ความขัดแย้ง เป็นหนึ่งในวัตถุดิบต่อการเป็นข่าว โดยเฉพาะความขัดแย้งในองค์กร ที่ควรไปในทิศทางเดียวกัน แถมความขัดแย้งยังปรากฏต่อสาธารณะ

ทีมชาติไทย ฟอร์มอาจไม่สวยในเกมชนะ มาเลเซีย 1-0 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน แต่สิ่งสำคัญคือ 3 แต้ม และเป็น 6 แต้ม จาก 2 นัด

เกมต่อไปไปเยือน สิงคโปร์ ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ถ้าชนะอีกก็เข้ารอบทันที

แม้เกม 2 จะฝืดๆ และแม้ต้องไปเยือน แต่เชื่อว่าไม่มีปัญหากับทีมชาติไทย ซึ่งอยู่ในช่วงกำลังประกอบร่าง จากนักเตะที่ค่อยๆ มาเสริมทีละคน สองคน

ขณะที่ สิงคโปร์ ถึงได้มา 6 แต้ม ก็เจอทีมเบาๆ มา ชนะ กัมพูชา 2-1, ชนะ ติมอร์เลสเต 3-0 และ สิงคโปร์ ชุดนี้ก็มีปัญหาในเรื่องขุมกำลัง เช่นเดียวกับเกือบทุกทีม(ยกเว้น เวียดนาม) และไม่มีตระกูลฟานดี

ยังเชื่อว่าไทยจะบุกคว้า 3 แต้ม และตีตั๋วเข้ารอบ

สถานการณ์ของไทย อาจไม่สดใส ซาบซ่า แต่ก็ไปในทิศทางที่ดี

จะมีเสียบรรยากาศจากเรื่องที่ไม่ควรเป็นเรื่อง กรณีเดินขอบคุณแฟนบอล

ย้อนความกันหน่อย ประเพณีปฏิบัติทีมชาติไทย เล่นในบ้านต้องเดินขอบคุณแฟนรอบทิศ และแฟนก็ร้องเพลงเชียร์กันทิศละที ฝั่งละครั้ง ซึ่งว่ากันตามตรงเสียเวลาพอสมควร

จากนัดอุ่นเครื่องเมื่อเดือน พ.ย. อิชิอิ ถือโทรโข่ง ไปขอร้องแฟนบอลเลยว่า ในบอลอาเซียนคัพ ขออนุญาตร้องเพลงกันครั้งเดียว เพราะรายการนี้เตะถี่ยิบ เดินทางไป-กลับ ตลอดเวลา(อย่างจบเกมกับมาเลเซีย ก็ดึก แล้วต้องตื่นเดินทางไปสิงคโปร์แต่เช้า)

ซึ่งเอาจริงๆ แฟนบอลก็เข้าใจ ไม่มีกระแสสวนกลับใดๆ (เท่าที่เห็น)

เหตุดราม่า หลังเกมกับมาเลเซีย หลังจบเกม อิชิอิ ขอบคุณแฟนๆ บริเวณสนาม แล้วเขาต้องการจะให้นักเตะกลับเข้าห้องเลย

อย่างไรก็ตาม “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ไม่ยอม ยืนยันกลับ นำนักเตะเดินขอบคุณแฟนบอลรอบสนาม เหมือนที่เธอมักจะทำอยู่สม่ำเสมอ

ออกรูปนี้ อิชิอิ หันหลังเดินกลับห้องพักคนเดียวทันที ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ส่วน มาดามแป้ง หน้าตาก็ดูซีเรียสเช่นกัน

ต่างฝ่ายต่างต้องการอีกอย่าง

ขัดแย้งกันจริงเหรอ ก็ต้องบอกว่า “จริง” ขัดแย้งทางความคิด จากบทสัมภาษณ์ จากโพสต์เฟซบุ๊ก ก็บอกชัดเจน

หลังเดินเข้าห้องแต่งตัวแล้ว ในการแถลงข่าว อิชิอิ ตอบคำถามสื่อในเรื่องนี้ เขาบอกว่า เขาต้องการให้นักเตะรีบไปพัก

“ก่อนแข่งได้บอกไปแล้วว่านักเตะชุดนี้รวมตัวกันไม่นาน จึงอยากให้ขอบคุณแฟนบอลเพียงสั้นๆ เพื่อให้มีเวลาในการพักผ่อน และเตรียมพร้อมสำหรับการฝึกซ้อมร่วมกันต่อไป” อิชิอิ กล่าว

“การที่ผมเดินกลับมาห้องแต่งตัวก่อนไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่ต้องการให้นักเตะพักผ่อนให้มากที่สุด แน่นอนแฟนบอลมีความสำคัญและเข้ามาชมในสนามวันนี้เยอะมาก หวังว่านัดต่อๆ ไปจะยังให้การสนับสนุนทีมเหมือนเดิม”

