รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเสียภาษีเงินได้และการขยายระยะเวลาชำระภาษี สำหรับผู้ที่ต้องออกจากราชการ หรือออกจากงานโดยไม่มีความผิด ลงวันที่ 16 มิถุนายน พ.. 2525 กำหนดแนวทางปฏิบัติกรณีปรากฎว่ามีข้าราชการ พนักงานของทางราชการ และพนักงานขององค์การของรัฐบาลหลายราย ได้ถูกสั่งลงโทษให้พักราชการหรือออกจากราชการไปแล้ว แต่ภายหลังปรากฎว่าไม่มีความผิดได้กลับเข้ารับราชการ หรือกรณีอื่นที่ทางราชการไม่ได้จ่ายเงินเดือนหรือบำนาญให้เมื่อถูกสั่งพักราชการ หรือให้ออก แต่มาได้รับเงินเดือนหรือบำนาญตกเบิกย้อนหลังหลายปีในปีเดียว ทำให้เงินที่ได้รับนั้นต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้ในปีเดียวกัน ซึ่งมิใช่เป็นความผิดของผู้มีเงินได้แต่ประการใด จึงก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่บุคคลเหล่านั้น ซึ่งนอกจากจะได้รับความเดือนร้อนในขณะที่ออกจากราชการโดยไม่มีความผิดและไม่มีรายได้แล้ว พอได้รับเงินตกเบิกย้อนหลังกลับต้องนำเงินได้นั้นมารวมคำนวณเสียภาษีในอัตราสูงอีกด้วย

ดังนั้น เพื่อบรรเทาภาระภาษีและเพื่อความเป็นธรรมของบุคคลผู้มีเงินได้ในกรณีเช่นนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ถือว่า เงินที่บุคคลดังกล่าวมีสิทธิจะได้รับสำหรับปีภาษีใดให้คงถือเป็นเงินได้ของปีภาษีนั้น และให้ขยายเวลายื่นรายการและชำระภาษีสำหรับเงินได้แต่ละปีนี้ออกไปเป็นภายในเดือนมีนาคมของปีถัดจากปีที่ได้รับเงิน

การดำเนินการตามประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าวให้ปฏิบัติดังนี้

1. จำแนกเงินเดือนของข้าราชการท่านนั้น ออกเป็นรายปีภาษี ในแต่ละ พ.ศ. ว่าเป็นเงินเดือนของแต่ละปีเป็นจำนวนเท่าใด

2. นำเงินได้พึงประเมินของแต่ละปีภาษีไปยื่นแบบ ภ.ง.ด.91 ของแต่ละปีภาษี ภายในเดือนมีนาคม ของปีถัดจากปีที่ได้รับเงินได้ โดยคำนวณหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนต่างๆ รวมทั้งเงินสะสมกองทุนบำเหน็จบำนาญที่ถูกหักไว้ในแต่ละปีภาษี คงเหลือเป็นเงินได้สุทธิของแต่ละปีเท่าใดให้คำนวณจำนวนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

3. สำหรับจำนวนภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย หากส่วนราชการผู้จ่ายคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากร โดยถือเป็นเงินได้พึงประเมินของปีภาษีเดียว คือ ปีที่ได้รับเงินได้ ให้ถือเป็นเครดิตภาษีของปีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายทั้งจำนวน สำหรับปีอื่น ให้ชำระเพิ่มเติม สำหรับปีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายให้ขอคืนส่วนต่างของจำนวนภาษีเงินได้ที่ต้องเสีย กับจำนวนภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย นั้น.-