@เมื่อพรรคเพื่อไทย ที่มี”เศรษฐา ทวีสิน” เป็น”นายกรัฐมนตรี” และ”อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ทายาททาง”การเมือง”ของตระกูล”ชินวัตร” เตรียมที่จะ”ลุยไฟ” เพื่อการ”ขับเคลื่อน” โครงการ”ดิจิตัลวอลเล็ต” ให้ได้ โดยไม่”หวั่นไหว” กับการ”ชี้แนะ” ทั้งของ “กฤษฎีกา” และ” ปปช.” รวมทั้งยัง”งัดข้อ” กับ”ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย” ที่”เห็นต่าง” ในเรื่อง”วิกฤตเศรษฐกิจ” ของประเทศไทย เรื่องการ”ลุยไฟ” ในการ”เข็นโครงการ” ที่ องค์กรหลัก ของ ประเทศไม่เห็นด้วย จึงอาจจะต้อง”เดิมพัน”ด้วย”อนาคต”ของพรรคเพื่อไทย ในขณะที่”นักการเมือง” ที่เกี่ยวข้อง อาจจะเหมือนการ”ยื่นเท้าข้างหนึ่ง” เข้าไปเตรียมรับข้อหา หาก”ดิจิตัลวอลเล็ต” ที่”ขับเคลื่อน”แล้วไม่ได้ทำให้”เศรษฐกิจ”ของ”ประเทศฟื้นคืน” แต่เป็นการ”ก่อหนี้” ให้กับคนไทย”ทั้งแผ่นดิน…..ก็ เห็นใจ “นักการเมือง” ในฟากของ”เพื่อไทย” เพราะโครงการ”ดิจิตัลวอลเล็ต” ที่”เพื่อไทย” หาเสียงไว้กับ ประชาชน นั้น คือ”แจกเงิน 10,000 บาท ให้กับประชาชนทุก”ชนชั้น” ที่อายุ 16 ปีขึ้นไป เพื่อให้ช่วยกัน”ใช้จ่าย” ให้เกิด”พายุการหมุนเวียน”ของเงินตราจำนวน 600,000  ล้านบาท คิดดูจะเป็น”พายุมหึมา”ที่”หมุนเวียน” ใน”ตะกร้าเงิน” ขนาดไหน แต่เมื่อมาโดน “ดิสเบรก” ทั้งจาก”นักวิชาการ. กฤษฎีกา,ปปช. ,ธนาคารแห่งประเทศไทย” โดยการ”ชี้แนะ” ให้”ปรับเปลี่ยนนโยบาย” แจกได้แต่แจกเฉพาะกลุ่มที่”เปราะบาง” และอยู่ภายใต้”เส้นแบ่ง”ของคำว่า”ยากจน” ซึ่งแน่นอน วิธีแบบนี้”ลุงตู่” ใช้มาแล้ว 9 ปี แต่ เศรษฐกิจไม่ได้รับการ”กระตุ้น” ให้มีการ”กระเตื้อง” แต่อย่างใด  ดังนั้นถ้า”แจกแบบนี้” เพื่อไทยคง”ไม่เอาด้วย” ดังนั้นเรื่อง”เงินดิจิตัล” จึงเป็นเรื่องของ”สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนนัยน์ตาคม เห็นดวงดาว อยู่พราวพราย” 

@แต่ วันนี้ คงจะ”ชี้ชัด”ไม่ได้ว่าฝ่ายไหนที่”เห็นโคลนตม” และ”ฝ่ายไหนที่”เห็นดวงดาว” สรุป แล้ว เรื่องนี้ หลังจากที่”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี” และ”พลพรรค”ของเพื่อไทย ที่ได้ขึ้นเวที”ลุยไถ” ด้วยการ”ฟาดฟัน” ผู้ที่”เห็นต่าง” แบบ “ปะฉะดะ” มาแล้ว จะทำการ”ลุยไฟ” หรือไม่นั้น เชื่อเถอะ ผู้ที่ทำการ”กดรีโมท” เพื่อ”สั่งการ”ให้”เดินหน้า”หรือ”ถอยหลัง” ย่อมต้องเป็น”คนบนชั้น 14 คนเดียวเท่านั้น และถ้า”ชั้น 14 สั่งไอ้เสือถอย” เพืยงคำเดียว “วิวาทะ” ทั้งหมดก็จบแบบ”ไม่มีปี่มีขลุ่ย”  เรื่องนี้”ไอ้เรืองเอาหัวเป็นประกัน……ที่สำคัญ เช็คกระแสของพรรคการเมืองที่เป็น”พรรคร่วม” เริ่มจะ”คิดหนัก” และ”รวนเร” กับการที่ “ปปช. ออกมา แถลงแสดงความเป็นห่วง “โครงการเงินดิจิตัลวอลเล็ต” เพราะไม่ต้องการ”แบกรับ” ความ”สุ่มเสี่ยง” ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้า”เพื่อไทย” ตัดสินใจ”ลุยไฟ” เพราะผลสุดท้าย พรรคร่วมในฐานะที่เป็น”รัฐบาล” ต้องมีส่วน”รับผิดและรับชอบ” จากการตัดสินใจ”ลุยไฟ”เพื่อ”แจกเงิน”ดิจิตัลวอลเล็ต”ของ”เพื่อไทย”  ในครั้งนี้….. ดังนั้นเมื่อ”ความแน่นอน”คือความ”ไม่แน่นอน” สิ่งที่”เพื่อไทย” และ”นายกนิด” ต้อง ดำเนินการ คือ”แผนสอง” ที่จะใช้ในการ”กระตุ้นเศรษฐกิจ” ที่จำเป็นต้องมี อย่าตั้ง”ความหวัง”ไว้ที่”ดิจิตัลวอลล็ต” เพียงอย่างเดียว ส่วน”ประชาชน” ที่ยังรอ”ความหวัง” ของการได้รับ”แจกเงิน” คนละ 10,000 บาท อย่างเพิ่ง “ฟาดงวงฟาดงา” หรือ”โกรธแค้น” พรรคเพื่อไทย ว่า”หลอกให้เก้อ” เพราะ ลำพังพรรคเพื่อไทย อยากจะ”แจกเงิน” ให้”ประชาชนใจจะขาด” แต่ติดที่เงินที่จะแจกไม่ใช่เงินส่วนตัวของ”เพื่อไทย”  แต่เป็น”เงินกู้” เพื่อเอามาแจก เรื่องนี้ไม่ใช่”เพื่อไทย” หลอกลวงประชาชน เพียงแต่เป็นนโยบายในการ”หาเสียง” ที่ทำไม่ได้ หรือต้อง ”ลุยไฟ” เพื่อทำให้ได้  เป็นการ”สุ่มเสี่ยง” เป็นอย่างยิ่ง…..

@ส่วนโครงการใหญ่ที่ 2 ที่รองจาก”เงินดิจิตัล” นั้นคือเรื่องของ”ซอฟต์พาวเวอร์” ที่เป็น นโยบายของพรรคที่”หัวหน้าคอบครัวเพื่อไทย” และ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย “แพทองธาร ชินวัตร “ ใช้ในการ”หาเสียง”ของทุกเวที ที่มีเธอ นี่ อายุ”รัฐบาล” ก็ใกล้จะผ่าน”ครึ่งปี” แต่ยังมองไม่ชัดว่า”อะไรที่จะเป็น”ซอฟต์พาวเวอร์”ของประเทศไทย และเรื่องของ”ซอฟต์พาวเวอร์” ก็ยังเป็นที่”งุนงงสงสัย” ของคนไทยจำนวนมาก เพราะแม้แต่”หมูกระทะ” ก็เป็นเรื่องของ”ซอฟต์พาวเวอร์” ก็สิ่งของที่เรียกว่า”ซอฟต์พาวเวอร์” คือสิ่งที่มีอยู่แล้ว แต่การทำให้เป็น”ซอฟต์พาวเวอร์” จะทำอย่างไร ยังไม่เห็นเป็นเรื่องเป็นราวให้”จับต้อง”  และเรื่อง”ซอฟต์พาวเวอร์” ก็กำลังจะกลายเป็น”วาทกรรม” ที่เรียกว่า”ดีแต่พูด” แต่ทำแล้ว”ไปไม่ถึงไหน”นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง”จุดอ่อน” ของ”เพื่อไทย” …..ถ้า 2 เรื่องใหญ่อย่าง”เงินดิจิตัลวอลเล็ต” และ” “ซอฟต์พาวเวอร์” ทำไม่ได้ หรือไม่สำเร็จ แล้ว”เพื่อไทย” จะ”ขายอะไร”ในการสร้าง”จุดแข็ง” ให้กับ”เศรษฐกิจ” และ”จุดขาย” ทาง”การเมือง” ในการเลือกตั้งสมัยหน้า…..

@ส่วนโครงการใหญ่อย่าง”แลนด์บริดจ์” ที่ไม่เคยอยู่ใน”โปรแกรมการหาเสียงของเพื่อไทย” และ”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี เพิ่งจะ”หยิบยก” มาเป็น”จุดขาย” หลังจากที่ได้รับตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี” แล้วนั่น  วันนี้ยังไม่มีคำตอบว่า ประเทศต่างๆที่”นายกนิด” ข้ามน้ำ ข้ามทะเล ไปนำเสนอต่อ”กลุ่มทุน” ว่าเขาจะมาลงทุนในโครงการ”แลนด์บริดจ์” หรือ”สะพานบก” ที่จะสร้างระหว่าง จ.ระนอง-ชุมพร เพื่อ ย่นระยะทางของการขนส่งสินค้า…..ที่สำคัญ”มหาอำนาจอย่างจีน” ยังให้ความสนใจในเรื่องการ”ขุดคลอง เอ 9” หรือ”คอคอดกระ” ระหว่าง จ.สงขลา กับ จ.ตรัง เพื่อการเชื่อมสองฝั่งทะเลมากกว่าเรื่องของ”สะพานบก”อย่าง”แลนด์บริดจ์” ล่าสุด กลุ่มผู้”สนับสนุน” การ”ขุดคลอง” ยังมีการจัด”ประชุมสัมมนา” ที่ “มหาวิทยาลัยสงขลานคนินทร์” เพื่อ”ขับเคลื่อน” โครงการ”ขุดคลอง เอ 9 “ โดยการ”อุดหนุนงบประมาณ” จาก”กลุ่มทุนจีน”…..วันนี้สังคมไทยกำลังได้รับความเสียหาย จากนโยบาย”กัญชาเสรี” และการ”ปลอดล็อค” ให้”พืชกระท่อม” ไม่ใช่”ยาเสพติด” ทั้ง 2 เรื่องการเป็น”ต้นไม้พิษ” ที่”ออกดอกออกผล” ให้เกิดความ”เสียหาย” อย่างร้ายแรงต่อ”เยาวชน” ละ”สังคมไทย ที่ “กระทรวงยุติธรรม”ที่มี “ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” เป็น “รัฐมนตรี” ต้อง”ลุยไฟ” เพื่อแก้ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทย…..

