มัสก์จะมีบทบาทสำคัญในทำเนียบขาว ซึ่งเขาคาดว่าจะมีอิทธิพลต่อการกำกับดูแลเทคโนโลยี รวมถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทของเขา ไม่ว่าจะเป็น เทสลา, สเปซเอ็กซ์ และแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เอ็กซ์
อนึ่ง ผู้ที่อยู่ฝ่ายเดียวกับมัสก์ น่าจะมี “กลุ่มผู้เร่งรัดด้านเทคโนโลยี” รวมอยู่ด้วย ซึ่งพวกเขาเป็นสมาชิกฝ่ายขวาที่มีแนวคิดเสรีนิยมมากกว่า และต้องการให้นวัตกรรมก้าวหน้าต่อไปได้ โดยไม่ถูกควบคุมจากรัฐบาล
ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยแรก มัสก์มีท่าทีที่ระแวดระวัง แต่ภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา เขากลับยกย่องชัยชนะของทรัมป์ ว่าที่ผู้นำสหรัฐคนต่อไป อย่างรวดเร็ว
ด้านนายเจฟฟ์ เบโซส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท แอมะซอน โพสต์ข้อความบนเอ็กซ์ แสดงความยินดีกับการกลับมาทางการเมืองของทรัมป์ และส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงจุดยืน ด้วยการสั่งให้หนังสือพิมพ์ “เดอะ วอชิงตัน โพสต์” ของเขา งดการสนับสนุนนางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน และตัวแทนจากพรรคเดโมแครต นับเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกตีความอย่างกว้างขวางว่า เป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นกับรัฐบาลชุดใหม่ของทรัมป์
อีกด้านหนึ่ง นายทิม คุก ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัท แอปเปิล ก็ร่วมแสดงความยินดีกับทรัมป์เช่นกัน ขณะที่ นายมาร์ก คิวบาน มหาเศรษฐีในวงการเทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนแฮร์ริส กล่าวว่า ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง “อย่างขาวสะอาด”
แม้กระทั่งนายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของบริษัท เมตา ก็แสดงความยินดีกับทรัมป์ด้วย และใช้เวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ในการสร้างความสัมพันธ์กับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง
ในด้านนโยบาย ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเหล่านี้ต้องการให้นางลินา ข่าน ประธานคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (เอฟทีซี) ลาออก เนื่องจากเธอดำเนินนโยบายที่ชะลอการขยายอาณาจักรเทคโนโลยีอย่างไม่มีข้อจำกัดของพวกเขา
ทั้งนี้ เป้าหมายแรกที่ทรัมป์ให้ความสนใจ อาจเป็นคำสั่งฝ่ายบริหารจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐที่กำลังจะหมดวาระ เกี่ยวกับการควบคุมปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ซึ่งคำสั่งดังกล่าวอาจถูกแก้ไขหรือยกเลิก โดยทรัมป์ให้เหตุผลว่า นวัตกรรมไม่ควรถูกจำกัดด้วยกฎระเบียบ
ยิ่งไปกว่านั้น ทรัมป์จะทำให้สกุลเงินดิจิทัลเติบโตง่ายขึ้นอย่างแน่นอน และชะตากรรมของแพลตฟอร์ม “ติ๊กต็อก” ก็อาจเปลี่ยนไปเช่นกัน เนื่องจากทรัมป์แสดงความเห็นคัดค้านกฎหมายที่ได้รับการสนับสนุนจากไบเดน ซึ่งสั่งให้บริษัทแม่อย่าง “ไบต์แดนซ์” ขายกิจการติ๊กต็อก โดยระบุว่า การแบนติ๊กต็อกจะยิ่งเพิ่มความนิยมของแอปพลิเคชัน “อินสตาแกรม” และ “เฟซบุ๊ก” ซึ่งทรัมป์เชื่อว่า แพลตฟอร์มเหล่านี้ปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่ยุติธรรม
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะยกเลิก “กฎหมายชิปส์” (CHIPS Act) โดยแทนที่เงินอุดหนุนการผลิตของไบเดนด้วยภาษีที่เข้มงวด ซึ่งออกแบบมาเพื่อบังคับให้บริษัทต่าง ๆ สร้างโรงงานในสหรัฐ.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP