อารมณ์หงุดหงิดดูเหมือนกำลังก่อตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่แฟนบอลอาร์เซนอล (บางส่วน)
เพราะภายในเวลาไม่กี่วัน จากที่เคยอยู่บนเส้นทาง 4 แชมป์ (ซึ่งในความเป็นจริงขอแค่สักถ้วยก็เกินพอ) แต่ปรากฎว่าความหวังที่เคยมีหดหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ถ้วยเล็กสุด คาราบาว คัพ แม้ยังไม่ตกรอบ แต่สถานการณ์ที่แพ้ก่อน 2 ประตู ทำให้นัด 2ดูเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา ในขณะที่เอฟเอ คัพ แพ้แมนฯ ยูไนเต็ด จอดป้ายไปเรียบร้อย พร้อมๆ กับที่โดนล้อว่าเป็น “ปืนฉีดน้ำ” เนื่องจากไม่ว่าพยายามแค่ไหนก็ใส่สกอร์นำ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เสียที ซึ่งในที่สุดก็แพ้จุดโทษไปแบบช้ำๆ
แม้สามารถแก้ตัวชนะคู่อริ ทอตแนม ฮอทสเปอร์ เมื่อกลางสัปดาห์ แต่ อาร์เตตา กลับมาอยู่ในโหมดกดดันอีกรอบเมื่อขึ้นนำ แอสตัน วิลลา 2-0 แต่สุดท้ายกลับโดนตีเสมอแบบน่าเขกกะโหลก 2-2
อาร์เตตา คุมทีมมาแล้ว 5 ปี ได้แค่ 1 ถ้วยถ้วนคือ เอฟเอ คัพ 2020 ซึ่งถือว่าได้รับโอกาสคุมทีมนานพอดู เมื่อเทียบกับเจ้าของบางสโมสรที่อาจมีขีดความอดทนต่ำกว่า
แต่ด้วยระยะเวลานานไม่น้อย จึงไม่แปลกที่ชักเริ่มๆ มีความเห็นในโลกโซเชียลว่า อาร์เซนอล และ อาร์เตตา บางทีอาจถึงเวลาแยกทางกันหรือไม่?
กลุ่มฝ่ายต่อต้านมองว่า อาร์เตตา เริ่มหมดมุก หรือไอเดียตีบตัน การเข้าทำมีแต่รูปแบบเดิมๆ เจาะกลางไม่ได้ ได้แต่ออกปีกแล้วโยนเข้ามา แม้แต่ ธีโอ วัลคอตต์ อดีตเด็กเก่ายังชี้ว่าอาร์เซนอล กลายเป็นทีมที่ชักเริ่มหน้าเบื่อหน่อยๆ โอเคว่าครองบอลได้ แต่ขาดความหิวกระหายที่จะฉีกกระชากแนวรับคู่แข่ง ทุกวันนี้เหมือนพยายามพึ่งพาลูกเตะมุมมากเกินไป
หลายคนเริ่มบ่นแท็คติกถ่วงเวลา หรือแม้แต่การทุ่มบอลที่ช้า จนบางครั้งก็โดนใบเหลืองอย่างไม่จำเป็น บ้างบ่นการเสริมทีมที่ไม่ตรงจุด เพราะทั้งที่ขาดกองหน้าระดับเพชฌฆาต แต่อาร์เตตากลับมัวเสริมแต่ตำแหน่งอื่น
ขณะเดียวกันเมื่อคำนวนถึงเงินที่ใช้ไป พบว่า อาร์เซนอล ในยุคอาร์เตตา หมดเงินซื้อนักเตะไปแล้วกว่า 500 ล้านปอนด์ โดยหากเทียบกับ 5 ปีก่อนหน้านั้น อาร์เซนอล ซื้อนักเตะไปแค่ 235 ล้านปอนด์ หรือน้อยกว่าเกือบครึ่ง ก็ชัดเจนว่าอาร์เตตาได้รับการสนับสนุนเต็มที่แ แต่ผลลัพธ์ยังไม่น่าพอใจ
แต่แน่นอนว่าฝ่ายสนับสนุนก็ยังมี บางคนมองว่าอาร์เตตากำลังปั้นทีมขึ้นมาได้ดี ฤดูกาลก่อนพวกเขาเกือบเอามือสัมผัสถ้วยแชมป์ได้อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะมีแมนเชสเตอร์ ซิตี เป็นก้างขวางคอที่สม่ำเสมอมากกว่า
บ้างมองแง่ดีว่าที่จริงอาร์เซนอลในยุคอาร์เตตา ก็ทำผลงานน่าพอใจ มีรูปแบบการเล่นที่น่าดู เพียงแต่พรีเมียร์ลีกมันโหดหินจริงๆ
อย่างไรก็ตามหากปีนี้ไม่มีสักถ้วย เชื่อว่าความแข็งแรงของขาเก้าอี้อาร์เตตาอาจไม่ได้แข็งแรงหนักแน่นเหมือนเคย และหากฤดูกาลหน้ายังไร้ถ้วยอีกครั้ง บางทีมันอาจถึงเวลาเปลี่ยนแปลงจริงๆ ก็ได้.
เฮียเอง