด้วย ดังนั้นผมคิดว่าเมื่อผู้ชมได้ดูแล้วจะต้องประทับใจกับสิ่งที่ได้รับชมครับ

Q : ทำไมถึงตัดสินใจเล่นซีรีส์เรื่องนี้

พัคซอจุน : ผมมักจะดูเนื้อเรื่องก่อนรับงานเสมอครับ เรื่องนี้พอเห็นบทแล้วน่าสนใจมาก เหมือนว่าจะได้ถ่ายทอดตัวละครในหลากหลายแง่มุม แล้วก็ยังมีนักเขียนคังอึนคยองที่ผมเป็นแฟนคลับอยู่แล้ว ก็เลยไม่ต้องคิดเลยครับ นอกจากนี้ก็มีผู้กำกับจองดงยุนด้วย ตอนผมเล่น ‘ธุรกิจปิดเกมแค้น (Itaewon Class) ’  ผมก็อยากจะเจอเขาอยู่แล้วเพราะได้ดู  ‘ผู้จัดการเหล็กดรีมทีม (Hot Stove League) ’  และยังมีคุณฮันโซฮีอีก ดังนั้นผมไม่ต้องคิดเยอะเลยครับ ยังไงก็ต้องรับเล่นอยู่แล้ว

 ฮันโซฮี : เหมือนที่คุณพัคซอจุนพูดไปแล้ว ฉันเองก็ชอบซีรีส์เรื่อง  ‘ผู้จัดการเหล็กดรีมทีม (Hot Stove League) ’ เหมือนกันค่ะ และฉันก็ชอบดูเรื่องที่คุณพัคซอจุนแสดงด้วย และซีรีส์เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องราวที่ย้อนไปในปี 1945 ด้วย แถมมีสัตว์ประหลาดโผล่มาอีก  จึงมีหลายด้านมากๆ ให้นำเสนอ เป็นการผสมผสานกันระหว่างดราม่าย้อนยุคกับแนวสัตว์ประหลาด มันก็น่าจะช่วยฉันให้ก้าวหน้าในฐานะนักแสดงด้วยค่ะ

คลอเดีย คิม : ฉันเองก็ห่างหายไปจากการรับงานมาสักพักใหญ่ ๆ พอผู้กำกับจองดงยุนติดต่อมา ฉันคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ และเป็นโปรเจกต์ที่สเกลใหญ่มาก ๆ ด้วยค่ะ ไหนจะมีเรื่องของซีนอารมณ์ที่ต้องมาเกี่ยวอีก มันอาจจะเล่นยากแต่คิดว่าน่าจะสามารถทำให้ฉันเติบโตในฐานะนักแสดงเช่นกันค่ะ

คิมแฮซุก : ก็คล้ายกับคนอื่น ๆ นะคะ ฉันเองก็ชอบที่มันผสมกันระหว่างดราม่าย้อนยุคกับแนวสัตว์ประหลาด ฉันเชื่อในตัวนักเขียนกับผู้กำกับ ก็เลยไม่ต้องคิดเยอะเลยค่ะ นักแสดงทุกคนก็ยอดเยี่ยม อยากร่วมงานด้วยกันอยู่แล้ว ไม่ต้องพิจารณาเยอะเลยค่ะ

โจฮันชอล : ผมชอบบทครับ และผมก็เป็นแฟนคลับผู้กำกับจองดงยุนอยู่แล้ว เวลาเข้ามาทำโปรเจกต์มันสำคัญมากที่จะรู้ว่าเราต้องทำงานกับใคร พอรู้ว่าจะต้องมาเจอทีมนี้ ผมอยากร่วมงานด้วยมากๆ ก็เลยไม่ต้องคิดเยอะเลย ตัดสินใจง่ายมากครับ ผมชอบบทยุนจุงวอลด้วย เขาเป็นคนโรแมนติก ผมอยากจะแสดงเป็นยุนจุงวอลให้ดีที่สุดครับ

Q :  มันน่าจะมีเหตุผลที่ซีรีส์เรื่องนี้มีส่วนผสมระหว่างดราม่าย้อนยุคและซีรีส์แนวสัตว์ประหลาดใช่ไหม คุณอยากสื่ออารมณ์ของเรื่องนี้ออกมาในแบบไหน?

ผู้กำกับจองดงยุน : ตอนผมคุยกับคุณคังอึนคยอง (ผู้เขียนบท) เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมบอกไปว่าอยากเล่าถึงยุคกยองซองเพราะผมสนใจยุคนี้มาก แต่ก็อยากเล่าเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเราเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่คนทั้งโลกจะสามารถเพลิดเพลินและรู้สึกสนใจไปด้วยกันได้ ผมก็เลยเอาเรื่องสัตว์ประหลาดเข้ามา เพราะว่ามันจะทำให้สามารถเล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ได้ และยังคงดึงความสนใจจากผู้ชมทั่วโลกได้ด้วย ก็เลยอยากเอาสองมุมนี้มาผสมกัน ซึ่งก็ลองทำเป็นครั้งแรก และท้าทายสำหรับผมเหมือนกันครับ

Q :  ตอนเห็น “คุณพัคซอจุน” ในฐานะ “จางแทซัง” รู้สึกอย่างไรบ้าง?

ผู้กำกับจองดงยุน : ผมว่าเขาสมบูรณ์แบบมากสำหรับบทนี้ครับ รู้สึกว่าดูน่าเชื่อถือมาก

Q : ขอถามเกี่ยวกับตัวละครของแต่ละคนหน่อย?

พัคซอจุน : ตอนต้นเรื่องคุณจะเห็นว่าในเขตบนจอง ‘จางแทซัง’ เป็นคนที่รวยที่สุด และเป็นเจ้าของโรงรับจำนำคลังสมบัติทอง (House of Golden Treasure) แต่ก่อนหน้านั้น เขาผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มา และเติบโตขึ้นด้วยประสบการณ์เหล่านั้น จนวันหนึ่งก็มีเรื่องบางอย่างมาเกี่ยวพันกับเขา และเป็นที่มาของเรื่องราวในซีรีส์นี้ครับ ตลอดทั้งเรื่อง ผมพยายามโฟกัสการเล่าภูมิหลังของจางแทซังครับ

ฮันโซฮี  : ตัวละคร ‘ยุนแชอ๊ก’ เป็นนักแกะรอยที่แกะรอยได้ทุกคน เธอกำลังตามหาแม่ที่หายตัวไปสิบปีแล้ว และได้เดินทางมาถึงกยองซองจนได้เจอกับจางแทซัง และพบเจอเรื่องราวต่างๆ มากมายค่ะ

คลอเดีย คิม : ฉันรับบทเป็น ‘ยูกิโกะ มาเอดะ’  เป็นผู้หญิงที่มีความลึกลับที่สุดในเรื่อง เธอมีอำนาจและรวยมาก เป็นคนสนับสนุนโรงพยาบาลองซองด้วย บุคลิกจะค่อนข้างใจเย็น นิ่ง ๆ เก็บตัว สงวนท่าที และสวย แต่คุณไม่อาจรู้ได้ว่าในหัวเธอคิดอะไร และเธอเป็นเพื่อนกับ  ‘จางแทซัง’ ค่ะ

Q :  “คุณคิมแฮซุก” ค่ะ ที่รับบท “นาวอล” เป็นยังไงบ้าง?

คิมแฮซุก :  สำหรับ ‘ นาวอล’ มีบทบาทต่อวัยเด็กของ  ‘ จางแทซัง’ มากค่ะ เหมือนกับเป็นแม่ของเขาได้เลย ฉันคิดว่าแบบนั้นค่ะ

Q : แม้กระทั่งตอนที่ “จางแทซัง” ไม่อยู่ “คุณนาวอล” ที่น่าเชื่อถือก็คอยดูแลโรงรับจำนำคลังสมบัติทอง (House of Golden Treasure) ซึ่งเต็มไปด้วยของมีค่าเป็นอย่างดี ตอนถ่ายทำเป็นยังไงบ้าง ได้ยินมาว่าสนุกมาก ๆ เลย?

คิมแฮซุก : ใช่ค่ะ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เซตฉากใหญ่มาก เลยมีความสุขเวลาไปถ่ายทำ แต่ก็เครียดนะคะ เพราะทุกคนทุ่มเทกันหมด ทั้งนักแสดงและทีมงาน ทุกคนมีแพสชั่นกันมาก เห็นเลยค่ะว่าทุกคนเหนื่อยกันมากในทุกวัน เพราะว่าเราทุ่มเททุกอย่างลงไปจริง ๆ

Q : ดีไซน์ของโปรดักชันน่าประทับใจมากเลย คุณคิดยังไงบ้าง?

คิมแฮซุก : ตอนฉันเห็นฉากของโรงรับจำนำคลังสมบัติทองแล้วก็คิดว่าสุดยอดไปเลย ฉันเล่นซีรีส์แนวย้อนยุคมาเยอะก็จริง แต่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย ตอนเราถ่ายจบได้ยินว่าเขาจะรื้อทิ้ง ฉันโมโหเลยค่ะเพราะไม่อยากให้มันหายไป เพราะมันจะมีฉากที่มีตู้นิรภัยอยู่ในโรงรับจำนำคลังสมบัติทอง แล้วมันดูล้ำค่ามาก ฉันไม่อยากให้มันหายไป รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปอยู่ในปี 1945 จริงๆ เลยค่ะ

Q :  ผู้กำกับก็ชอบฉากของโรงรับจำนำคลังสมบัติทองด้วย เห็นว่าคุณชอบโซฟาที่อยู่ในฉากด้านในโรงรับจำนำมาก?

ผู้กำกับจองดงยุน : ที่โรงรับจำนำคลังสมบัติทองมีโซฟาตัวนึงขนาดเล็กๆ แต่ก็พอนอนได้ เป็นโซฟาตัวเดียวที่เรามีอยู่ในฉาก Indoor ผมก็ไม่รู้ยังไง แต่ถ้าได้นั่งโซฟาตัวนั้น ผมจะรู้สึกอินมาก มันให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ในปี 1945 บนถนนของกยองซองจริงๆ เลยครับ

พัคซอจุน : นั่นมันที่ผม ไปนั่งโซฟาผมทำไมครับ ผมว่าเหมือนมันเป็นหลุมหลบภัยที่ดีของพวกเราในระหว่างถ่ายทำ ผมชอบมากเลยครับ

Q : ด้าน “จางแทซัง” ดูแต่งตัวเก่งมาก ดูเป็นผู้ชายทันสมัยในยุคนั้น คุณชอบสไตล์แบบนี้ไหม?

พัคซอจุน : พวกเราทำการบ้านมาเยอะมากเรื่องเสื้อผ้าและสไตล์ของ ‘จางแทซัง’ เพื่อที่จะทำให้เขาออกมาเป็นแบบนั้น ตอนที่ซีรีส์สตรีม ผมรู้ว่าทุกคนจะสนใจเรื่องการแสดงอยู่แล้ว แต่มันก็สำคัญที่คุณจะเห็นภาพลักษณ์แรกของเขาว่าออกมาเป็นยังไง เราคุยกันเยอะมากกว่าจะได้ข้อสรุปว่าเขาควรดูเป็นยังไง หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ พวกเราตั้งใจกันมาก

Q : สำหรับ “จางแทซัง” เปลี่ยนชุดเยอะมาก แต่ “คุณฮันโซฮี” มีชุดเดียวใช่ไหม และได้เปลี่ยนชุดเป็นสาวสวยครั้งเดียวเอง รู้สึกยังไงบ้าง?

ฮันโซฮี : ฉันได้ใส่ชุดสวย ๆ แค่ชุดเดียวเอง จำได้ว่าเราลองชุดกันเยอะมาก เพราะผู้กำกับอยากให้สีเสื้อผ้าเหมาะกับผิวฉัน เรามาสรุปที่สีนี้เพราะเขาบอกว่าสีนี้แหละเหมาะสุด 

Q :  นี่คือฉากที่คนน่าจะชอบกัน เพราะคุณดูเหมือนตุ๊กตาเลย?

ฮันโซฮี : ทั้งเรื่องฉันไม่ได้ใส่ชุดเดียวนะคะ มีสองชุด แต่ว่ามันต้องมีความดิบ ๆ ให้ดูมีความลำบากหน่อย ๆ ฉันก็เลยมีชุดที่เหมือนกันสี่ตัวเลย จะได้ถ่ายได้อย่างต่อเนื่องกันค่ะ

Q : ตอนถ่ายทำ ได้ยินว่าการถ่ายฉากแรกไม่ค่อยสบายมากนัก?

พัคซอจุน : ใช่ครับ ฉากแรกคือผมต้องโดนจับมาทรมาน มันหนาวมากเพราะว่าโดนสาดน้ำด้วย ผมก็คิดว่านี่เอาผมมาทรมานเหรอ ฉากแรกก็เจอแบบนี้เลยเหรอ พอถ่ายซีนแรกไปก็ทำให้ผมสงสัยว่าแล้วซีนสุดท้ายจะเป็นยังไง ต้องสนุกแน่ ๆ เลย ผมรู้สึกได้ถึงตัวตนของ ‘จางแทซัง’ มากขึ้นครับ แต่แล้วก็มานั่งคิดว่าเดี๋ยวนะ มาถ่ายถูกเรื่องไหมเนี่ย แต่พอผมได้มาถ่ายฉากลำบาก ๆ เป็นซีนแรก มันก็ทำให้รู้เลยว่าจางแทซังเป็นคนแบบนี้นี่เอง

Q : ได้ยินว่าต้องมีซีนอารมณ์เยอะและมีเรื่องความรักเข้ามาด้วย?

พัคซอจุน : ใช่ครับ มันสำคัญและท้าทายมาก ๆ ว่าเราจะแสดงอารมณ์ออกมาแค่ไหน เพราะมันต้องดูน่าเชื่อถือ ผมพยายามให้ความสำคัญกับระดับของการแสดงและอารมณ์ที่เหมาะกับบทนั้น ๆ ด้วยบริบทของประวัติศาสตร์ ผมพยายามทำความเข้าใจ และแสดงมันออกมา อีกอย่างคุณฮันโซฮีเป็นนักแสดงที่เก่งมาก ผมเองก็สังเกตจากการแสดงของคุณฮันโซฮีด้วย แทนที่เราจะคุยกันว่าเราจะเอายังไง ระดับไหน เราจะพยายามทำความเข้าใจบริบทแล้วก็แสดงไปกับมันเลย ผมคิดว่าความรักในซีรีส์เรื่องนี้มันเหมือนเป็นความรักที่ต้องเก็บเอาไว้ เป็นความรักที่สามารถทำให้คนรู้สึกเจ็บปวดได้

Q: ถาม “คุณพัคซอจุน” และ “คุณฮันโซฮี” อยากให้ช่วยอธิบายเกี่ยวกับที่ “คุณพัคซอจุน” บอกไว้ว่าในซีรีส์เรื่องนี้ความรักอาจจะต้องถูกเก็บเอาไว้ อยากทราบว่าพวกคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?

พัคซอจุน : ที่ว่าเป็นความรักที่ถูกเก็บเอาไว้ เพราะว่าพวกเราเจอกันแค่ช่วงแรกของเรื่อง แล้วก็ไม่ได้เจอกันเยอะขนาดนั้นครับ การไม่ได้เข้าฉากด้วยกันบ่อย ๆ ก็ช่วยได้นะครับ เพราะผมก็อยากเจอคุณโซฮีอีก พอมาถ่ายด้วยกันอีกที ผมก็บอกว่า คิดถึงนะ ไม่ได้ถ่ายด้วยกันนานเลย พอมาถ่ายฉากเหล่านี้มันก็เหมือนมีอารมณ์ของการห่างไกลกันเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะว่ามันมีเรื่องที่เราไม่สามารถแสดงออกได้ในเรื่อง ผมก็โฟกัสในเรื่องนั้นในระหว่างการถ่ายทำ

Q : ปกติเวลาถ่ายฉากรัก มันไม่ต้องสกัดความรู้สึกไว้ น่าจะแตกต่างจากที่เคยถ่ายมาใช่ไหม?

พัคซอจุน : ใช่ครับ เวลาเราถ่ายเรื่องแบบนี้ เราต้องเชื่อใจนักแสดงที่เล่นด้วยกันมาก ๆ แค่ผมมองตาเขาเวลาที่แสดง มันทำให้เข้าใจถึงปมของตัวละครได้เป็นอย่างดี ผมเชื่อใจคุณโซฮีครับ

ฮันโซฮี : พวกเขาต้องสกัดความรู้สึกเอาไว้ เพราะทั้งสองคนมีสิ่งที่ต้องปกป้อง ก็เหมือนกับที่คุณพัคซอจุนพูด กว่าจะได้กลับมาถ่ายฉากเดียวกันมันใช้เวลานานมาก เดี๋ยวเขาก็โดนขัง เดี๋ยวฉันก็บาดเจ็บ มันเลยยิ่งทำให้แสดงออกถึงความรักที่มีแต่ต้องอยู่แยกจากกันได้ง่ายขึ้น แล้วก็ไม่ใช่แค่เรื่องรักของชายหญิง แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับการร่วมมือกันเพื่อสู้กับสัตว์ประหลาด ฉันไม่อยากให้ผู้ชมสนใจแค่เส้นเรื่องความรักนะคะ แต่อยากให้เห็นว่าพวกเขาพยายามร่วมมือกันเพื่อเอาชีวิตรอดค่ะ

Q : “คุณคิมแฮซุก” เห็นพวกเขาแสดงแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?

คิมแฮซุก : ฉันเห็นการแสดงออกถึงความรักของพวกเขาแล้วใจพองโต นี่แหละคือความรัก คนเราไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดในการแสดงออก แต่ว่าแค่มองตากันก็เข้าใจแล้วว่ามันมีความรักอยู่ในนั้น มันก็ดูเศร้าแต่ฉันคิดว่าพวกเขาแสดงออกมาได้ดีค่ะ

Q : ส่วน “ยุนแชอ๊ก” ก็เป็นคนที่กล้าหาญมาก ตัวละครนี้ผ่านอะไรมาเยอะมาก จนเหมือนจะไม่ตกใจอะไรง่าย ๆ  คุณเองก็ได้เรียนรู้จากตัวละครนี้เยอะเลยใช่ไหม?

ฮันโซฮี : ฉันว่านิสัยฉันกับ ‘ยุนแชอ๊ก’ ไม่ได้เหมือนกันเท่าไรนัก เพราะฉันไม่ได้เป็นคนสบาย ๆ ขนาดยุนแชอ๊ก ก็เลยจะรู้สึกกังวลนิดหน่อย แต่ด้วยเรื่องในยุคสมัยนั้น และสิ่งที่ฉันได้รับมาจากตัวละครอื่นๆ รวมถึงจางแทซัง บวกกับการที่ยุนแชอ๊กต้องตามหาแม่ มันมีเรื่องราวที่ร้อยเรียงกันมา ฉันเลยเข้าใจและแสดงเป็นตัวละครนี้ได้ไม่ยากมากนักค่ะ

Q : พวกคุณคงต้องเตรียมตัวอย่างหนักเลยก่อนถ่ายทำ ในซีรีส์ออกมาดูดีและเท่มาก แต่ตอนถ่ายฉากพระนางเจอกันครั้งแรก เห็นว่าลำบากมากเพราะต้องเอาหัวชนกันตั้งหลายทีใช่ไหม?

ฮันโซฮี : ใช่ค่ะ เหมือนคุณพัคซอจุนเลยค่ะ เพราะซีนนี้ก็เป็นซีนแรกของฉัน วันแรกก็ลำบากขนาดนี้เลย ปวดคอไปเลยค่ะ ฉันก็คิดเลยว่าแล้ววันสุดท้ายจะขนาดไหน พอถ่ายจบ วันต่อไปฉันขยับคอไม่ได้เลยค่ะ แต่พอคิดถึงความพยายามของผู้กำกับแล้ว ก็เข้าใจได้ว่าทำไมซีรีส์ถึงออกมาดีขนาดนี้ ฉันก็คิดว่าอยากแสดงให้ออกมาดีเหมือนกัน ก็เลยพยายามอย่างมากเช่นเดียวกันค่ะ

Q : ตั้งแต่เรื่อง “Marcopolo” และ “The Avengers” สำหรับ “คุณคลอเดีย คิม” ถือเป็นดาราระดับโลกที่เก่งภาษาอังกฤษมาก แต่ไม่ทราบว่าคุณพูดญี่ปุ่นได้คล่องด้วย แถมไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นทั่วไป แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นเกียวโตที่ใช้ในสมัยโบราณ และยังต้องเล่นเป็นคนญี่ปุ่นที่พูดเกาหลีอีก?

คลอเดีย คิม : ฉันก็ค่อนข้างกังวลและกดดันมาก เพราะบทนี้ต้องพูดภาษาญี่ปุ่นในแบบเกียวโตโบราณ ฉันจึงไม่รู้จะไปปรึกษาใคร เลยต้องไปเรียนด้วย เพราะเป็นภาษาโบราณค่ะ ถ้าคุณส่งฉันไปญี่ปุ่นตอนนี้ก็คงคุยกับใครไม่รู้เรื่องแน่เลยค่ะ ส่วนเรื่องการพูดภาษาเกาหลีในฉบับคนญี่ปุ่นก็ยากค่ะ ส่วนใหญ่ต้องพึ่งจินตนาการเยอะเลย แต่ผู้กำกับจะคอยเตือนเสมอถ้าสำเนียงมันมากจนเกินไป

Q: นอกจากเรื่องภาษาที่ยาก “คุณคลอเดีย คิม” ต้องแสดงอารมณ์โดยต้องไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้าด้วยใช่ไหม น่าจะเป็นเรื่องที่ยากที่สุดเลย?

คลอเดีย คิม : ใช่ค่ะ ฉันเป็นคนที่แสดงออกเยอะมาก ออกทางสีหน้าและแววตาเพราะฉันตาโต แต่พอมาเล่นเรื่องนี้ ตัวละครนี้ต้องเป็นคนสงวนท่าทีและลึกลับมาก ฉันก็เลยต้องระมัดระวังการแสดงสีหน้าเป็นอย่างมาก

Q:  ได้ยินว่าการสร้างคาแรคเตอร์ของ “ยูกิโกะ”ให้เข้ากับตัว “คุณคลอเดีย” เป็นอะไรที่บันเทิงสำหรับผู้กำกับมาก ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม?

ผู้กำกับจองดงยุน : ผมว่ามันสนุกดีครับ ผมชอบตัวละคร ‘ยูกิโกะ’ ผมคิดเยอะมากว่าจะทำยังไงให้คลอเดียออกมาเหมือนเธอ เราคุยกันเรื่องให้แสดงอารมณ์ของตัวละครออกมาให้น้อยลงอีก ให้เก็บตัวมากขึ้น คุณคลอเดียก็ทำได้ดีมากๆ เพราะปกติเขาจะเป็นคนแสดงออกเยอะมาก แต่เขาก็พยายามลดการแสดงออกลง เก็บสีหน้า เก็บอารมณ์ได้ดีมากเวลาที่เป็นยูกิโกะครับ

คลอเดีย คิม : ขอบคุณค่ะ ฉันขอบคุณเขามากๆ ตอนที่พยายามเป็น ‘ยูกิโกะ’  ผู้กำกับจะโฟกัสรายละเอียดมากๆ ฉันรู้สึกได้เลยว่าฉันใกล้เคียงกับยูกิโกะมากขึ้น แล้วเขาก็คอยบอกคอยแนะนำตลอดค่ะ

Q : ส่วนบท  “คุณคิมแฮซุก” เป็นเหมือนบุคคลที่ “จางแทซัง” พึ่งพาได้เสมอ กลับกันบทของยุนจุงวอลก็เป็นคนที่ยุนแชอ๊กจะพึ่งพาได้ ช่วยเล่าให้ฟังถึงตัวละครนี้หน่อย?

โจฮันชอล: ภรรยาของเขาหายตัวไปครับ เขาเป็นคนโรแมนติก รักภรรยามาก พอไม่มีเธอชีวิตเขาก็เปลี่ยนไป ก็เลยพาลูกสาวที่ยังเด็กไปตามหาแม่เป็นสิบปีเลย พอมีเบาะแส ก็เลยพาลูกสาวไปเจอจางแทซัง แล้วแทรกซึมเข้าสู่โรงพยาบาลองซองด้วยกันเพื่อตามหาภรรยา ส่วนจางแทซังก็เข้าไปเพื่อเป้าหมายของตัวเอง ถ้าดูไปเรื่อยๆ แล้วจะเห็นเองครับว่าเขาเป็นคนอย่างไร

Q : ได้ยินจาก “นักเขียนคังอึนคยอง” ว่าเขียนบทของ “ยุนจุงวอล” ง่าย เพราะตรงมาก คาแรคเตอร์ค่อนข้างโดดเด่น คุณชอบอะไรในตัวละครตัวนี้?

โจฮันชอล : ตอนเขาเล่าเรื่องตัวละครนี้ให้ฟัง ผมก็คิดว่าทำไมเลือกผมมาเล่นบทที่เท่และดีขนาดนี้ บางครั้งผมชอบได้เล่นเป็นตัวร้ายในผลงานที่ผ่าน ๆ มา แต่คนนี้เขาเป็นคนที่เท่ที่สุดในบรรดาตัวละครที่ผมเล่นมาทั้งหมด ก็เลยกดดันเพราะต้องทำให้คนนี้ออกมาดูดี แต่เหมือนที่คุณฮันโซฮีพูดไปแล้ว ยุนจุงวอลเขามีเป้าหมายที่ยังไงก็จะทำให้สำเร็จให้ได้ ผมเลยคิดว่าผมเองก็ควรแสดงเป้าหมายนั้นให้ออกมาดีที่สุด ผมเชื่อในผู้กำกับด้วย และอยากรู้ว่าจะออกมาเป็นยังไงเหมือนกันครับ

Q: เห็นว่าพวกคุณน่าจะสนิทกันมาก ๆ แล้ว “ยุนจุงวอล” ก็เป็นพ่อของ “ยุนแชอ๊ก” ด้วย?

ฮันโซฮี : จริง ๆ ฉันมีเข้าฉากกับคุณโจฮันชอลมากว่าคุณพัคซอจุนอีกค่ะ ในระหว่างการถ่ายทำ ถ้าฉันคิดอะไรฉันจะเชื่อใจ พึ่งพา และปรึกษาเขาเสมอ บางครั้งเขาจะแนะนำฉันดีมากๆ บางครั้งก็พูดแบบตลก แต่บางครั้งก็แนะนำอย่างจริงจังเลย

โจฮันชอล : แทนที่ผมจะแนะนำนะครับ ผมดูเขาเล่นแอคชั่นในเรื่อง  My Name แล้ว ผมตกใจมากเพราะเขาเล่นแอคชั่นเก่ง ผมก็จะคอยบอกให้เขาระวัง เพราะเรามีฉากแอคชั่นเยอะมากให้ระวังบาดเจ็บ แล้วเราก็ต้องใส่เสื้อผ้ากันหลายชั้น อากาศก็ร้อน พ่อลูกก็ต้องใส่ใจกันนะครับ พวกเราเลยพกพัดลมมือถือน่ะครับ ต้องดูแลกันดี ๆ

Q :  “คุณพัคซอจุน” การแสดงฉากแอคชั่นเรื่องนี้ มีอะไรท้าทายบ้าง?

พัคซอจุน : ตอนแรกผมกังวลครับเพราะตอนโดนแคสต์มารับบทนี้ ทั้งฉากและสัตว์ประหลาดก็พร้อมอยู่แล้ว พอมาเล่นจริงๆ ผมก็คิดว่าจะเล่นออกมายังไงดี แต่ทุกคนร่วมมือกันดีมากๆ เรามีสิ่งที่เรียกว่า Pre-visual ซึ่งทีม VFX จะมาไกด์ให้ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน ทำให้ผมเห็นภาพ ทางทีมจะเอามาให้ผมดูก่อนเข้าฉาก พวกเราพูดกันตลอดว่ามันยากและท้าทาย แต่มันทำให้ทุกอย่างออกมาดี มันช่วยให้ผมมีสมาธิและจดจ่อในตัวละครได้มากเลย ผมคิดว่าความเครียดที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องที่ดีเพราะทำให้เราสร้างผลงานดีๆ ออกมาได้ อีกอย่างหนึ่งเพราะด้วยความที่มันเป็นครั้งแรกของพวกเราหลายๆ คนด้วย ทำงานก็ต้องแข่งกับเวลา เราทุ่มเทกับมันมากๆ แต่พอได้เห็นซีรีส์ที่ตัดต่อออกมาแล้ว ผมรู้สึกพอใจมาก ผมรู้สึกว่าผู้ชมน่าจะเซอไพรส์กับฉากที่ดีแน่ๆ ครับ ผมเองก็อยากรีบดูแล้ว

Q : แล้ว “คุณฮันโซฮี” เล่นแอคชั่นแบบไม่ยั้งเลย หลายคนกังวลเรื่องที่คุณได้รับบาดเจ็บกันมาก?

ฮันโซฮี : เรื่องการบาดเจ็บมันไม่ใช่แค่ฉันค่ะ ทีมสตันท์ก็มีเจ็บเหมือนกัน ใครเล่นแอคชั่นก็มีโอกาสเจ็บตัวอยู่แล้ว ถ้ามันไม่มีการบาดเจ็บเกิดขึ้นฉันจะรู้สึกดีมากๆ เลย แต่เวลาจะเล่นฉากแอคชั่นเราต้องทำใจเอาไว้ว่ายังไงถ้าต้องบาดเจ็บก็ขอให้เจ็บน้อยที่สุด เพราะมันอาจเกิดขึ้นได้อยู่ดีไม่ว่าคุณจะเตรียมตัวมาแค่ไหน เพราะทุกคนทุ่มเทร้อยเปอเซนต์ในตอนถ่ายทำ ฉันว่าสิ่งที่ฉันคิดไม่ถึงคือไม่รู้ว่าจุดไหนที่ร่างกายเราทำได้หรือไม่ได้ ถ้าย้อนเวลากลับไปฉันอาจจะต้องคิดถึงเรื่องนี้ค่ะ จะได้เสี่ยงและเจ็บตัวน้อยลง อีกอย่างคือการไม่ใช้ร่างกายเกินขีดจำกัดมากจนเกินไปในฉากแอคชั่น ฉันคิดว่าถ้าได้เล่นฉากนั้นๆ อีกครั้งฉันอาจจะทำได้ดีขึ้นนะคะ แต่ตอนนี้อาการบาดเจ็บหายแล้วนะคะ

Q : เคมีของพ่อลูกเข้ากันได้ดีมากเลย พวกคุณต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเยอะมาก เลยต้องทำงานกับกรีนสกรีนเยอะ รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?

โจฮันชอล : ผมกังวลมากนะครับ เพราะมันต้องใช้จินตนาการ จริงๆ มันเหมือนกันในหลายๆ ฉากในการถ่ายทำ ไม่ว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน เราต้องเชื่อในตัวผู้กำกับครับ ผู้กำกับจองดงยุนเลยงานหนักเลย

Q : ถามผู้กำกับและนักเขียน คุณใช้ Reference แบบไหนในการถ่ายทำ เพราะงานนี้เห็นว่าเป็นงานแรกของ “ผู้กำกับจองดงยุน” ด้วยที่ใช้ VFX เยอะมาก ตอนถ่ายมีอะไรที่ลำบากบ้างมั้ย และถามนักแสดงนำทั้งสอง ในเรื่องนี้มีซีนแอคชั่นเยอะมาก ทั้งสองคนรับมือยังไง ได้ยินว่าคุณฮันโซฮีบาดเจ็บเล็กน้อยด้วย เจ็บในซีนไหน และบาดเจ็บเยอะไหม?

ผู้กำกับจองดงยุน : เป็นงานแรกเลยครับที่มี VFX เยอะมาก ไม่คิดว่าจะได้มาทำ แต่ท้าทายมากเลยครับ ผมก็อยากทำให้ออกมาดี ส่วน Reference ผมดูหนังและซีรีส์มาเยอะครับ แต่ว่าสุดท้ายแล้ว ผมอยากได้สัตว์ประหลาดที่เป็นของเราเอง ที่ผู้ชมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ผมกับนักเขียนคังอึนคยองก็เลยคิดว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะเริ่มต้นโดยการเกิดจากเซลล์ในตัวมนุษย์เอง แล้วค่อยมาดูว่ามันจะมีความสามารถยังไง หน้าตาแบบไหน พัฒนามาจากอะไรบ้าง ทุกอย่างต้องถูกต้องคนดูถึงจะเชื่อในการเกิดของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ พวกเราเริ่มต้นมาแบบนั้น สัตว์ประหลาดจะโผล่มาในช่วง Opening Credit ที่เราแนะนำนักแสดงทั้งหมด เราจะบอกว่ามันมาจากไหน ผมว่าแค่ดู  Opening Credit ก็สนุกแล้วครับ อยากจะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่พวกเราสร้างขึ้นมาเองจริงๆ เป็นออริจินัลเลย ส่วนที่ถามเรื่องความท้าทาย มันท้าทายมากครับ ลำบากด้วย แต่ผมเป็นผู้กำกับ ก็พยายามไม่ทำให้คุณพัคซอจุน คุณฮันโซฮี คุณคิมแฮซุก และทุกๆ คนผิดหวัง บางครั้งผมก็บอกเขาว่าเหนื่อยมากเลย แต่พวกเขามักจะบอกผมก่อนเสมอว่าคุณคงเหนื่อยแย่ ทุกคนในทีมเราน่ารักมาก นักแสดงทุกคนก็คงลำบากมากเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่บ่นกันเลยจนจบ ผมก็เลยอยากใช้โอกาสนี้ในการขอบคุณคุณพัคซอจุน คุณฮันโซฮี คุณคลอเดีย คุณคิมแฮซุก คุณโจฮันชอล และนักแสดงคนอื่นๆ ด้วยนะครับ เพราะมันเป็นงานที่ยากมากๆ ก็เลยอยากขอบคุณทุกคนครับ

Q : ถามผู้กำกับ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นแนวสัตว์ประหลาดที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ การเอาเรื่องในสองแนวนี้มาทำร่วมกันส่งผลอย่างไรบ้าง เพราะในซีรีส์มีเรื่องของคนที่หายตัวไป ส่วนในเหตุการณ์จริงของสมัยนั้นก็มีคนที่หายตัวไปจริงๆ และยังคงมีความเจ็บปวดกับเหตุการณ์ในสมัยนั้น อยากรู้ว่าคุณเน้นเรื่องนี้ด้วยไหม คุณตั้งใจที่จะสื่อถึงเหตุการณ์เหล่านั้นหรือไม่ และที่คุณบอกว่าสัตว์ประหลาดเกิดจากความโลภของมนุษย์ ความโลภแบบไหนที่ทำให้เกิดสัตว์ประหลาดนี้ขึ้น?

ผู้กำกับจองดงยุน : สัตว์ประหลาดในเรื่องนี้เกี่ยวกับความโลภ ซึ่งความโลภมีหลายประเภทครับ ทั้งความเห็นแก่ตัว อยากรวย ความต้องการต่าง ๆ มันมีเยอะในตัวคนอยู่แล้ว เรื่องเหล่านี้แหละครับที่อยู่ในซีรีส์เรื่องนี้ ความต้องการของมนุษย์ทำให้เกิดสัตว์ประหลาดพวกนี้

Q : ถามผู้กำกับ เราได้ดูเรื่อง “สวีทโฮม (Sweet Home)”  ไปแล้ว ส่วนตอนนี้กำลังจะมีซีรีส์สัตว์ประหลาดเข้ามาเพิ่ม 2 เรื่องนี้แตกต่างกันอย่างไร?  

ผู้กำกับจองดงยุน : ผมคิดว่า ‘สัตว์สยองกยองซอง (Gyeongseong Creature)’ มีความแตกต่างอยู่ครับ ผมว่ามันต่างกันเพราะเรามีความเศร้าอยู่ในสัตว์ประหลาดของเรา นั่นคือสิ่งที่ทำให้ต่างกัน ถ้าคุณได้ดูซีรีส์แล้วคุณจะเข้าใจผมแน่ ๆ ว่าผมหมายถึงความเศร้าแบบไหน ใ สัตว์สยองกยองซอง (Gyeongseong Creature) มันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่เท่และน่ากลัวอย่างเดียว นั่นไม่ใช่โฟกัสของเราครับ แต่ทุกตัวจะมีปูมหลังของตัวเอง แล้วเรื่องราวเหล่านั้นจะเป็นตัวหล่อหลอมให้รูปร่างหน้าตาของสัตว์ประหลาดแต่ละตัวออกมาต่างกัน รวมไปถึงการแสดงออกและท่าทางด้วย มันจะออกมาจากความรู้สึก แล้วเราพยายามคุยกับทีม VFX มาก ๆ ว่าจะแสดงออกถึงความเศร้าในตัวสัตว์ประหลาดออกมาได้ยังไง

Q : ฝากอะไรกับแฟน ๆ ทั่วโลก?

ผู้กำกับจองดงยุน : หวังว่าจะชอบเรื่องสัตว์สยองกยองซอง กันนะครับ ขอบคุณครับ

พัคซอจุน : พวกเราพูดเรื่องบทกันไปเยอะแล้ว ผมอยากบอกเพิ่มเติมว่าในระหว่างถ่ายทำ ผมเฝ้ารอวันที่งานชิ้นนี้จะสตรีมมากเลย ไว้เรารอดูด้วยกันนะครับ ขอบคุณครับ

ฮันโซฮี : เราทำงานหนักกันมาสองปี ในที่สุดซีรีส์เรื่องนี้ก็จะสตรีมแล้ว พวกเราทุ่มเทกันมาก ๆ ในการทำ อยากให้รอชมและติดตามกันนะคะ

คลอเดีย คิม : ฉันขนลุกตั้งแต่อ่านบทเลยค่ะ เพราะเรื่องนี้ดีมาก ทั้งทีมนักแสดงและทีมงานตั้งใจมากๆ ในทุกวันเลยค่ะ หวังว่าจะชอบกันนะคะ ขอบคุณค่ะ

คิมแฮซุก : คุณจะได้ชมซีรีส์ย้อนยุคที่ไม่เคยได้ชมมาก่อน เนื้อเรื่องก็เข้มข้นมาก ๆ ฉันภูมิใจมากที่เรื่องนี้เป็นผลงานของเกาหลี ถือว่าเป็นเรื่องปิดท้ายปี 2023 ได้ดีเลย อยากให้ทุกคนสนุกกับมันค่ะ ขอบคุณค่ะ

โจฮันชอล : ตอนถ่ายทำมันทั้งยาก ทั้งหนาว แล้วก็มีเส้นเรื่องทางอารมณ์ที่เข้มข้นมากๆ ยากลำบากมากๆ แต่ตอนผมเห็นซีรีส์ตัดต่อออกมาแล้วก็รู้สึกว่ามันออกมาดีจริงๆ สัญญาครับว่าทุกคนจะไม่ผิดหวัง หวังว่าจะชอบนะครับ ขอบคุณครับ

ทำการบ้านพร้อมแล้ว ก็มาด่ำดิ่งสู่โลกที่ต้องต่อสู้กับเหล่าอสุรกายที่เกิดจากความโลภของมนุษย์ พร้อมเรียนรู้และถอดข้อคิด สิ่งที่พวกเขาอยากจะสื่อไปพร้อมกัน!

ฮาอึน