นักรบของกลุ่มกบฏใช้เวลาหลายเดือนในการฝึกฝน และเตรียมพร้อมสำหรับการบุกโจมตีแบบสายฟ้าแลบ แต่พวกเขาอาจไม่ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะรุกคืบรวดเร็วเพียงใด
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา ฝ่ายกบฏกล่าวว่า พวกเขายึดเมืองอเลปโปได้ “เกือบทั้งหมด” ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของซีเรีย และในตอนนี้ พวกเขายังควบคุมพื้นที่กว้างใหญ่ทางตะวันตก และตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเช่นกัน ตามข้อมูลจากกลุ่มกบฏซีเรีย และองค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย (เอสโอเอชอาร์)
ด้านนักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่า จังหวะและความสำเร็จของการโจมตีครั้งนี้ เผยให้เห็นถึงจุดอ่อนของกลุ่มพันธมิตรที่ “เคยแข็งแกร่ง” ของอัสซาด
อนึ่ง สงครามกลางเมืองซีเรีย ปะทุขึ้นเมื่อ 13 ปีก่อน เมื่อการประท้วงต่อต้านรัฐบาลอย่างสันติ เผชิญกับการปราบปรามอย่างรุนแรง จนบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างกองกำลังที่จงรักภักดีต่ออัสซาดกับกลุ่มกบฏ ซึ่งฝ่ายรัฐบาลซีเรียได้รับการสนับสนุนและกองกำลังต่างชาติ จากมหาอำนาจระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ
อิหร่าน กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และรัสเซีย ต่างมอบความช่วยเหลือให้กับกองทัพซีเรีย โดยนักรบที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์และอิหร่าน ต่อสู้เคียงข้างกองกำลังซีเรีย ส่วนรัสเซียและอิหร่าน ส่งตัวที่ปรึกษาทางทหารเข้าร่วมสงคราม และรัสเซียยังโจมตีทางอากาศอย่างหนัก ในดินแดนที่กลุ่มกบฏยึดครองด้วย
ทว่าในขณะนี้ อิหร่านอ่อนแอลงจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล และเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการทำสงครามกับอิสราเอล ซึ่งดำเนินมานาน 13 เดือน และการสูญเสียนายฮัสซัน นาสราลเลาะห์ ผู้นำสูงสุดของกลุ่ม อีกทั้งรัสเซียก็เข้าใกล้ช่วงท้ายของ “สงครามพร่ากำลัง” กับยูเครน เป็นปีที่ 3 แล้ว
“อัสซาดเอาตัวรอดจากสงครามกลางเมืองได้ เพราะความช่วยเหลือทั้งหมดที่เขาได้รับ และความช่วยเหลือเหล่านั้นก็หายไปแล้ว” นายโจชัว แลนดิส หัวหน้าโครงการตะวันออกกลางศึกษา จากมหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา กล่าวเพิ่มเติมว่า อิสราเอลเปลี่ยนดุลอำนาจในภูมิภาค ด้วยการทำสงครามเต็มรูปแบบกับแนวร่วม “อักษะแห่งการต่อต้าน” และในตอนนี้ อัสซาดต้องยืดหยัดตามลำพัง
แม้รัสเซียอาจมีบทบาทสำคัญที่สุด ในการมอบความช่วยเหลือแก่อัสซาด และรัฐบาลซีเรียของเขา อย่างไรก็ตาม รัสเซียก็ยึดมั่นในการทำสงครามกับยูเครนมากกว่า และหันเหความสนใจทางทหารออกจากซีเรียมากขึ้น
ทั้งนี้ บรรดาผู้นำกองกำลังนักรบจีฮัดชื่อ “ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม” (เอชทีเอส) กล่าวว่า พวกเขากำลังจับตาดูการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์รอบตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ่อนกำลังของอักษะแห่งการต่อต้าน ซึ่งเกิดจากฝีมือของอิสราเอล และปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน รวมถึงประเมินว่า พวกเขาจะใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้อย่างไร.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP