ปลายสัปดาห์ที่แล้ว บิ๊กปั๊ด–พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีหนังสือบันทึกข้อความ เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับ สว. ถึง รอง ผบก. วาระประจำปี 2564 เน้นย้ำต้องดำเนินการตามมาตรา 54 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ที่แก้ไขเพิ่มเติมประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีลง 25 ก.ค. 61

เรื่องหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ตามหลักอาวุโส กฎ ก.ตร. เพื่อให้การดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงกำชับให้ทุกหน่วยดำเนินการตาม “11 ข้อกำหนด” เสร็จแล้วจัดส่งบัญชีข้อมูลเสนอแต่งตั้งข้าราชการตำรวจกลับมา ภายในสิ้นเดือน ต.ค. 64

เรียกว่าทำให้บรรยากาศช่วงนี้ถึงแม้จะมีมรสุมฝนตกเกือบทุกวัน แต่วงการสีกากีอาจจะเริ่มเห็นฝุ่นตลบอบอวลของบรรดา “นักวิ่ง” กลับมาคึกคักอีกครั้ง!!

เหตุผลที่ เชิงผา หยิบยกเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ระดับ สารวัตร-รองผู้บังคับการ มานำเสนอ เห็นว่านอกจากโยกย้ายใหญ่ประจำปีแล้ว ยังมีตำแหน่ง “ผู้กำกับ” รวมอยู่ในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ด้วย เพราะ ผกก. หรือ หัวหน้าสถานี นับเป็นหัวใจสำคัญ!! เปรียบเป็นมือบริหาร ตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ส่งกระจายไปช่วยดูแลตามโรงพักไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ทั่วประเทศ มีงานรับผิดชอบไล่ตั้งแต่กำหนดทิศทางการทำงานของตำรวจในโรงพักแล้วยังต้องควบคุมกำลังพล งานปราบปราม, สืบสวน, สอบสวน, จราจร และปฏิบัติการพิเศษ ฯลฯ

นายตำรวจท่านใด จะขยับขึ้นตำแหน่ง ผกก. ส่วนใหญ่องค์ประกอบต้องโดดเด่น ครบเครื่องทั้งบู๊-บุ๋น มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ทำงานและอาวุโสเพราะในแต่ละพื้นที่มีปัญหารูปแบบแตกต่างกัน ไม่ใช่จะเหมือนกันทุกแห่ง

ผู้บังคับบัญชาที่มีส่วนร่วมพิจารณากลั่นกรองตำแหน่ง ผกก. จำเป็นต้องรอบคอบ ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ!!

เดือน ส.ค. 64 ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพิ่งจะมีบทเรียนล้ำค่า จากคดีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ โจ้ เฟอร์รารี อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ที่ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้วงการสีกากี คลิปถุงดำ ถูกตีแผ่ไปทั่วโลก

อดีตผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หนุ่ม วัย 39 ปี อนาคตไกลผ่านเบ้าหลอมชั้นดีมาจาก เตรียมทหาร (รุ่น 41) และนายร้อยสามพราน (รุ่น 57) แต่อาชีพต้องมาดับวูบกลายเป็นผู้ต้องหา คดีร่วมกันทรมานฆ่าผู้ต้องหาคดียาเสพติด มีถ้อยคำหนึ่ง ช่วงรับสารภาพที่เอ่ยปากออกมา คือคำว่า “ประสบการณ์น้อย”

เมื่อไปดูประวัติราชการที่ผ่านมา 17 ปี ไล่เรียงข้อมูลย้อนหลัง ปี 61 ขยับจาก สารวัตร ขึ้นเป็น รอง ผกก. กก.1 บก.ปส.4 จากนั้นปี 62 ย้ายข้ามห้วยจาก ปส. มาที่ สภ.เมืองพิษณุโลก รวมระยะเป็น รอง ผกก. 2 ปีเศษ ๆ ระดับ “อาวุโส” จึงอยู่รองบ๊วย ของ บช.ภ.6 แต่ก็มีแรงหนุนกระโดดข้ามหัวรุ่นพี่ ๆ รอง ผกก.กว่า 300 คน ขึ้นไปเป็น ผกก. โรงพักเกรดเอ ทำเลทองได้แบบชิลชิล ในช่วงปลายปี 63 แต่ได้ทำหน้าที่ ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ไม่กี่เดือนก็มาก่อคดีสะเทือนขวัญ

บทเรียนเพิ่งจะเกิดขึ้นไม่นาน สะท้อนหลากหลายเรื่องราว ด้านมืด ของ กลุ่มสีกากีนอกรีต ให้สังคมได้เห็น การแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่ครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญกับตำแหน่งผู้กำกับ ถ้ายังปล่อยผ่านเหมือนเดิม ๆ ระวังจะเจอ “ผกก.โจ้ 2”โผล่มาอีก ประสบการณ์น้อย มือไม่ถึง แต่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าสถานี

การจะกู้ภาพลักษณ์และศรัทธาองค์กรสีกากี ให้กลับมาเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริงนั้น ไม่ใช่เพียงแค่จะมอบนโยบายแต่ละปีเอาไว้สวยหรูเพียงอย่างเดียว ต้องย้อนกลับไปประเมินด้วยว่า นโยบายที่มอบไปแต่ละปีนั้นมันได้สัมฤทธิผลต่อองค์กรมากน้อยแค่ไหน?

เชื่อว่าการแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่ “สว.-รอง ผบก.” ระลอกนี้ นอกจากสังคมจะจับตามองแล้ว บรรดาคนสีกากีด้วยกันเองก็คงเฝ้าลุ้นดูเช่นกัน นายตำรวจไร้เส้นสาย ไม่เคยมีตั๋ว ไม่ใช่นักวิ่ง เพราะมัวแต่มุ่งมั่นทำงานอยู่ในพื้นที่ จะมีโอกาสได้ก้าวหน้าเติบโตมากน้อยเพียงใด!!.

————————–
เชิงผา