@ในตอนหาเสียง และตอนที่จะออก”กฎหมาย” บอกว่า “ปลูกกัญชาบ้านละ 6 ต้น” ทุกคนจะ”มีกินมีใช้” มีการ “ส่งเสริม” ให้ปลูกกันยกใหญ่ “คนจนปลูกที่บ้าน” ส่วน”คนรวย” ลงทุน สร้างโรงเรือน ลงทุนลงแรง เรือนแสน เรือนล้าน วันนี้ทั้ง”คนจน”และ”คนรวย” ต่าง”เจ็บตัว” กันเป็น”ทิวแถว” และ”เจ็บใจ” เหมือน”ถูกหลอก” ไม่แตกต่างกับ”พืชกระท่อม” ที่มีการ”ส่งเสริม” ให้ ปลูกกัน หลังการ”ปลอดล็อก” ออกจาก”บัญชียาเสพติด” มี”นายทุน” โฆษณาขาย”ต้นกล้า” และ”ทำสัญญา”ลูกไร่” ให้กับ สมาชิกที่ซื้อ”ต้นกล้าไปปลูก” ในการรับซื้อคืนโดยให้”กำไรงาม” วันนี้”ลูกไร่” ทั้งหมดถูก”ลอยแพ” หลายแห่งมีการ”แจ้งความฟ้องร้องกัน” สรุปว่า นโยบาย”กัญชาเสรี” และ”พืชกระท่อม” เพื่อการเป็น”เศรษฐีทุกครัวเรือน” เป็นเรื่อง”ไม่จริง” และเหมือนกับเป็นการ”หลอกลวง” จาก”พรรคการเมือง” เจ้าของนโยบาย และ ทั้งหมดคือเรื่องการไม่”รอบคอบ” ของฝ่ายการเมือง ของ”รัฐบาล” ที่ไม่มีการศึกษาถึง”ผลดี ผลเสีย”แต่คิดเพียง”ผลได้” ทางการเมือง ที่สุดท้าย”เสียหาย” ทั้ง”พรรคการเมือง”ที่เป็นเจ้าของนโยบาย เสียหายถึง”รัฐบาล” ที่”เห็นดีเห็นงาม” กับ นโยบายของ”พรรคการเมือง” และ”รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง” และที่”ชี้ช้ำกระหล่ำปลี” ที่สุดโดยไม่มีใคร”เยียวยา” ในความ”เสียหาย” ที่เกิดขึ้นคือ”ประชาชน”  และ”บทเรียน”เหล่านี้คือสิ่งที่”พรรคการเมือง” และ”รัฐบาล” พึงสังวรณ์ อย่าให้”กงล้อประวัติศาสตร์แห่งความเลวร้ายซ้ำรอยเดิม”……

@เงียบๆ นิ่งๆ แต่”เอาจริง” กับทุกปัญหาที่”หมักหมม” ของ จังหวัดสงขลา “ สมนึก พรหมเขียว” เรียกประชุม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “สั่งการ” ให้ ดำเนินการกับ “โพงพาง” ที่สร้าง”รุกล้ำร่องน้ำการเดินเรือ” ความยาว 5 กิโลเมตร ใน”ทะเลสาบสงขลา” ให้”เสร็จสิ้น” ภายใน 15 วัน เริ่มตั้งแต่ให้”ประมง” และ”เจ้าท่า” ซึ่งเป็น”เจ้าของเรื่อง” ประกาศให้ เจ้าของ”โพงพาง “ทำการ”รื้อถอน” หากยัง”ดื้อแพ่ง” ก็ให้”เจ้าของเรื่อง” แจ้งความดำเนินคดี เพื่อให้”กฎหมาย” ในการให้ความ”เป็นธรรม” กับทุกฝ่าย แบบนี้”บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น” คนทำผิดก็ต้องว่าไปตามความผิด”…..และอีกเรื่อง คือการ”จัดการ”กับเรือประมงคราดปลิง” ที่เป็นของ”ชาวประมงเวียดนาม” ที่ถูก” ทหารเรือจับกุม” ในฐานความผิดในการ”ลักลอบเข้ามาทำประมงในเขตทะเลไทย” หลังคดีเสร็จสิ้น”เรือประมงของกลาง” ถูก”จอดทิ้ง” อยู่ใน”ทะเลสาบ” ไม่ต่ำกว่า 200 ลำ กลายเป็น”ทัศอุจาด” ของ”ทะเลสาบสงขลา วันนี้” “ผู้ว่าราชการจังหวัด” สั่งการให้มีการ”ประมูล” เรือของกลาง เพื่อเป็นการคืนความ”สวยงาม” ให้กับ “ทะเลสาบสงขลา” แล้ว ส่วนเรื่องการเอาชนะ”ยาเสพติด” ที่เป็น”บ่อเกิด”ของปัญหา”อาชญากรรม” และความไม่”ปลอดภัย”ของสังคม ที่เริ่มจากการ”จัดระเบียบน้ำกระท่อม กัญชา และ ยาบ้า  แน่นอน จะให้”สะอาดหมดจด” เป็นเรื่องยาก แต่การทำให้”ลดปริมาณ” และ สามารถควบคุม ให้อยู่ในกรอบของ”กฎหมาย” คือการแก้ปัญหาที่ ถูกต้อง และ ได้ผล อย่างน้อยก็สร้างความ”ปลอดภัย” ให้กับสังคม…..

@ปิดฉากไปแล้วแบบ”ไม่มีอะไรในกอไผ่” สำหรับการ”พูดคุยสันติสุข” ระหว่าง”คณะพูดคุยสันติสุข”ของ”รัฐบาลไทย” ที่มี “ฉัตรชัย บางชวด” รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ” ( สมช.) กับ” หิพนี มะเระ” ตัวแทนขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น โดยมี”พล.อ.ตันสรี ซุลกิฟลี ไซนัล อาบีดิน” อดีต ผบ.ทบ. ตัวแทนของรัฐบาลมาเลเซียเป็น”ผู้อำนวยความสะดวก” ในการพูดคุยครั้งนี้ที่”กรุงกัวลาลัมเปอร์” ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นไป”ตามกรอบการพูดคุย” เพื่อ”เห็นชอบ” ในรายละเอียดของการ”พูดคุย”ด้วยกัน ที่มีสาระสำคัญ 3 ข้อ คือ”ยุติความรุนแรง,การปรึกษาหารือสาธารณะ และ การแสวงหาทางออกทางการเมือง” มองอย่างเผินๆ ไม่มีอะไร แต่ในความ”เป็นจริง” มีการ”ซ่อนเงื่อน ซ่อนปม” ของการ”แตกประเด็น” ในการ “นำเสนอ” ที่มากมาย ซึ่งเป็นหน้าที่ของ” พล.ท.ปราโมทย์ พรหมอินทร์” แม่ทัพน้อยที่ 4 ประธานคณะกรรมการฝ่ายเทคนิค ที่จะ”สานต่อ” กับ”ประธานฝ่ายเทคนิคของบีอาร์เอ็น” และคณะนี้แหละที่เป็นคณะสำคัญหรือเป็น”หัวใจ” ของการ”พูดคุย” แต่ เชื่อมั่นนะว่า”ปราโมทย์ พรหมอินทร์” ประธานคณะ” ไม่เป็นสองรองใคร ในเรื่องความ”เข้าใจ” และมีความ”ช่ำชอง” ที่เรียกว่า”เขี้ยว” รับรองไม่”เสียท่า” หรือ”เสียเปรียบ” บีอาร์เอ็น แน่นอน…..

@เพราะแค่”ยกแรก” ของการ”พูดคุยสันติสุข” ในการ”แถลงการณ์” ระหว่าง”คณะพูดคุยฝ่ายไทย” ที่มี “ฉัตรชัย บางชวด” เป็นหัวหน้าคณะ” กับ””หิพนี มะเระ” ที่เป็น”หัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายบีอาร์เอ็น” ที่มี”แถลงการณ์”ออก”สื่อ” สู่”สาธารณะ” ที่ไม่เหมือนกัน” ฝ่ายเรา”สื่อ”ถึงความสำเร็จในความร่วมมือในการ”รับรอง” ใน”แผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติภาพในแบบองค์รวม” (JCPP.) แต่”บีอาร์เอ็น” แถลงการณ์” กล่าวหา”ฝ่ายไทย” ไม่ได้นำปัญหาที่เป็น”รากเหง้า” ของความ”ขัดแย้ง” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้มา”หารือ”ในการ”เจรจา” คำว่า”รากเหง้า” ที่”บีอาร์เอ็น” กล่าวถึงคือ ข้อเรียกร้อง ของ”หะยีสุหลง โต๊ะมีนา” เมื่อ 70 ปีก่อน ใช่หรือไม่ นี่แหละที่”ผู้เขียน” ให้”นิยาม” การพูดคุยสันติสุข” ระหว่าง”รัฐบาลไทย-บีอาร์เอ็น” ที่มี”มาเลเซีย” เป็นผู้”อำนวยความสะดวก”ว่าเป็นเรื่อง” นอนเตียงเดียวกันฝันคนละเรื่อง” รวมทั้งแสดงให้เห็นว่า”บีอาร์เอ็น” ต่างหากที่”ไม่จริงใจ” กับเวทีการ”พูดคุย” และ”เขี้ยว” กับเราในทุกเรื่อง….

@ส่วนในเรื่อง”ความปลอดภัย” ในพื้นที่ ในห้วงของ”เดือนรอมฎอน” ที่จะมาถึงในเดือนมีนาคม ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมาถูกเรียกขานว่าเป็น”รอมฎอนเลือด” เพราะ “แนวร่วม” ถูก”บ่มเพราะ” จาก”อุสต๊าซ” ให้ “หลงเชื่อ” ว่าการ”เข่นฆ่าศัตรู” ในห้วงของเดือน”รอมฎอน” จะได้รับ “ผลบุญ”ถึง 10 เท่า นั้น ในเดือน”รอมฎอน”ปีนี้” พล.ท.ศานติ ศกุลตนาค” แม่ทัพภาคที่ 4/ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 จะใช้”สันติวิธี” ด้วยการลดการ “ปฏิบัติการทางทหาร” เช่น “ตรวจค้นเป้าหมาย” เท่าที่จำเป็น ลด”ด่านตรวจ” หน้า”ฐานปฏิบัติการ” และ ให้”ด่านตรวจความมั่นคง” ทำหน้าที่เป็น”ด่านตรวจอำนวยความสะดวกสะดวกกับประชาชน” เพื่อให้ผู้ที่นับถือ”ศาสนาอิสลาม” ปฏิบัติศาสนกิจอย่าง”ปลอดโปร่ง,ปลอดภัย” ตามความประสงค์ จะเห็นว่า ณ ปัจจุบัน ฝ่ายความมั่นคงได้”ผ่อนปรน” การ”ปฏิบัติการ” ในพื้นที่มากที่สุดแล้ว  “เอ็นจีโอ กลุ่มสิทธิมนุษย์ชน” และ”ภาคประชาสังคม” ที่เป็น”ปีกทางการเมืองของบีอาร์เอ็น” ควรจะพอใจ และไม่ควรที่จะ”บิดเบือน”ข้อเท็จจริง เพื่อประโยชน์ของตนเอง และสร้างความ”สับสน” ให้กับคนในพื้นที่ …..ส่วนจะมีการ”ตกลง” หรือมี”เงื่อนไข” ให้เดือนรอมฎอนเป็น”รอมฎอนสันติสุข” ได้หรือไม่นั้น  เป็นหน้าที่ของ”ฝ่ายเทคนิค” สองทั้ง 2 ฝ่าย ที่จะมีการ”พูดคุยกัน” ในวันที่ 1 มีนาคม ที่จะถึงนี้ ถ้า”บีอาร์เอ็น” สามารถ”สั่งการ” ให้”กองกำลังติดอาวุธ”ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หยุดได้  คนใน”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ก็จะพบกับ”สันติสุข” ใน 1 เดือน แต่ “รัฐไทย” อาจจะต้องแลกด้วยการยอม”ยกเว้นการใช้กฎหมาย” ด้วยการ”ยินยอม” ให้” สมาชิกของขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น” เดินทาง”เข้า-ออก” มาอยู่กับครอบครัวใน”เดือนรอมฎอน” โดยไม่ถูกจับกุม และยังต้องรับความความปลอดภัยว่าจะไม่มีใคร”ทำร้าย”ให้ด้วย และนี้คือ”ต้นทุน” ที่รัฐบาลไทย”ต้องจ่าย” เพื่อแลกกับ”สันติสุขในเดือนรอมฎอน” เชื่อเถอะ ไม่มีอะไรที่ได้ฟรี โดยเฉพาะกับการ”ต่อรอง”กับ”บีอาร์เอ็น”……

@ที่สำคัญปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้วันนี้ไม่ใช่เรื่อง”ความไม่เป็นธรรม” เพราะความไม่เป็นธรรม ที่”แกนนำบีอาร์เอ็น”ในประเทศมาเลเซีย และ”ภาคประชาสังคม” ที่เป็น”ปีกทางการเมือง”ของบีอาร์เอ็น ใน “ปัตตานี” นำมากล่าวอ้างเป็นเรื่อง”วาทกรรม” และเป็นเพียง”ความรู้สึก” วันนี้คนที่เป็น”มาลายู” ในพื้นที่ “จังหวัดชายแดนภาคใต้” มีความ”เท่าเทียม” และอาจจะ”มากกว่า” คน”ไทยพุทธ” ด้วยซ้ำ…..วันนี้ เรื่องของ”การก่อการร้าย” แม้ยังมีความสำคัญที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้องรับผิดชอบในการ”ยุติความรุนแรง” แต่เรื่องของ”ความจน” ของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เป็นเรื่อง สำคัญที่ไม่”ยิ่งหย่อน”ไปกว่ากัน เรื่อง”ความจน” ของคนในพื้นที่ เป็นหน้าที่โดยตงของ”ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” ( ศอ.บต. ) ที่อยากให้ “พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์” เลขาธิการ ศอ.บต. ให้ความ สนใจให้มากกว่าเรื่อง”อำนวยความยุติธรรม” เพระความ”ยากจน” คือ”บ่อเกิดของความไม่มั่นคงในชีวิต” คนในครอบครัวต้อง”กระสานซ่านเซ็น” เดินทางไป”รับจ้าง”นอกพื้นที่   ยิ่งวันที่”มาเลเซีย” ค่าแรงตกต่ำตามค่าเงินริงกิต  แรงงานไทยเดินทางเข้าไปทำงานน้อยลง จะเห็นคนใน 3 จังหวัด เดินทางไป”รับจ้าง” ทำงาน ใน ทุกจังหวัดของประเทศ โดยเฉพาะ “กทม. ที่เดินไปทางไหนพบว่า”รปภ.” ส่วนใหญ่เป็นคนจาก”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ถ้า ในพื้นที่มีงานทำ มีโรงงานอุตสาหกรรมคนเหล่านี้คงไม่”ทิ้งถิ่นฐานบ้านช่อง” แต่เพราะในพื้นที่ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม ไม่มีการลงทุน เพราะการก่อการร้าย ครอบครัวจึง”กระจัดกระจายกระสานซ่านเซ็น” ไปหางานทำต่างถิ่น ต่างบ้าน ต่างเมือง …..

@การ ส่งเสริมอาชีพ การ”ต่อยอดอาชีพ” ของคนในพื้นที่ ในเรื่อง”เกษตรกรรม” ที่ ศอ.บต. ทำมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง”ส่งเสริมประมงชายฝั่ง” เช่นการ เลี้ยงปลา เลี้ยงปู การ ส่งเสริมให้”ปลูกไผ่” เพื่อใช้ในการ”อุตสาหกรรมไฟฟ้าชีวะมวล” และใน อุตสาหกรรมอื่นๆ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ต้องมีการ”ผลักดัน ,ส่งเสริม” อย่างต่อเนื่อง และ ทั่วถึง เช่นเดียวกับเรื่องของการ ส่งเสริม”ปศุสัตว์” อย่างโครงการ”โคบาลชายแดนใต้” เป็นโครงการที่ดี เหมาะกับการส่งเสริมให้เป็น”อาชีพ” ที่”ถาวร” ของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะมี”ตลาดรองรับ”ที่ใหญ่และยาวนาน แต่น่าเสียดาย ที่โครงการ”โคบาลชายแดนใต้” มีการ”ขับเคลื่อน” ที่”บกพร่อง” มากมาย จนกลายเป็น”จุดอ่อน” ให้ถูก”โจมตี” ว่ามีการ”ทุจริตคอร์รัปชั่น” เกิดขึ้น  วันนี้ ถ้าจะ”ผลักดัน” โครงการ”โคบาลชายแดนใต้” ให้เดินหน้าต่อ “ศอ.บต.” และ”กรมปศุสัตว์” รวมทั้ง”มหาดไทย” ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ต้อง”ประสานมือ” เพื่อเดินไปด้วยกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างไป และเมื่อเกิดปัญหา”ต่างฝ่ายต่างโบ้ย” ในการรับผิดชอบ  ถ้าอย่างนี้ เกษตรกร ก็จะเป็นผู้”รับเคราะห์กรรม” จากปัญหาที่เกิดจาก”ราชการ” เรื่องนี้ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รองนายกรัฐมนตรี ผู้มีหน้าที่”กำกับดูแล ศอ.บต.” และ”รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เสนาบดีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องเร่ง”ผ่าทางตัน” เพื่อให้”โครงการโคบาลชายแดนใต้” ไปต่ออย่างไม่มีปัญหา…..

@อุบัติเหตุ รถตู้”ขนบุหรี่หนีภาษี” จาก จ.สตูล ขณะขับผ่าน อ.กงหรา จ.พัทลุง ด้วยการ ชนกับรถกระบะของชาวบ้าน เมื่อ ตำรวจ ตรวจภายในรถตู้พบ”บุหรี่หนีภาษี” จำนวน 200 กว่า ลัง ราคาถ้ารวม”ค่าปรับ” อยู่ที่ 5 ล้านบาท  ข่าว”วงใน” แจ้งว่าเป็นของ เจ้าแม่ “บุหรี่หนีภาษีสตูล นำเข้าจาก “เกาะลังกาวี”  ส่วนจะมีการ”นำขึ้นฝั่งสตูล” อย่างไร และผ่านด่าน”ศุลกากร “ ผ่าน”จุดตรวจ” ของ”ตำรวจ” ที่มีอยู่ทุกอำเภออย่างไร ต้องไปถาม เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ทั้ง “ตำรวจ”ศุลกากร” และ”สรรพสามิต” เอาเอง…..เพราะ “ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง” ในประเทศยัง”แพงมาก” จึงไม่ต้อง”แปลกใจ” ที่  จังหวัดสงขลา ในหลายพื้นที่ รวมทั้ง”หาดใหญ่” ยังมีการการ”จำหน่าย”น้ำมันเถื่อนอย่าง”โจ๋งครึ่ม”  โดยเฉพาะในพื้นที่”บางแฟบ” ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีการ”เปิดขายแข่ง”กับปั้มน้ำมัน”ที่ถูกต้องตาม”กฎหมาย” เอ้า ใคร รับผิดชอบพื้นที่ตรงนั้น ไป”ตรวจสอบ” และดำเนินการให้เป็นไปตาม”กฎหมาย” ด้วย คนที่เขา”ค้าขาย”และ”จ่ายภาษีให้รัฐ” ทุกเดือนเขาเดือดร้อน……และในเขต เทศบาลเมืองเบตง จ.ยะลา ก็ไม่ต่างกัน เพราะ”ทุกมุมเมือง” มีการ”วางขาย” น้ำมันเถื่อน” เต็มไปหมด โดย “เจ้าหน้าที่” ที่เป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบ ไม่ได้ให้ความสนใจ เช่นเดียวกับ”นายทวาร” ด่านศุลกากร ก็ไม่มีการ”เข้มงวดกวดขัน” กับการ”ขนน้ำมันเถื่อน”จากประเทศมาเลเซียเข้ามาใน”ราชอาณาจักรไทย” ใช่ ทางหนึ่งเป็นการทำให้คนในพื้นที่ ใช้น้ำมันราคาถูก แต่ทางหนึ่งคือทำให้ประเทศชาติ”สูญเสีย” ในเรื่องของ”ภาษี” ที่ต้องใช้ในการ”ทะนุบำรุงประเทศชาติ และที่สำคัญเป็น”เงินเดือนข้าราชการ” ด้วยนะ……

@ส่วน” กลุ่มทุน” ผู้ค้าน้ำมันเถื่อน กลางทะเล ใน จ.สงขลา ที่หยุดไป”พักใหญ่” เพราะยัง”เคลียร์ส่วย” ไม่สำเร็จ แต่ วันนี้ “เรือน้ำมันเถื่อน” กลับมาอีกแล้ว หลายวันก่อน”เจ้าหน้าที่ทหารเรือ” จาก “ทัพเรือภาค 2 .สงขลา จับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนได้ 1 ลำพร้อม”ลูกเรือ” ข่าวว่า”นายทุน” อยู่ที่ อ.สิงหนคร จ.สงขลา แต่คงสาวไปไม่ถึง เพราะมีการ”คัทเอ้าท์” ไว้แล้ว “นายท้าย” และ”ลูกเรือ” คือผู้”เป็นแพะ”……ส่วนที่ จ.ระนอง คดีของ”โกฟุก” ที่ “ดีเอสไอ”จับกุม และตั้งข้อหาโกงภาษีการส่งออกน้ำมัน”ด้วยการขอ”คืนภาษีจากรัฐ” ยังไม่จบง่าย วันนี้ “ดีเอสไอ” เชิญ “วัชรินทร์ ภานุรัตน์ “ รองอธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวนคดีพิเศษเข้าร่วมเป็นคณะทำงานด้วย เรื่องนี้นอกจาก”โกฟุก” ก็ต้องติดตามดูว่าจะมี ข้าราชการ”ตัวเป้ง” ติด”ร่างแห” หรือไม่ และที่สำคัญเรื่อง”ส่งออกน้ำมันไปประเทศที่ 3” แล้วขอคืนภาษีแบบ”ทุจริต” ไม่ได้มีแค่”เครือข่ายโกฟุก” เจ้าเดียว ยังมีอีกหลาย”เครือข่าย” ที่”ดีเอสไอ” ต้องดำเนินการอย่า”เลือกที่รักมักที่ชัง” นอกนั้นยังมี”กลโกง” จาก”บริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ ที่”ส่งออกน้ำมันไปต่างประเทศ” แต่เมื่อถึง”น่านน้ำสากล” ก็ นำเรือกลับวกมาขายน้ำมันในประเทศไทยเป็นการ”เลี่ยงภาษี” และ”สร้างกำไร” อีกชนิดหนึ่งของ”กลุ่มทุนพลังาน” ที่”ดีเอสไอ” น่าจะมีการ”กระชากหน้ากาก” ให้สังคมไทยได้รับรู้…..

@คนทั้งประเทศ ที่”เดือดร้อน” จาก”ราคาน้ำมัน” ในประเทศ ที่”ลงราคา” 1 ครั้ง แต่มีการ”ปรับขึ้น 3 ครั้ง จากผู้ค้าน้ำมัน”ทุกแบรนด์” ของประเทศไทย ยังรอ”ความหวัง” จาก รองนายกรัฐมนตรี และ “เสนาบดี กระทรวงพลังงาน”  พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค เพื่อให้มีการ”แก้ไขโครงสร้าง” ของ”พลังงาน” ที่”กลุ่มทุนพลังงาน” ยังเป็นผู้”เกาะกุมกลไก”ของ”ราคาน้ำมัน” โดยที่”กระทรวงพลังงาน” ยังไม่มีท่าทีว่าจะมีการ”รื้อโครงสร้าง” เพื่อสร้างความ”ยุติธรรม” ให้กับ”ประชาชน” ผู้เดือดร้อน คำถามคือเมื่อไหร่”เสนาบดีกระทรวงพลังงาน” จะเลิก”เงื้อง่าราคาแพง” โดยที่ไม่กล้า”ลงดาบ”กับ”กลุ่มพลังงาน” ที่เป็นผู้”กำหนดกลไก”ของ”ราคาน้ำมัน” ทั้งที่รู้ว่า”ไม่เป็นธรรม”…..

@ดีใจกันได้เดือนเดียว เกษตรกรชาวสวนยาง เริ่มจะ”ยิ้มไม่ออก” เพราะวันนี้ ราคายาง กำลัง หลุดจากกิโลกรัมละ 70 บาท ทั้งที่กำลังเข้าสู่”ฤดูยางผลัดใบ” จำนวนผลผลิตยาง เริ่มออกสู่ตลาดน้อยลง และ เสนาบดีกระทรวงเกษตรฯ” ก็ให้ข่าวว่า”ยางเถื่อน” จากประเทศ”เพื่อนบ้าน” อย่าง”เมียนมา” ถูก “จับกุม” อย่าง”ราบคาบ” แล้ว ทำไม ราคายางจึงเริ่ม”ตกต่ำ” ทั้งหมด ก็คงไม่ผิดจาก”ราคาน้ำมัน” เพราะ ราคา”ยางพารา” จะ ขึ้น จะลง เป็นเรื่องของ”พ่อค้าคนกลาง” เป็นผู้ “กำหนดราคา” ไม่ใช่เป็นเพราะ””ฝีมือ” ของ”เสนาบดี” และ”ข้าราชการประจำ”เรื่องนี้ “เพิก เลิศวังพง” ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ( บอร์ด กยท. ) ต้อง กล้าที่จะ”พูดความจริง” โดยไม่มีเรื่อง”ตำแหน่ง” เกี่ยวข้อง ในฐานะ “เพิก” เป็น”กูรู” เรื่องของ”ยางพารา” ที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ของประเทศไทย….

@”รองเบิร์ด” ชื่อนี้ดังมากใน “ยุทธจักร” ของ วงการสีกากี จ.สงขลา เพราะไม่รู้ว่าเป็น “ตำรวจจริง” หรือ”ตำรวจปลอม”  แต่อ้างว่าเป็น”หัวเบี้ย”ของ”นาย” ออก “อาละวาด” เก็บ”ส่วย” ทั้งจากผู้ขาย”น้ำกระท่อม,กัญชา, ธุรกิจสีเทา” แม้แต่”ร้านค้าของเก่า” ก็ต้อง จ่ายเดือนละ เป็นหมื่น โดยเฉพาะในเขต อำเภอเมืองสงขลา ฝากให้”พ.ต.อ.บรรเทิง เหล่าสุวรรณ” ผกก.สภ.เมืองดูด้วย

@ตรุษจีน ปีนี้ “หาดใหญ่-สงขลา” และ “ด่านนอก” เมืองชายแดน ไทย-มาเลเซีย  มีการจัดงานรับ”เทศกาลตรุษจีน” อย่าง”คึกคัก” มีนักท่องเที่ยว เข้ามา ท่องเที่ยว “จับจ่ายใช้สอย” ทำให้มี”เงินสะพัด” จำนวนมาก โดยเฉพาะที่”หาดใหญ่” การที่มีหลาย”องค์กร” จัดงานตรุษจีน” ในหลาย”มุมเมือง” ก็ดีเหมือนกัน  เพราะเป็น”ทางเลือก”ของ”นักท่องเที่ยว” และเป็นการ”แบ่งกำไร” ไปให้กับผู้”จัดงาน” แต่ละ องค์กร ไม่”กระจุกตัว” อยู่กับ”ออแกไนเซอร์” และ”กลุ่มทุน” กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง  งานตรุษจีน ปีนี้ “พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี” นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ “ วันชัย ปริญญาศิริ” นายกเทศมนตรีเทศบาลนครสงขลา “ยิ้มกว้าง”  ที่เห็น”นักท่องเที่ยว” ยัง เดินทางมาเที่ยว”หาดใหญ่-สงขลา” อย่าง”อุ่นหนาฝาคั่ง” …..เช่นเดียวกับ”ตรุษจีน” ที่ อ.เบตง จ.ยะลา เมื่อชายแดน อีกด้านหนึ่งที่อยู่”ใต้สุดชายแดน” ที่เป็นเมืองไม่เคย”ร้างเสน่ห์” เพราะมี นักท่องเที่ยว จาก มาเลเซีย และ คนไทย เดินทางไป ท่องเที่ยว ที่ เบตง เป็นจำนวนมาก จน โรงแรมไม่พอให้พัก ต้อง”แย่งกันกินแย่งกันนอน” ทำเอา”สกุล เล็งลัคน์กุล” ( โกตุ้น) นายกเทศมนตรีเมืองเบตง ยิ้มแก้มปริ และที่สำคัญ”สกายวอล์ค” ที่”อัยเยอร์เวง” ยังเป็น”จุดเช็คอิน” ของ นักท่องเที่ยว ทั้งไทย-เทศ…… แล้วพบกันใหม่ในวันศุกร์หน้าสวัสดีครับ

————————————————————-

ไชยยงค์ มณีพิลึก

ดินพระราชทาน.    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชดินฝังศพแก่ จสต.บินหลี เศรษฐสุข ที่เสียชีวิตจากเหตุไม่สงบในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยมี นิศากร วิศิษฎ์สรอรรถ ผวจ.พัทลุง เป็นประธานพิธี ณ กูโบร์บ้านเหมืองตะกั่ว ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง

ตรวจสารพันธุกรรม.   พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ให้การต้อนรับ พ.ต.อ.ทวี สองส่อง รมว.ยุติธรรม ซึ่งเดินทางมาเป็นประธานเปิดกิจกรรมการตรวจสารพันธุกรรม แก่บุคคลไม่มีสถานะ ใน จชต. ณ ห้องประชุม ศอ.บต. อ.เมือง จ.ยะลา

ร่วมงานตรุษจีน.   พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาค  4 / ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 เป็นประธานเปิดงาน เทศกาลตรุษจีน มูลนิธิแม่กอเหนียวยะลา โดยมี จิรวิทย์ แซ่เจ็ง ประธานผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนฯ จ.ยะลา ร่วมให้การต้อนรับ ที่ศาลเจ้าแม่กอเหนี่ยว อ.เมือง จ.ยะลา

พัฒนาการท่องเที่ยว.    ชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานป่าไม้ ที่ 13 ลงพื้นทีสำรวจศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ” ต้าสวุ่ยต้อ “อุโมงค์หลบภัยของอดีต จคม.ที่ ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา เพื่อพัฒนาให้เป็นสถาน ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ อ.เบตง จ.ยะลา

วันรวมพลัง.   พ.ต.อ.ทวี สองส่อง รมว.ยุติธรรม ทักทายกับประชาชน ในเวที วันรวมพลังต้านยาเสพติด ที่จัดโดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ณ ห้องประชุมน้อมเกล้า ศอ.บต. อ.เมือง จ.ยะลา

ควันหลงปีใหม่.    คณะเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ม.อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา นำคณะมา สวัสดีปีใหม่ 2567 ไชยยงค์  มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย ณ สำนักงานสมาคมฯ ถนนไทยอาคาร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ตรุษจีน โก-ลก.   ว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม ผวจ. นราธิวาส เปิดประธานเปิดงาน ตรุษจีน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยมีสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ณ ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส

เตรียมพร้อมซ้อมรบ.   พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ กองพลทหารราบที่ 5 เป็นประธานตรวจสภาพการพร้อมรบ-การฝึกเดินทางไกล ของกองร้อย กรมทหารราบที่ 15  โดยมี พ.อ.จิรวัฒน์ จุฬาการ ผบ,กรมทหารราบที่  153 ให้การต้อนรับ ณ กรมทหารราบ 151 ค่ายกัลยานิวัฒนา ต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส

ตรุษจีนหาดใหญ่.   สมนึก พรหมเขียว  ผวจ.สงขลา เป็นประธานเปิดงาน เทศกาลตรุษจีน 2567 ณ ร.ร.ศรีนครมูลนิธิ อ.หาดใหญ่  จ.สงขลา โดยมี นางอู๋ ตง เหมย กงสุลใหญ่สาธารณประชาชนจีนประจำจังหวัดสงขลา และ พิชัย วัฒนะพยุงกุล นายกสมาคมไทย-จีน  จ.สงขลา ร่วมด้วย

กิจกรรมดนตรี.    พล.ต.สุรเทพ หนูแก้ว ผบ.มทบ.44. พร้อมด้วยคุณโสธนา หนูแก้ว ประธานสมาคมแม่บ้าน ทบ.สาขา มทบ.44 จัดกิจกรรมแสดงดนตรีในพื้นที่ ตามนโยบาย ผบ.ทบ. ณ บริเวณถนนนวมินทร์รวมใจ ต.ท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร

ติดตามปัญหา.   สรรเพชญ บุญญามณี สส.เขต 1 สงขลา  พรรคประชาธิปัตย์  ลงพื้นที่ ติดตามปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง  ณ พื้นที่  อำเภอเมือง  และ อ.  จะนะ จ.สงขลา เพื่อหาทางแก้ปัญหา ที่เกิดขึ้นต่อไป

แก้ปัญหาปาล์ม.  ทรงกลด สว่างวงศ์ ผวจ.ตรัง ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาการลักขโมยผลปาล์มน้ำมันในสถานประกอบการรับซื้อปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง โดยให้แนวทางแก้ไขปัญหาการลักขโมยผลปาล์มน้ำมัน ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายปกครองตรวจตราและสอดส่องดูแล  ออกหนังสือรับรองผู้ที่ประสงค์จำหน่ายผลผลิตปาล์ม และเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดทำข้อมูลสถานที่รับซื้อผลผลิตปาล์มในพื้นที่

สนับสนุน.   ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.เขต 4 สงขลา พรรคพลังประชารัฐได้มอบลวดสลิง  ให้กับชาวประมง เพื่อไว้ใช้ในการดึงเรือขึ้นฝั่งหลังกลับจากหาปูหาปลา ณ กลุ่มประมงชายฝั่งบ้าน ต.  บ่อตรุ  อ.ระโนด จ . สงขลา

ต้อนรับ.   อำพล พงศ์สุวรรณ ผวจ.ยะลา พร้อมด้วย โอฬาร บิลสัน ปลัดจังหวัดต้อนรับคณะกรรมการสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดยะลา นำโดย อาซิ อะแซ นายกสมาคมฯ ในโอกาสเข้าเยี่ยมสวัสดีปี ณ ห้องฉลองเมือง ศาลากลางจังหวัด

เสวนา.   มุขตาร์ มะทา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา  มอบหมาย เฉลิมพล เรืองเริงกุลฤทธิ์ รองนายกฯ ร่วมเป็นเกียรติและเป็นวิทยากรเสวนาเรื่อง การขับเคลื่อนมาตการควบคุมป้องกันโรคไอกรน ในพื้นที่ มี นพ.อรรสิทธ์  แดงมณี ผอ.ศูนย์อนามัยที่ 12 รอง ผอ.สสจ ผู้นำศาสนาและนายกสมาคมจันทร์เสี้ยว เข้าร่วม ณ ที่ว่าการ อ.ยะหา จ.ยะลา

ปรับปรุงด่าน.   อมร ชุมช่วย นายอำเภอเบตง จ.ยะลา พร้อมด้วย สกุล เล็งลัคน์กุล นายกเทศมนตรีเมืองเบตง วิเชียร เทพนุ้ย วิศวกรโยธาชำนาญการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมหารือในการปรับปรุงภูมิทัศน์ด่านพรมแดนเบตง ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเข้าและออกระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย ให้มีประสิทธิภาพเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดยะลา และพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการนำเข้า-ส่งออกสินค้า

อนาคตเยาวชน .   พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา และคณะทำงาน ร่วมกับ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization (ILO)) นำโดย Mr. Kelvin Sergeant , Ms. Makiko Matsumoto และ Mr. Felix Weidenkaff จัดโครงการเยาวชนคนสร้างอนาคต “การจ้างงานในจังหวัดยะลา”ภารกิจ ILO ลงพื้นที่ เพื่อสำรวจศักยภาพ การส่งสริมการจ้างงานและการจ้างงานที่มีประสิทธิผล การสร้างสรรค์เพื่อเยาวชนในจังหวัดยะลา และกิจกรรมลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ณ อุทยานการเรียนรู้ เทศบาลนครยะลา

ปักหมุดสุจริตธรรม.  เกียรติศักดิ์ พุฒพันธุ์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 9 พร้อมด้วย  บัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.ตรัง เข้ากราบนมัสการ สมเด็จพระมหาวชิรมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่  หนใต้ และบันทึกเทป ณ.วัดกระพังสุรินทร์ พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ตรัง

วันหมอดินอาสา.  เจริญกิจ มีศิริ  ในฐานะหมอดินประจำ ต.บ่อแดงได้ร่วมงานวันหมอดินอาสาซึ่งตรงกับวันที่ 10 ของทุกปีในปีนี้ทางพัฒนาที่ดินสงขลา ได้จัดขึ้นเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่อาสาดูแลช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรได้มาพบปะและรับรู้ถึงความก้าวหน้าของการพัฒนาซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำอาชีพเกษตรกร ณ สถานีพัฒนาที่ดิน อ. จะนะ จ.สงขลา

ลงนาม.   พงษ์ศักดิ์ โพธินาม ผอ.สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 25 นราธิวาส พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ร่วมเป็นเกียรติในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือก ระหว่าง การไฟฟ้านครหลวง กับโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ โดยมี นัจมุดดีน อุมา ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธาน ณ ห้องประชุมภักดีบดินทร์ ชั้น 3 อาคารเฉลิมราชย์ โรงพยาบาลนราธิวาส ราชนครินทร์