หากนับตั้งแต่ฤดูกาลน้เปิดฉาก หากจะถามว่าเกมไหนของ ลิเวอร์พูล ที่ “นิ่ม” ที่สุด เกมเยือน วัตฟอร์ด เมื่อวันเสาร์อาจติดอันดับได้ไม่ยาก

ท้้งสกอร์ที่ออกมา 5-0 และรูปเกมที่ออกมาเหมือนซื้อตั๋วเที่ยวเดียว ครองเกมเบ็ดเสร็จแบบ “ซ้อมใหญ่” ประหนึ่งรับประทานขนมลืมกลืน…

ก่อนเกมเหล่า “เดอะ ค็อป” อาจมีความหวั่นใจในปริมาณเล็กน้อยถึงปานกลาง ค่าที่ทั้ง ฟาบินโญ และ อลิสซอน เบคเกอร์ กลับมาไม่ทัน เลยบินไปรอที่สเปน รอเตะกับ แอตเลติโก มาดริด ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก วันอังคารนี้มันเสียเลยรู้แล้วรู้รอด แล้วค่อยกลับมาแดนผู้ดีเมื่อพ้นกำหนดต้องกักตัวพอดี

ไหน “แตนอาละวาด” เจ้าถิ่น จะเพิ่งได้ เคลาดิโอ รานิเอรี มาคุมทีมเปนเกมแรก เข้าตำรา “บอลเปลี่ยนโค้ช” แถมเล่นในบ้านอีก เขาว่ากันว่าของมักจะแรง…

แต่ที่ไหนได้ “หงส์แดง” ที่ไม่ครบ 32 กลับคอนโทรลทุกอย่างไว้ในอุ้งเท้าไม่ต่างจากเล่นเกม ฟีฟ่า ตั้งแต่นกหวีดเริ่มเกม ประกอบกับนักเตะเจ้าถิ่นที่ดูเหมือนจะยังทำความเข้าใจแทคติกของ รานิเอรี ยังไม่ถ่องแท้ โดยเฉพาะเกมรับที่ยืนตำแหน่งกันมั่วซัวพิลึก

ประตูแรกในนาทีที่ 8 เป็นเหมือนการตัดริบบิ้นเมื่อ โม ซาลาห์ พลิกหนี แดนนี โรส ที่อยู่ในสภาพ “อวบระยะสุดท้าย” ก่อนจ่ายไซด์ก้อยตัดแนวรับให้ ซาดิโอ มาเน วิ่งเข้าสังหารลูกที่ 100 ของตัวเองกับ “หงส์แดง” แบบนิ่ม ๆ

หลังจากนั้นก็ “วันเวย์” ลิเวอร์พูล เดินเกมรุกเหมือนซ้อมใหญ่อย่างที่บอก ดูจากประตูที่ 2 ก็ได้ ซึ่ง เจมส์ มิลเนอร์ ตีโค้งอ้อมหลัง มาเน ไปแบบไม่มีใครคิดจะวิ่งตาม ก่อนได้บอลถึงสุดเส้น และมีเป้าหมายให้เลือกมากมาย ก่อนปาดให้ ฟีร์มิโน แท็ปอิน นิ่ม ๆ

จบครึ่งแรกด้วยเปอร์เซ็นต์ครองบอลในระดับ 80-20…!!!

เมื่อปล่อยตัวในครึ่งหลัง “แตนอาละวาด” ยังไม่มีทีท่าจะคืนชีพ และเมื่อโดน ฟิร์มิโน ยิงให้ทีมเยือนหนีเป็น 3-0 ในนาทีที่ 52 และโดน ซาลาห์ เต้นบัลเลต์ผ่านกองหลัง 3 คนเข้าไปส่องประตูที่ 4 ในอีก 2 นาทีถัดมา ก็เป็นอันอวสานไอ้เสือร้ายอย่างหมดสิทธิ์หักมุม ก่อนที่ ฟีร์มิโน จะมาได้แฮตทริกในช่วงทดเจ็บ ได้ลูกบอลกลับบ้านไปนอนกอด จบวันอย่างสมบูรณ์แบบ

การเจอเกมที่ไม่ยาก ไม่ต้องออกแรงจนเหนื่อยหนัก แถมยิงได้เป็นกอบเป็นกำแบบนี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ กับเกมนัดถัดไปที่ “หงส์แดง” จะต้องเจอศึกหนักในเกมเยือน แอตเลติโก มาดริด ในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม วันอังคารนี้

เพราะมันหมายความว่าพลพรรค “หงส์แดง” จะพกความมั่นใจไปเต็มกระเป๋า และอาจเอาไปเผื่อแผ่ถึง อลิสซอน และ ฟาบินโญ ในการเยือนถิ่น “ตราหมี” ในสนามที่พวกเขามีค่ำคืนแห่งประวัติศาสตร์ในถ้วยนี้เมื่อปี 2019

เป็นเกมที่ “เดอะ ค็อป” พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง…

สถิติน่าสนใจหลังเกมยำใหญ่ “แตนอาละวาด”

  • วัตฟอร์ด เสียอย่างน้อย 1 ประตูในเกมพรีเมียร์ลีก ติดต่อกันมา 18 นัด โดยครั้งล่าสุดที่พวกเขาไม่เสียประตู คือการเอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-0 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2020
  • ลิเวอร์พูล คือทีมในลีกสูงสุดของอังกฤษทีมแรก ที่ยิงได้ 3 ประตูขึ้นไปในเกมเยือนได้ 7 นัดติดต่อกันในทุกรายการ
  • ซาดิโอ มาเน เป็นนักเตะคนที่ 3 ที่ยิงถึงหลัก 100 ประตูในพรีเมียร์ลีก โดยที่ไม่มีประตูจากจุดโทษเลยแม้แต่ลูกเดียว โดย 2 คนก่อนหน้านี้คือ เลส เฟอร์ดินานด์ (149 ประตู) และ เอมิล เฮสกีย์ (110 ประตู)
  • นอกจากนี้ มาเน ยังเป็นนักเตะแอฟริกา คนที่ 3 ที่ยิงในพรีเมียร์ลีกถึง 100 ลูก ต่อจาก ดิดิเยร์ ดร็อกบา และ โม ซาลาห์
  • โม ซาลาห์ ยิงประตูให้ ลิเวอร์พูล ติดต่อกันเป็นเกมที่ 8 ในทุกรายการ เป็ฯสถิติสูงสุดของสโมสรเทียบเท่า แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่ทำไว้เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2014
  • โรแบร์โต ฟีร์มิโน ยิงแฮตทริกในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งที่ 2 หลังทำได้ในเกมกับ อาร์เซนอล เมื่อเดือนธันวาคม 2018 และกลายเป็นนักเตะบราซิลคนเดียวที่ยิงแฮตทริกในลีกสูงสุดแดนผู้ดีได้เกิน 1 ครั้ง
  • แฮตทริกของ ฟีร์มิโน เป็นแฮตทริกครั้งที่ 41 ของนักเตะลิเวอร์พูล ในลีกสูงสุดของอังกฤษ ทำให้พวกเขาเป็นสโฒสรที่มีนักเตะทำแฮตทริกในลีกมากสุด แซงสถิติเดิมของ อาร์เซนอล ที่ทำไว้ 40 ครั้งเรียบร้อย

เครดิตภาพ : AP