ตอกย้ำความคิดเห็นไปคนละทาง เมื่อช่วงดึกคืนเดียวกัน ราวๆ ตี 1 มาดามแป้ง นอนไม่หลับ หรืออย่างไรไม่แน่ใจ ลุกมาโพสต์เรื่องนี้ ยืนยันว่าตัวเองคิดถูกแล้ว ที่ต้องเดินขอบคุณแฟนบอล

“สั้นๆ นะคะ จากใจแป้ง จริงๆ ประเด็นวันนี้ไม่ควรจะมีอะไรดราม่าเลย ตอนที่แป้งเข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคมฯ ได้รับเกียรติฟังความคิดเห็นจากแฟนบอลไทยหลักๆทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ Cheerthai power, Thailand Hardcore และ Ultras Thailand ซึ่งทั้งสามกลุ่มก็ให้เกียรติสมาคมฯ แป้ง นักกีฬา และโค้ชทุกคน”

“จะเห็นว่าทุกการแข่งขันผ่านมาอย่างราบรื่น เต็มไปด้วยพลังเชียร์และศรัทธา สำหรับแป้งแล้วคิดเสมอว่าศรัทธาของแฟนบอลคือสิ่งที่จะอยู่คู่กับฟุตบอลไทยไปตลอด นายกสมาคมฯ โค้ช หรือนักฟุตบอล ถ้ามีผลงานดีก็จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่จารึกไว้ แต่มือที่จะประคับประคอง ส่งเสริมฟุตบอลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟุตบอลทีมชาติไทยทุกชุดซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของสมาคม ก็คือ แฟนบอลทีมชาติไทย หรือ ผู้เล่นคนที่ 12”

“ดังนั้น ถึงแม้รอบนี้จะไม่ใช่รอบรองฯ หรือ รอบชิงฯ แต่การเดินออกไปขอบคุณแฟนบอล ซึ่งแฟนบอลก็ไม่ได้ใช้เวลามาก เพราะเขาทราบดีอยู่แล้วว่ายังไม่ถึงรอบชิงฯ แป้งถือว่าเป็นการให้เกียรติสูงสุด และถือเกียรติยศศักดิ์ศรีของนักเตะทีมชาติไทยเช่นกัน นักเตะหลายคนก็คิดเหมือนกับแป้ง”

“แป้งจึงคิดว่าไม่มีประเด็นอะไรที่จะเกิดกระแสที่ไม่ดีต่อใจแป้งหรือใจใครเลย แป้งยังยืนยันในความคิดของตัวเอง ว่าสิ่งที่แป้งทำตลอด 16 ปี ตั้งแต่เริ่มที่ผู้จัดการฟุตบอลหญิง มาถึงฟุตบอลชาย การให้เกียรติแฟนบอลเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แป้งเชื่อเสมอในศรัทธา การเคารพ และให้เกียรติซึ่งกันและกัน ขอบคุณ 3 แต้มจากคืนนี้นะคะ กราบจากใจ”

ขณะที่ในมุมแฟนบอล ก็คอมเมนท์ฉ่ำ ส่วนใหญ่ให้กำลังใจทั้ง 2 ฝ่าย ขณะที่คนที่มาเตือนมาดามแป้งก็มี ในทำนองว่า ควรให้เกียรติการตัดสินใจของ อิชิอิ อย่างเช่น พอลลีน งามพริ้ง ผู้สมัครชิงนายกสมาคมฯ (ซึ่งเชื่อในความเป็นกลางได้ เพราะไม่เคยแสดงความเป็นปฏิปักษ์ใดๆ กับ มาดามแป้ง) มาคอมเมนท์ ในโพสต์มาดามแป้งว่า

“จากใจพอลลีนเลยนะคะ คุณแป้งให้เกียรติคนที่เป็นมืออาชีพหน่อยค่ะ พอลลีนว่าเขามีเหตุผล บางทีเป็นผู้นำต้องทำตามใจลูกน้องบ้าง แฟนบอลไทย ไม่ใช่ผู้มีพระคุณกับสมาคมฯ แต่ เขามีพระคุณกับทีมชาติไทย และทีมชาติไทยก็เป็นผู้พระคุณกับเขา พอลลีนขอแสดงความเคารพด้วยใจจริง และนับถือคุณแป้งเสมอมา ขอโทษหากเป็นที่ไม่ถูกใจ”

ส่วน “น้าหลิ่ม” วิรุฬห์ วิเชียรวัฒนชัย กองเชียร์รุ่นเก๋า ที่ไปเชียร์ช้างศึกทุกที่ในโลก โพสต์สั้นๆ ได้ใจความว่า “โค้ชมาซาทาดะ อิชิอิ ทำถูกต้องแล้วครับ”

กลายเป็นว่ามีความไม่ลงรอยกันในทีมชาติไทย และเกิดจาก 2 คนสำคัญในการนำช้างศึกฝ่านาวา ไม่รู้ว่านักบอล ในฐานะผู้ปฏิบัติจะทำตัวอย่างไร และคืนดังกล่าวก็ดูงงชีวิต

กลัวว่าจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว

กระทั่งช่วงเช้ารุ่งขึ้น ก่อนเดินทาง เรื่องก็เบา สงบลงได้ เมื่อ “อิชิอิ” ตัดสินใจ “รับจบ” บอก “ผมผิดเอง” โดยเขาให้สัมภาษณ์สื่อก่อนออกเดินทางว่า

“ยังไม่คุยกับมาดามแป้งโดยตรงแบบเจอตัว ด้วยผมก็ยอมรับว่าที่หงุดหงิดจากตรงนั้น และเดินกลับไปห้อง ถือว่าทำไม่ถูกต้อง ได้คุยและขอโทษมาดามแป้งผ่านทางไลน์ และขอโทษแฟนบอลด้วย ที่ทำลักษณะนั้น ที่ไม่ดี จริงๆ ผมน่าจะสื่อสารกับคุณแป้งก่อน น่าจะดีกว่านี้ ก่อนตัดสินใจทำอะไรไป เป็นบทเรียนว่าต้องสื่อสาร ต้องรายงานมากกว่านี้”

“คุณแป้ง ตั้งแต่เป็นนายกสมาคม พยายามทำให้ทีมชาติไทย พัฒนาประสบความสำเร็จตลอด มาสนับสนุนทีมงานตลอด แต่ลักษณะนี้ ผมคิดว่าอยากให้นักบอลพักผ่อนเต็มที่ ทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ แต่ไม่ได้มีการสื่อสารก่อน ขอโทษคุณแป้งและแฟนบอลอย่าง 100 เปอร์เซ็นต์ กับอากัปกริยาที่ไม่ถูกต้อง”

ก็เป็นอัน(คงจะ)จบเรื่องอย่างรวดเร็ว ที่เป็นเรื่องดี โดย อิชิอิ เบี่ยงประเด็นไปว่า ข้อที่ตัวเองผิดคือ “ไม่ได้บอกก่อนว่าจะไม่เดินขอบคุณ” และ “กิริยาที่สะบัดหน้าเดินกลับห้องคนเดียว”

แต่ก็ยังยืนยันว่า นักฟุตบอลควรได้รับการพักผ่อน

กรณีนี้ มาดามแป้ง ก็ยืนยันความคิดตัวเองเช่นกันว่า นักบอลต้องขอบคุณแฟนบอล

ถามว่าปัญหาประเด็นนี้จะเกิดอีกไหม ก็คงไม่มีแล้ว(มั้ง) เพราะเกมเหย้านัดต่อไป ไทย เล่นกับ กัมพูชา วันที่ 20 ธ.ค. มีเวลาพักก่อนเตะรอบรองชนะเลิศ ก็ไม่ต้องรีบแล้ว เพราะกว่าจะเตะรอบตัดเชือกก็เกือบ 1 สัปดาห์

ถ้าไทยเข้าที่ 1 ตามคาด รอบรองชนะเลิศจะได้เล่นเกมเยือนวันที่ 27 ธ.ค. และเล่นในบ้านเกมที่ 2 วันที่ 30 ธ.ค.

จะกระชั้นอีกครั้ง ในรอยต่อรอบรองฯ สู่รอบชิงฯ ที่นัดแรกไปเยือน วันที่ 2 ม.ค.68

แต่ถึงตรงนั้น เอาอย่างไรคงเคลียร์กันได้แล้ว

อิชิอิ ก็มีมุมมองของตัวเอง ที่มองถึงนักฟุตบอลเป็นหลัก ซึ่งหากตัดสินใจไปแล้ว ในฐานะผู้นำก็ต้องให้การสนับสนุน หรือถ้าไม่เห็นด้วยก็คุยกันมาก่อน (แม้อิชิอิจะบอกว่าไม่ได้รายงาน แต่ข่าวก็ออกมามากมาย) ยิ่งมาค้านการตัดสินใจต่อหน้าสาธารณชน แม้ไม่ได้ตั้งใจหักหน้ากัน แต่มันก็ห้ามไม่ให้คิดไม่ได้

มาดามแป้ง ก็ทำด้วยความหวังดี อยากขอบคุณแฟนบอลอย่างสุดซึ้งที่เข้ามาให้กำลังใจ

ต่างฝ่ายต่างมีแนวคิดของตัวเอง มองถึงประโยชน์ของทีมอยู่แล้ว แต่ถ้ามันไม่ตรงกันก็ต้องหาจุดร่วม

ไม่มีใครทำถูก 100% ถ้ายืนยันว่า “ฉันถูกคนเดียวแน่นอน” สักวันย่อมส่งผลเสียตัวอย่างมีให้เห็น แล้วถึงจุดหนึ่ง อะไรที่คิดว่าจะกลับมาดี อาจไม่เป็นดังคาดหวัง.

*** วุฒินล ***