ประเด็นของเรื่องนี้ ไม่ใช่ประเด็นที่เพิ่งเคยเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมานับไม่ถ้วน เพียงแค่…กรณีนี้เป็นกรณีการจับกุมนักเล่นพนันเป็นจำนวนมาก แถมวงเงินหมุนเวียนก็มีจำนวนไม่น้อย

ด้วยเหตุนี้…การขยายวงการกล่าวถึง การพูดถึง การวิพากษ์วิจารณ์ จึงหนักหน่วง หนาหู มากกว่าปกติ แต่เชื่อเถอะ… อีกไม่นานก็เงียบ เมื่อได้ แพะ” เป็นที่เรียบร้อย เรื่องก็เงียบ เหมือนทุกกรณีที่เคยเกิดขึ้น

จึงไม่ใช่เรื่องแปลก!!! ที่จะมีการหยิบยกนำเอาเรื่องของความไม่ถูกต้องเหล่านี้ มาทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งนำมาด้วยการสร้างงาน สร้างเงิน สร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ

ด้วยการนำเสนอกฎหมายเอ็นเทอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ หรือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ที่บรรดาส.ส.ท่านผู้ทรงเกียรติ เตรียมนำมาถกมาเถียงกันในวันที่ 28 มี.ค.นี้

ว่ากันว่า…นัยยะของกฎหมายนี้!! เป็นเพราะรัฐบาลต้องการแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายแบบเบ็ดเสร็จ ส่วนการผลักดันครั้งนี้จะเกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน ก็ต้องรอดูกระบวนการทางกฎหมายกันต่อไป

ทั้งนี้…ท่าทีของ “นายกฯเศรษฐา” เองก็ยอมรับว่า การเปิด “กาสิโน” ถูกกฎหมายในประเทศไทย คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะแล้วเสร็จ โดยเวลานี้ทุกอย่างต้องให้เป็นไปตามกลไกของรัฐสภา ต่อไป

ที่ผ่านมาความพยายามในการผลักดันให้เกิด “เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์” มีมานานในทุกยุคทุกสมัย ขึ้นอยู่กับความร้อนแรงของรัฐบาลในยุคนั้น ๆ

หากเป็นรัฐบาลตามระบบประชาธิปไตย ก็จะมีการพูดถึงกันเยอะหน่อย แต่ถ้าเป็นรัฐบาลที่นอกระบบ เรื่องนี้ก็จะถูกปิดตาย

เพราะ…ไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้หยิบยกสารพัดเหตุผลมานำเสนอ แต่กระแสการต่อต้านจากสังคม ก็มีไม่น้อย และเป็นกระแสต่อต้านที่รุนแรงอีกต่างหาก ทั้งที่หลายประเทศ หรือแม้แต่เพื่อนบ้านรอบ ๆ ไทย ก็มีกาสิโน เกิดขึ้นมากมาย

อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า การสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจนั้นมีแน่นอน แต่การทำลายสังคมก็มีไม่น้อย ต่อให้ออกกฎ ออกระเบียบ มาล้อมคอกแค่ไหน แต่สุดท้าย ปัญหาก็เกิดให้เห็น!!

ทั้งหลายทั้งปวง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การจัดตั้งกาสิโนถูกกฎหมาย แต่ปัญหาทั้งหมด… อยู่ที่การบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ที่ต้องยอมรับว่าในความเป็นจริงแล้ว “ไม่มี”

สำหรับผลการศึกษาการจัดตั้งเอ็นเทอร์เม้นท์ คอมเพล็กซ์ ของคณะกรรมการธิการวิสามัญชุดที่มี “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง เป็นประธาน มองว่า หากเป็นแบบครบวงจรขนาดใหญ่ อาจอยู่ในกทม. หรืออยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรืออีอีซี

ขณะเดียวกันต้องไม่ห่างจากสนามบินมากเกินไป โดยอาจไม่เกิน 100 กม. จากสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ครอบคลุม 17 จังหวัดภาคกลาง และภาคตะวันออก และพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวหลัก 22 จังหวัด และพื้นที่ตามแนวชายแดน 22 จังหวัด

โดยวงเงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 2.8 แสนล้านบาท มีการจ้างงานประมาณ 30,000 คน ไม่เพียงเท่านี้ระหว่างการก่อสร้าง 5-10 ปี ก็จะสร้างงานในพื้นที่ได้มากถึง 2-3 แสนคน ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ประมาณ 20 ล้านคนต่อป

ที่สำคัญ!!! การจัดตั้งกาสิโนถูกกฎหมายครั้งนี้ จะเก็บภาษีได้อย่างน้อยประมาณ 59,500-84,000ล้านบาท แต่ต้องเป็นภาษีกาสิโนโดยเฉพาะ เพื่อเก็บจากเอกชนที่เข้ามาลงทุน ที่คิดจากรายได้ขั้นต้นจาการเล่นพนัน ซึ่งในช่วงต้นเพื่อเป็นแรงจูงใจอาจคิดไม่แพง ก่อนปรับขึ้นเป็นขั้นบันได

อย่างไรก็มีมีผลการศึกษาของประเทศสิงคโปร์ พบว่า สามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้กว่า 3 แสนล้านบาท มีการจ้างงานมากกว่า 20,000 ตำแหน่ง

ที่น่าสนใจ กาสิโนถูกกฎหมายของสิงคโปร์ ช่วยเพิ่มรายได้จากภาคการท่องเที่ยวมากกว่า 47 % และยังช่วยเพิ่มจีดีพีได้อีก 2% หรือกว่า 2.4 แสนล้านบาททีเดียว

ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ให้ข้อมูลว่า ในปี 65 ทั่วโลกมีมูลค่าสถานบันเทิงครบวงจรประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 54 ล้านล้านบาท และคาดว่าในี 71 จะเติบโตมากถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 80 ล้านล้านบาท

อย่างที่บอก… เห็นความมั่งคั่งที่เกิดขึ้น ก็ตาลุกวาว!! กันเป็นแถวแน่… แต่ปัญหาคือจะควบคุมไม่ให้เกิดปัญหาเชิงสังคม ได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงสารพัดปัญหาที่นำไปสู่การ คอรัปชั่น” นั่นแหล่ะ คือปัญหาใหญ่

ดังนั้น…ฟันธงไปได้เลยว่า “กาสิโนถูกกฎหมาย” คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในปีนี้ปีหน้าแน่ ๆ แต่ยังคงเป็นหนังม้วนยาว ที่ต้องรอดูว่าจะถึงฝั่งฝันได้เมื่อไหร่?…

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”

อ่านบทความทั้งหมดคลิกที่นี่