บรรดาผู้นำโลกต่างแย่งชิงโอกาสในการพูดคุยกับทรัมป์ และทรัมป์ก็ได้รับการปฏิบัติในฐานะ “แขกผู้มีเกียรติ” ในพิธีเปิดมหาวิหารนอเทรอดาม ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อต้นเดือนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐคนปัจจุบันที่กำลังจะหมดวาระ กลับไม่ปรากฏตัวในพิธีการ และค่อย ๆ หายไปอยู่ฉากหลังมากขึ้นเรื่อย ๆ
“มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย ที่ทรัมป์พยายามเริ่มบทบาทของประธานาธิบดีเงาแล้ว ซึ่งผมไม่คิดว่า มันไม่เหมาะสมในตอนนี้ เพราะนั่นคือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น” นายคอลิน คลาร์ก ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย จากบริษัทที่ปรึกษาด้านความมั่นคง “เดอะ ซูฟาน กรุ๊ป” กล่าว
แม้ทรัมป์มักเป็น “ผู้ขัดขวางทางการทูต” ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยแรก ระหว่างปี 2560-2564 แต่ในตอนนี้ เขาต้องเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ไม่แน่นอนมากขึ้น ในการเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง
อนึ่ง ทรัมป์ ผู้ยึดถือหลักการไม่แทรกแซง มักพูดถึงความปรารถนาของเขา ที่จะไม่ต้องการให้สหรัฐเข้าไปพัวพันกับสงครามในตะวันออกกลางอีกต่อไป และเรียกร้องให้รัฐบาลวอชิงตัน ลดความช่วยเหลือที่มอบให้แก่รัฐบาลเคียฟ ซึ่งกำลังต่อสู้กับการรุกรานของรัฐบาลมอสโก
อย่างไรก็ตาม การโค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย และการล่มสลายอย่างกะทันหันของ “ระบอบอัสซาด” ทำให้ทรัมป์ไม่สามารถเพิกเฉยต่อภูมิภาคที่ตึงเครียดแห่งนี้ได้ และดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นโอกาสบางอย่างด้วยซ้ำ ในฐานะผู้ทำข้อตกลง
ในเรื่องซีเรีย ทรัมป์กล่าวว่า รัสเซียทอดทิ้งอัสซาดแล้ว เพราะต้องให้ความสำคัญกับสงครามในยูเครน อีกทั้งมันถึงเวลาแล้วที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย “ต้องดำเนินการ” และหาทางหยุดยิงกับรัฐบาลเคียฟ
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งขัน พร้อมกับเตือนว่า กลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา จะพบกับ “หายนะ” อย่างแน่นอน หากพวกเขาไม่ปล่อยตัวประกัน ก่อนที่เขาจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือน ม.ค. ที่จะถึงนี้
การประกาศดังกล่าวเป็นไปตามแบบแผนของทรัมป์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเป็นทั้งมิตรและศัตรูที่น่าตกใจ ด้วยการเปิดเผยนโยบายต่าง ๆ บนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งรวมถึงแผนการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก, แคนาดา และจีน หากประเทศเหล่านี้ไม่สามารถหยุดยั้งผู้อพยพและยาเสพติด ที่หลั่งไหลเข้ามาในสหรัฐได้
“คำกล่าวและการกระทำเมื่อไม่นานมานี้ของทรัมป์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ อาจดูผิดปกติ เมื่อเทียบกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนอื่น ๆ แต่มันก็สอดคล้องกับการดำเนินการในอดีตของเขาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์” นายไบรอัน ฟินูเคน ที่ปรึกษาอาวุโสจาก อินเตอร์เนชั่นแนล ไครซิส กรุ๊ป (ไอซีจี) กล่าว
ด้านคลาร์ก กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเงาของทรัมป์ ทรงพลังมากขึ้น เนื่องจากบรรดาผู้นำต่างประเทศมองว่า ไบเดนที่อยู่ในวัยชรา “แทบจะไม่ตัวตนเลย” ยิ่งไปกว่านั้น ผู้นำโลกส่วนใหญ่ต่างพร้อมที่จะก้าวต่อไป และเริ่มพยายามหาทางเผชิญกับรัฐบาลชุดใหม่ของทรัมป์แล้ว.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES