@นับเป็น”โศกนาฎกรรม” ครั้งใหญ่ สำหรับการเกิด”แผ่นดินไหว”ในประเทศเมียนมา ที่มาจาก”ลอยเลื่อนสกาย” ศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่”เมืองมัณดาเลย์” เห็นภาพของความ”ยับเยิน” ของ”ตัวเมือง” และจำนวน”ผู้เสียชีวิต” เป็นจำนวนมาก นี่คือเรื่องของ”ภัยธรรมชาติ” และเป็นเรื่อง”เคราะห์ซ้ำกรรมซัด” สำหรับ”ประเทศเมียนมา” ที่ในระยะเวลาหลายปียังมีการ”สู้รบ” ระหว่าง”กองกำลังของรัฐบาล” กับ”ชนกลุ่มน้อย”หรือ”กลุ่มชาติพันธุ์” ที่สร้างความ”สูญเสีย” ด้าน”เศรษฐกิจ”และสร้างความ”ทุกข์” ความ”ยากจน” จาก”สงครามความขัดแย้ง” เมื่อ”เมียนมา” ประสบกับ”ภัยพิบัติ” ทาง”ธรรมชาติ” ยิ่งเป็นการ”ซ้ำเติม”ให้ “สถานการณ์เลวร้าย” ยิ่งขึ้น ซึ่ง หลายประเทศโดยเฉพาะ”มหาอำนาจ” อย่าง”สาธารณรัฐประชาชนจีน” ที่”สี จิ้น ผิง”ประธานาธิบดี” เป็นประเทศแรกๆ ที่”ส่งความช่วยเหลือ” เข้าไป เพราะ”เมียนมา” วันนี้ “แผ่นดินส่วนหนึ่ง” ไม่ต่างกับ”แผ่นดินจีน”เพราะ”รัฐบาลจีน” และ”กลุ่มทุนจีน”เข้าไป”ลงทุน” ในด้านต่างๆใน”เมียนมา”เป็น”อันดับหนึ่ง” ความ”เสียหาย” ของ” เมียนมา” จึงมีผลกระทบ”กับ”จีน”โดยตรง ดังนั้น”จีน” จึงต้องเร่ง”ช่วยเหลือ” และเร่งในการ”ฟื้นฟู” ให้”เมียนมา”อย่างเร่งด่วน ติดดามด้วย”สหรัฐอเมริกา” ที่ “อนุมัติ” งบประมาณเพื่อช่วยเหลือทาง”การเงิน”…..
@สำหรับ”ประเทศไทย” ผลพวงจาก”แผ่นดินไหว” ใน”เมียนมา” ครั้งนี้ กลายเป็น”พื้นที่” ซึ่งได้รับผลกระทบอย่าง”รุนแรง” ที่สุด แม้ว่า”เขื่อน” ทุก”เขื่อน” จะไม่ได้รับ”ผลกระทบ” แต่”กรุงเทพฯ” ซึ่งเป็น”ศูนย์กลาง” ของ”ประเทศ” ได้รับ”ผลกระทบ” อย่าง”รุนแรง” ภาพของ”ตึกสูง” และ”คอนโดมิเนียม” ที่”สั่นไหว” และ”แตกร้าว” ยังไม่ได้”สำรวจ” อย่างเป็นทางการว่ามีจำนวน”มาก น้อย” เท่าไหร่” และมี”อันตราย” กับผู้ที่”อยู่อาศัย” หรือไม่ และใครจะเป็นผู้”รับผิดชอบ”….ที่”เลวร้าย” ที่สุดคือการ”ถล่ม”ลงมา”ทั้งแท่ง” อย่าง”อาคารสูง”ของ”สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน” ที่สร้างใกล้เสร็จ ที่”น่าเศร้า” คือมี”คนงาน” ถูก”ฝังทั้งเป็น” เสียชีวิต” และ”บาดเจ็บ” เป็นจำนวนมาก แน่นอน” คนตาย”และ”คนเจ็บ” ต้องได้รับการ”ดูแล” และ”เยียวยา” จากหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะ”กระทรวงแรงงาน” ที่”พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน” สั่งการให้”ทุกหน่วย”ของ”กระทรวง ที่เกี่ยวข้องลง”พื้นที่” และ”เกาะติดสถานการณ์” เพื่อให้ความ”ช่วยเหลือ” อย่าง”ทันท่วงที”…..
@แต่ เรื่องที่”ประชาชน”ทั้ง”ประเทศ” ต่าง”กังขา” คือ” ความ”ล่าช้า” ของการ”แจ้งเตือน”ของการเกิด”ภัยพิบัติ” ในครั้งนี้ ที่แสดงให้เห็นถึงความ”ล้มเหลว” ของ”หน่วยงานที่รับผิดชอบ” ไม่ว่าจะเป็น”กสทช.” และ”กระทรวงอีดี” ที่วันนี้กลายเป็น” จำเลย”ของ”สังคม” และหลังจากนี้ไปคงต้องมีการ”สังคายนา” เพื่อหาสาเหตุแห่งความ”ไร้ประสิทธิภาพ” และการ”ไร้ทิศทาง” แต่ได้รับ”งบประมาณ”ไปแบบ”เต็มเม็ดเต็มหน่วย” เรื่องนี้ต้องมี”ผู้รับผิดชอบ” …..และอีกเรื่องการ”ถล่ม” ของ”อาคารที่ทำการ” ของ” สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน” ที่ไม่สามารถ”รับแรงสั่นสะเทือน”จากการเกิด”แผ่นดินไหว”ใน”เมียนมา” จนกลายเป็น”เศษหิน เศษปูนเศษเหล็ก” ลงมา”กองกับพื้น” ทั้งที่”อาคารสูง” เป็นจำนวนมากใน”กทม.ไม่ได้รับ”ผลกระทบ” เรื่องนี้ต้องมี”สาเหตุ” ต้องมีผู้”รับผิด” และต้องมีคน”ติดคุก” โดยเฉพาะ”บริษัทผู้ก่อสร้าง” ที่เป็น”บริษัทร่วมค้าไทย-จีน” ซึ่งต้อง”ตรวจสอบ” ว่าการสร้าง”สำนักงานของ”สตง.” ผู้ ดำเนินการ ผู้ควบคุม การก่อสร้างเป็นของ”จีน” ใช่หรือไม่ จึงเป็นเหตุให้”ต้านแรงสั่นสะเทือน” ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะ”ลักษณะ” ของ”อาคารสูง” ที่” ถล่ม”ลงมาในครั้งนี้ เป็นแบบเดียวกับ”อาคารสูง” ใน”ประเทศจีน” ที่เห็นจาก”ข่าว” บ่อยครั้ง” ที่”ถล่ม”มา”ทั้งแท่ง” เมื่อเกิด”แผ่นดินไหว” และ”อุทกภัย”เกิดขึ้น นี่คือ”ประเด็น”สำคัญ” ที่”รัฐบาล” ที่มี”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีต้องเร่ง”ดำเนินการ” ในการ”สืบสวนสอบสวน”เพื่อหา”ข้อ”เท็จจริง” และน่า”อับอาย” สำหรับ”สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน” หรือ” สตง.” ที่มี”หน้าที่” ตรวจ”หน่วยงานราชการ ทั้งประเทศเพื่อหา”ความผิด” ในเรื่องของการ”ทุจริต” แต่ไม่มีการ”ตรวจสอบ” หน่วยงานของตนเอง จนทำให้”ที่ทำการแห่งใหม่” ถล่มทลาย” กลายเป็น”กองขยะมหึมา”….
@ยัง”โชคดี” ที่ยังสร้าง”ไม่เสร็จ” ถ้าสมมุติว่า”สร้างเสร็จ” และมีการ”เปิดใช้” มี”เจ้าหน้าที่”หรือ”พนักงาน” อยู่ใน”อาคาร” และเกิด”แผ่นดินไหว” ทำให้”อาคารสูง”แห่งนี้”ถล่ม” ลงมา คงกลายเป็น”โศกนาฎกรรม” ครั้งใหญ่ของประเทศ ดังนั้นจึง”โชคดี” ที่”อาคารสูง 30 ชั้นของ” สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน” มีการ”ถล่ม” เสียก่อนการเปิดใช้งาน และใน”อนาคต” เรื่องของ”ภัยธรรมชาติ”เรื่องของ”ภัยพิบัติ” จากกรณี”แผ่นดินไหว” อาจจะมีความ”รุนแรง” และ”ถี่”ขึ้น เพราะ”ประเทศไทย”อยู่ท่ามกลางรอยเลื่อน”ที่อาจจะเกิด”แผ่นดินไหว” เป็น”จำนวนไม่น้อย” เรื่องนี้”รัฐบาล”จะ”มาตรการ” ในการ”รับมือ” อย่างไร “การ”ถล่ม”ของ”อาคารสูง 30 ชั้น”ของ” สำนักงานงานตรวจเงินแผ่นดิน” หรือ” สตง.” คือ”บทเรียน” ที่สำคัญ” และต้อง”ป้องกัน” ไม่ให้เกิดขึ้นอีกใน”อนาคต” ต่อการสร้าง”อาคารสูง” ต้องมีการ”ตรวจสอบ” ให้เป็นไปตาม”มาตรฐานสากล” เพราะที่ผ่านมา”ทุกรัฐบาล” ไร้”มาตการ” ในการ”ควบคุม” และการ”ตรวจสอบ” ไม่ต้องไปดูที่ไหนเอาการ”ก่อสร้างที่ถนนพระราม 2” เป็น”ตัวอย่าง” ก็เห็นได้ชัด…..
@รวดเร็วจนกลุ่มผู้”คัดค้าน” ตั้งตัวไม่ทัน เพราะหลังการ”อภิปรายไม่ไว้วางใจ”ของ”พรรคฝ่ายค้าน โดยมีการลง”มติ” จาก” สส.พรรคร่วมรัฐบาล” ให้”แพทองธาร ชินวัตร” อย่าง”ท่วมท้น” เพื่อให้ทำหน้าที่”นายกรัฐมนตรี”ต่อไปเพียง 1 วัน” เท่านั้น”ครม.” ก็มี”มติ”เห็นชอบ”ร่างพระราชบัญญัติ” ( พรบ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ….. หรือ” อินเตอร์เทนเม็นท์คอมเพล็กซ์” ที่มี”บ่อนการพนันถูกต้องตามกฎหมาย” อยู่ในนั้น ต่อไป”รัฐบาล”จะเสนอ”รัฐสภา” ให้มีการ”บรรจุ” เป็นเรื่อง”เร่งด่วน” เพื่อที่จะ”ผลักดัน”ออกมาเป็น”กฎหมาย” ให้เร็วที่สุด ก็ต้องติดตามดูว่า” กลุ่มที่”คัดค้าน” ที่”เคลื่อนไหว” ที่”หน้าทำเนียบ” ที่”รัฐสภา” ที่มี”จตุพร พรหมพันธ์” เป็น”หัวเรี่ยวหัวแรง” จะทำอย่างไรกับการ”ต่อต้าน” การมีขึ้นของ”กาสิโน” หรือ”บ่อนการพนัน” ที่”ถูกต้องตามกฎหมาย” แต่”เชื่อเถอะ” กลุ่ม”ต่อต้าน” ไม่มี”พลัง” มากพอ และก็จะ”แห้ว”ไปตาม”ระเบียบ” เรื่องของ” พรบ.อินเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็ก” ประชาชนต้องติดตามอย่าง”เกาะติด” ว่า”สุดท้าย”แล้ว” กลุ่มทุนกลุ่มไหน ที่จะได้”ผลประโยชน์” โดยเฉพาะ”พรรคการเมือง”ที่วันนี้มีการ”เจรจา” กัน”ลงตัว” แล้ว จึงไม่มีเสียง”คัดค้าน” ยกเว้นแต่” พรรคประชาชาติ” ที่มี” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรียุติธรรม เป็นหัวหน้าพรรค ที่ต้อง”คัดค้าน” และ”ไม่เห็นด้วย” เพราะ” ฐานเสียง”ของ”พรรคประชาชาติ” อยู่ใน “จังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่”ประชาชนส่วนใหญ่”เป็น”มุสลิม”ที่”นับถือ”ศาสนาอิสลาม” ซึ่งเรื่องของ”การพนัน” เป็นเรื่องที่ขัดกับ”หลักการ”ของ”ศาสนาอิสลาม” แต่ก็ไม่มีผลไม่สามารถ”ขัดขวาง” การเกิดขึ้นของ”พรบ.ฉบับนี้ได้ เพราะ”เสียงคัดค้าน” จาก”ประชาชน” ที่นับถือ”ศาสนาอิสลาม” ใน”สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็น”เสียงส่วนน้อย”ของ”ประเทศ” ….แต่ ที่แน่ๆ คือ” สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีของ”สาธารณประชาชนจีน” เคยแสดงความ”ห่วงใย” และ”ไม่เห็นด้วย” กับการที่”ประเทศไทย”จะมีการตั้ง”คาสิโน” หรือ”บ่อนการพนันเสรี” เคยพูดในลักษณะการ”คัดค้าน” ต่อหน้า”ผู้นำประเทศไทย”ไปแล้ว ดังนั้นหาก “ประเทศไทย” มี”บ่อนการพนันเสรี” รัฐบาลจีน อาจจะ”เข้มงวด” การเดินทางเข้ามาของ”ชาวจีน” ทั้งที่เป็น”นักท่องเที่ยว” และ”นักลงทุน” เพราะ “รัฐบาลจีน” ไม่ต้องการให้”ประชาชน”ของเขา เข้ามาเกี่ยวข้องกับการ”พนัน” และ”บ่อนเสรี” อาจจะเป็นช่องทางหนึ่งในการที่”จีนเทา” เพื่อการ”ฟอกเงิน” นี้คือข้อที่น่า”ห่วงใย” สำหรับ”อินเตอร์เทนเม้นท์คอลเพล็ก” ที่มี”บ่อนการพนัน” เป็นตัว”ชูโรง” เพื่อ”เรียกแขก” ในนั้นด้วย…..
@ยืนยันอย่าง”หนักแน่น” จากทั้ง”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี” และ”บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย”รองนายกรัฐมนตรี”และ”แกนนำ” อื่นๆของ”พรรคเพื่อไทย” ว่าจะไม่มีการ”ปรับ ครม.” เพราะที่ผ่านมาดูการ”ลงมติ” ให้ความ”ไว้วางใจ” ให้” แพทองธาร ชินวัตร” ทำหน้าที่เป็น”นายกรัฐมนตรี”ต่อไป ไม่มี”พรรคร่วมรัฐบาล”พรรคไหน”แตกแถว” แต่”เชื่อเถอะ” อะไรที่ออกจาก”แกนนำ” ของ”รัฐบาล”ว่าไม่จริง” นั้นคือ”เรื่องจริง” เช่นเดียวกับการ”ปรับ ครม.” ต้องเกิดขึ้นแน่นอน โดยรอ”จังหวะ” ที่”เหมาะสม” โดยเฉพาะใน”สัดส่วน”ของ”พรรคเพื่อไทย” ที่การ”ปรับ ครม.” คือเรื่องการให้”ตำแหน่ง” กับ”นักการเมือง” ในพรรคที่เรียกว่า”สมบัติผลัดกันชม”นั่นเอง ส่วน”ฝีมือ” ในการ”บริหารราชการแผ่นดิน” เป็น”อีกเรื่องหนึ่ง”….เรื่องของ”รัฐบาล” กับ”พืชผล” ทาง”เศรษฐกิจ” ของ”เกษตรกร” ที่ วันนี้เหลือเพียง”ยางพารา” ที่ยังมีราคาที่”ไปได้” และที่”ราคาทรงตัว” เป็นเพราะอยู่ในช่วงของการ”ปิดกรีด” ทำให้”ผลผลิต” ที่ออกสู่”ตลาด” น้อยมาก ส่วน”อ้อย,มัน,ข้าว” และ”ปาล์มน้ำมัน” ราคา”ตกต่ำ” สร้างความ”เดือดร้อน” ให้กับ”เกษตรกร” ทั่วแผ่นดิน และ วันนี้ ก็ยังมองไม่เห็น”หนทาง” ในการแก้ปัญหาเพื่อให้ราคา”กระเตื้อง” ขึ้น ยังมองไม่เห็นว่า” เสนาบดีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” กับ” เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์” จะสามารถแก้ปัญหา”พืชผล” ของ”เกษตรกร” อย่างไร นอกจาก”ราคาคุย”ไปวันๆ……
@ที่สำคัญ เรื่อง”แผ่นดินไหวที่เมียนมา” แต่กระทบกับ”ประเทศไทย” แบบ เต็มๆ ในครั้งนี้ ต้องมีผลถึง”สภาวะการท่องเที่ยว” ของ”ชาวต่างชาติ” ที่เห็นการนำเสนอ”ข่าว” ตึกถล่ม และมีการ”แตกร้าว” จนอยู่อาศัยไม่ได้เป็น”จำนวนมาก” อาจะตัดสินใจไม่มี “ท่องเที่ยว” ยังประเทศไทย ก็เป็นไปได้ และ อาจจะกระทบถึง”เทศกาลสงกรานต์สงการนต์” ที่กำลังจะมาถึงในเดือน เมษายน “เม็ดเงิน” ที่ “เอกชน” ต่าง”คาดหวัง” ว่าจะได้จาก”นักท่องเที่ยว” อาจจะ”หดหาย”ไปเพราะเรื่องของ”แผ่นดินไหว” และ”ตึกถล่ม” ในครั้งนี้”…..ก็ต้องดูว่า” กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา” รวมทั้ง” สำนักงานการท่องเที่ยวแก่งประเทศไทย” หรือ”ททท.” จะมีการ”แก้เกม” และทำ”ประชาสัมพันธ์” อย่างไร ในการทำให้”ต่างประเทศ”เข้าใจ และไม่”ตื่นตระหนก” กับเรื่องที่เกิดขึ้น และเดินทางมาเที่ยวใน”เทศกาลสงกรานต์” เหมือนทุกปี ถ้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมัวแต่”โอ้เอ้วิหารราย” เรื่อง”ซอฟต์พาวเวอร์” การ”แต่งกาย”ด้วย”เอกลักษณ์”เพื่อ”ส่งเสริมการท่องเที่ยว” ของ” แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี” ก็คงจะเป็น”กระสุนด้าน” ที่”ยิงไม่ออก” อีกครั้ง เรื่องการ”ท่องเที่ยว” ไม่ได้”กระทบกระเทือน” เพียง”กรุงเทพมหานคร” แต่หาก”นักท่องเที่ยว”จาก”ต่างประเทศ” ไม่มา ย่อมกระทบถึง”การท่องเที่ยว” ทุก”ภูมิภาค”ของ”ประเทศไทย นี้คือ”เรื่องใหญ่” ของ”รัฐบาล” …..เพราะ “รัฐบาล” จะ”กระต้นเศรษฐกิจ” โดยหวังให้”เศรษฐกิจ”มีการ”กระเตื้อง” ด้วยการ”แจกเงิน” ให้”คนไทย” คนไทยคนละ 10,000 บาทไปเรื่อยๆ อย่างที่”เป็นอยู่” ก็เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าที่แจกไป 2 ครั้ง ไม่ได้”กระตุ้น”ให้”เศรษฐกิจกระเตื้อง” ขึ้นแต่อย่างใด วันนี้”ทุกเมือง” ที่เป็น”เมืองหลัก” และ”เมืองรอง” กลายเป็นเมืองที่”เงียบสงบ” ผู้ประกอบการค้าอยู่ในสภาวะที่”ถดถอย” ประคับประคอง เพื่อให้”อยู่รอด”ไปวันๆ ส่วน”ผู้ซื้อ” ในแต่ละเมืองอยู่ในสภาพที่เรียกว่า”โหรงเหรง” ที่เห็นคน”ส่วนใหญ่” ไปเดินกันที่”ศูนย์การค้า” ไม่ได้แปลว่าไป”ซื้อของ” แต่ไป”หลบลมร้อน” ไป”เดินตากแอร์” ใน”ศูนย์การค้า” เสียเป็น”ส่วนใหญ่”…..
@และสิ่งที่จะติดตามมาหลังการ”ถล่มของอาคารสูง”และการ”แตกร้าว” จนกลายเป็น”อาคารสถานที่” ที่เป็น”อันตราย” สำหรับการ”อยู่อาศัย” ราคาของ”คอนโดมีเนียม” ก็จะมีราคาที่”ตกต่ำ” กระทบกับ”อสังหาริมทรัพย์” ครั้งใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งโดย “ข้อเท็จจริง” การ”ขับเคลื่อน” การ”ลงทุน” ของ”อสังหาริมทรัพย์” ก็มี”ปัญหา” อยู่แล้วในขณะนี้ แต่หลังจากนี้ สิ่งที่ตามมา จะหนักหนาสาหัสเพียงไหน เดี๋ยวก็จะรู้กัน และเป็นเรื่อง”ไม่ง่าย” สำหรับ”พรรคเพื่อไทย” และ แผนที่จะ”ซื้อหนี้ประชาชน” ไป”บริหารจัดการ”ของ”ทักษิณ ชินวัตร” อดีต”นายกรัฐมนตรี”ผู้เป็น”สทร.”ในรัฐบาลของ”แพทองธาร ชินวัตร” ก็จะเป็นแค่”ลมปาก” ไม่”เป็นจริง”…..
@”ข่าวดี” เมื่อ”รัฐบาลเมียนมา” มีการ”ปล่อยตัวลูกเรือประมงไทย” จำนวน 4 คน ที่ถูก”จับกุม” พร้อมการ”ยึดเรือประมง” ในการ”รุกล้ำน่านน้ำ”ของ”เมียนมา” เพื่อไปทำ”ประมง” เมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งก็เป็นไปตามที่”ภูมิธรรม เวชยชัย” เคยให้”สัมภาษณ์สื่อ” ว่า”เมียนมา” รับปากที่จะ”ปล่อยตัว” ของ”ลูกเรือประมง”ทั้ง 4 คน แต่ต้องใช้เวลา เพราะเมื่อ”ศาลตัดสินลงโทษ”ไปแล้ว ต้องมี”ขบวนการ”ในการ”ปล่อยตัว”…..เรื่อง”การทำประมงรุกล้ำน่านน้ำ” ของ”ประเทศเมียนมา” ของ”ประมงไทย”ในความรู้สึกของ”ชาวประมง” ใน”จังหวัดระนอง” เขามองเป็นเรื่องธรรมดา เพราะการ”รุกล้ำ” เข้าไป”จับปลา” ใน”น่านน้ำ”ของ”ประเทศเมียนมา” มีการทำมา”ช้านาน” แล้ว โดยมีการ”จ่ายส่วย” ให้กับ”เจ้าหน้าที่”ของ”เมียนมา” สาเหตุที่มีการ”จับกุม” มีการ”ยึดเรือ” หรือ”ยิงเรือประมงไทย”ในแต่ละครั้งที่เกิดขึ้น ล้วนมาจากการ”ลักไก่” ของ”ประมงไทย” เช่น”จ่ายส่วย 10 ลำ “ และเข้าไป 20 ลำ อย่างนี้ คือ”สาเหตุ” ที่ถูก”จับกุม” เพราะ”หลบหนี”ไม่ทัน เรื่องนี้”ชาวประมง” รู้ดี และ”เจ้าหน้าที่ไทย” ทุกหน่วยไม่ว่าจะเป็น”ตำรวจ,ประมง,ตำรวจน้ำ,ทหารเรือ” และ”กอ.รมน.” ต่างรู้ดี เมื่อเกิดเรื่อง”ลูกเรือถูกจับ” และ”เรือถูกยึด” และผู้ที่ถูก”จับกุม” ถูก” สั่ง”จำคุก” จึง”ไม่มีใครกล้าพูด”ความจริง” เป็นเรื่องที่”กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” และที่ สำคัญ”ป้องกันไม่ได้” เพราะเป็นเรื่อง”เศรษฐกิจ-ปากท้อง” ของ”ชาวประมง” ที่ถ้ามัว”ลากอวน” ใน”น่านน้ำไทย” ก็มีแต่”ขาดทุน”…..
@เรื่องของการ”นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง” จากประเทศมาเลเซีย เพื่อ”ส่งขาย” ให้กับ”ประเทศที่สาม” เช่น” เมียนมา,สปป.ลาว,และ”กัมพูชา” ที่เรียกว่าการ”ทรานส์ซิสเส้นทาง” ทุกวันนี้มีการนำน้ำมัน”ดีเซล และ”เบนซิน” ผ่านทางด่านศุลกากรกร อำเภอสะเดา จ.สงขลา วันละไม่ต่ำกว่า 20 คันรถ ซึ่งเป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ แบบ 18 ล้อ และ 22 ล้อ หรือไม่ต่ำกว่า 1 ล้านลิตร ประเด็นปัญหาคือ “น้ำมันที่นำเข้าประเทศ” และผ่านพิธี”ศุลกากร” โดยการ”ทารนส์ซิสเส้นทาง” หรือ”ขอผ่านประเทศไทย” ไปยัง”ประเทศที่สาม” ส่วนหนึ่ง”ผ่านไม่จริง” มีการ”ส่งขายในประเทศไทย” ในพื้นที่ของ”ภาคกลาง” และ”ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ในอดีต เคยมีการ”จับกุม” และเคย”ตรวจพบ” ว่ามีการยื่น”ขอคืนภาษี” ทั้งที่”น้ำมัน”ที่”นำเข้า”ไม่ได้”ส่งออก” จริง เรื่องนี้”เจ้าหน้าที่” อย่าทำเป็น”ปิดตา” จน”มองไม่เห็น” เพราะเป็นความ”เสียหาย” ของ”ประเทศชาติ” ที่ต้อง แจ้งให้ “รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง” และ “อธิบดีกรมศุลกากร” ได้รับรู้ และให้มีการ”เข้มงวด” ทั้ง”ต้นทาง” ในการ”นำเข้า” และ”ปลายทาง” ในการ”ส่งออก” .….
@อีกเรื่อง สำหรับ”เมืองชายแดน” ไม่ว่าจะเป็น” อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา” หรือ”อำเภอเบตง จังหวัดยะลา” และ” อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส” นั้นคือเรื่องของ” เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง” หรือที่เรียกว่า”ด่านตรวจคนเข้าเมือง” ที่มีการ”เรียกร้อง” ทั้งจาก” นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ” ชาว มาเลเซีย –สิงคโปร์” ที่ต้องเจอกับ”พิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่ล่าช้า” โดยเฉพาะใน”วันหยุดราชการ” และ”เทศกาล” ต่างๆ ที่ผู้”เข้าเมือง” ต้องใช้เวลาในการ”ผ่านแดน”ตั้งแต่ 2 -3 ชั่วโมง และ คำตอบที่ได้จาก” เจ้าหน้าที่”คือ” บุคคลกร”มีไม่”เพียงพอ” และที่สำคัญ”คำตอบแบบนี้” ตอบมากว่า 10 ปีแล้ว วันนี้ ก็ยังตอบแบบนี้ ชาวบ้านร้านช่อง “เขาสงสัย” ว่า ในเมื่อหน่วยงานก็รู้ถึง”ปัญหา” และรู้ว่าความ”ล่าช้า” ที่น่า”เบื่อหน่าย”ทำไม่จึง”ไม่แก้ปัญหา” ทั้งที่รู้ว่า”นักท่องเที่ยว” และ”นักธุรกิจ”เหล่านี้เข้ามาเพื่อ”ใช้เงิน” ในประเทศไทย…..และอีกเรื่องคือ”ค่าล่วงเวลา” ทำไม”ตรวจคนเข้าเมือง” จึงเก็บอยู่หน่วยเดียว ในเมื่อทุก”หน่วยงาน” ที่ทำหน้าที ณ ด่านพรมแดน” และ”ณ “จุดตรวจ” ก็เป็น”ข้าราชการ”เหมือนกัน แต่ไม่มี”ค่าล่วงเวลา” เรื่องนี้”หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง” พร้อมที่จะ”สังคายนา” ตัวเองหรือยัง และ สุดท้ายเรื่อง”ช่องทางวีไอพี” สำหรับผู้ที่ต้องการ”ความสะดวก” และ”เร่งด่วน” ในการ”เข้าเมือง” มี”ขบวนการ”ที่เรียกว่า”หน้าม้า” เรียก”เก็บเงิน” หัวละ 100 บาท ถึง 300 บาท เป็นเรื่อง”จริง” หรือเรื่อง”เล่า” หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้อง”ตรวจสอบ…..
@ก็เป็นโชคดีของ”ห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่ไม่มีได้รับ ผลกระทบจากเหตุการณ์”แผ่นดินไหว” ทำให้”เทศกาลฮารีรายอ”ปีนี้ มี”ชาวมาเลเซีย” เป็นจำนวนมาก รวมทั้ง”คนไทย” ใน”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่ทำงานใน”ประเทศมาเลเซีย” เดินทางกลับบ้าน และมา”ท่องเที่ยว” ทั้งใน “อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา” และ”อำเภอเบตง จังหวัดยะลา”เป็นจำนวนมาก และหากไม่มีเหตุ”ก่อการร้าย” เกิดขึ้น เชื่อว่า”เทศกาลสงกรานต์” ปีนี้ ก็จะมี”นักท่องเที่ยว” จาก”มาเลเซีย”และ”สิงคโปร์” เข้ามา”สร้างเม็ดเงิน” ให้กับ”ผู้ประกอบการค้า การท่องเที่ยว ได้มากพอสมควร ที่บอกว่า”พอสมควร” เพราะ”วันนี้” ชาวมาเลเซีย” และ”สิงคโปร์” ยังเดินทางมา”เที่ยว” ใน”หาดใหญ่” และ”เมือง” อื่นที่เป็น”แหล่งท่องเที่ยว” มากก็จริง แต่การ”ใช้เงิน” กลับ”น้อยลง” และมี”วิธี” ในการ “กิน การเที่ยว” ที่”พึ่งพาตนเอง” ที่เห็นชัดคือ”อาชีพไกด์” หรือ”มัคคุเทศก์” กำลังจะ”ลดบทบาท”ลง และ”มีผู้”ตกงาน”แล้ว เป็นจำนวนมาก….แล้วพบกันใหม่ในวันศุกร์หน้า สวัสดีครับ
ไชยยงค์ มณีพิลึก
————————————————————–

บรรยายภาพ a1ตรวจเยี่ยม. พล.ท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมความเรียบร้อย การตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ เป็นหน้าที่ของชายไทยที่มีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ ซึ่งในปี 2568 นี้ กองทัพบกได้กำหนดให้เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ ระหว่างวันที่ 1 – 12 เมษายน 2568 พร้อมให้กำลังใจน้องๆ ที่มารายงานตัว เน้นย้ำการทำงานที่โปร่งใสของเจ้าหน้าที่ ปฏิบัติงานด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นไปตามนโยบายของกองทัพ ณ ที่ว่าการ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา

บรรยายภาพ a2ศิลาฤกษ์. เดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข เป็นประธาน วางศิลาฤกษ์ อาคารผู้ป่วยนอก รพ.สิงหนครส่วนหน้า อ.สิงหนคร จ.สงขลา และรีบมอบเงินและรีบมอบเงินจาก มูลนิธิดำรงค์ธรรม หาดใหญ่ เพื่อสนับสนุน การก่อสร้าง จำนวน 100,000 บาท ณ รพ.สิงหนครส่วนหน้า อ.สิงหนคร จ.สงขลา

บรรยายภาพ a3แลกเปลี่ยน. คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนโครงการ วุฒิสมาชิกสภาพบประชาชน กลุ่มภาคใต้ตอนล่างนำโดย กมล รอดคล้าย ประธานกรรมการและสมาชิกวุฒิสภา ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ณ ห้องประชุมหอการค้า จ.สงขลา และมอบของที่ระลึกให้ดับ ทรงพล จังศิริวัฒนธำรง ประธานหอการค้า จ.สงขลา

บรรยายภาพ a4บ้านหลังสุดท้าย. ณ ศาลเจ้าพ่อเสือ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทำพิธีส่งมอบโลงไทย ให้กับทางมูลนิธิแม่กอเหนี่ยวยะลา โดยรองประธานมูลนิธิฯ จิรวิทย์ แซ่เจ็ง และ ธนเทพ ฉันทอุทิศ พร้อมผู้ประสานงาน ร.ต.ท หญิงชญาภา เอียดเหลือ เป็นผู้ประสานงานกับรองประธานศาลเจ้าพ่อเสือ จำนวน 60 หลัง เข้าร่วมรับมอบ เพื่อนำส่งต่อ

บรรยายภาพ a5รับ-ส่ง หน้าที่. หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และ กองบังคับการควบคุมสุริโยทัย ดำเนินการจัดพิธีรับ-ส่งหน้าที่ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และ ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมสุริโยทัย ระหว่าง พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว (ท่านเก่า) และ พล.ต.ณรงค์ ตันติสิทธิพร (ท่านใหม่) โดยได้มีการลงนามในเอกสารรับ – ส่งหน้าที่ และส่งมอบการบังคับบัญชา พร้อมรับมอบธงประจำหน่วย โดยมี นายทหารสัญญาบัตร ผู้บังคับการกรมทหารพรานในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส และกำลังพลเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพียง ณ ฉก.นราธิวาส ต.กะลุวอ อ.เมือง. จ.นราธิวาส

บรรยายภาพ a6สร้างรอยยิ้ม. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ หัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้มอบไอศรีม ให้เด็กกำพร้า เด็กด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเป็นการแต่งเติมรอยยิ้มและสร้างความสุขให้เด็กในภาคใต้ได้เฉลิมฉลองในวันรายอวันอีฎิ้ลฟิตรี ประจำปี ฮิจเราะห์ศักราช 1446

บรรยายภาพ a7พบปะพูดคุย. ดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์ SME ไทย พร้อมด้วย ดร.นิรันดิ์เกียรติ ลิ่วคุณูปการ , อะหมัด รามันห์สิริวงศ์ กรรมการ บริหาร สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย / ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ จ.ยะลา ที่ปรึกษาสมาพันธ์ SME ไทย จ.ยะลา และพบปะพูดคุย กับ อัยมานน์ อับดุลลาเต๊ะ ประธานสมาพันธ์ SME ไทย จ.ยะลา คณะกรรมการสมาพันธ์ SME ไทย จ.ยะลา หารือแลกเปลี่ยน ประเด็นที่น่าสนใจ ร่วมต่อยอด SME ในพื้นที่ จ.ยะลา พร้อม สนับสนุนแหล่งฝึกประสบการณ์วิชาชีพให้กับนักศึกษาในพื้นที่ จ.ยะลา ณ บริษัทมายด์ ฟู้ด คอร์ปอเรชั่น จำกัด สำนักงานใหญ่ อ.เมือง จ.ยะลา

บรรยายภาพ a8รับมอบ. เจริญกิจ มีศิริ กลุ่มเครือข่ายมะพร้าวน้ำหอมคาบสมุทรสทิงพระ เป็นตัวแทนรับมอบเครื่องเจาะลำต้นมะพร้าว จาก. ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.เขต 4 สงขลาเพื่อใช้ กำจัดหนอนหัวดำที่ทำลายมะพร้าวน้ำหอมอยู่ในขณะนี้ ณ สวนมะพร้าวหมู่ที่ 5 ต.บ่อแดง. อ,สทิงพระ จ.สงขลา
/////////////////////////////////////////////

บรรยายภาพ a9ตรวจสอบ สรรเพชญ บุญญามณี สส. เขต 1 สงขลา ได้ลงพื้นที่พร้อมกับ นพ.สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา, นพ.รัตนพล ล้อประเสริฐกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลา และทีมวิศวกรคุมงานของทางบริษัทและโรงพยาบาลสงขลา เพื่อตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ รพ.สงขลา หลังได้รับร้องเรียนจากประชาชนเรื่องความกังวลด้านความปลอดภัยของโครงการ
/////////////////////////////////////

บรรยายภาพ a10เปิดงาน. ครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นประธานเปิดงานการบูระณาการในการกำจัดหนอนหัวดำที่กำลังระบาดกับมะพร้าวน้ำหอมในคาบสมุทรสทิงพระณสวนมะพร้าวหมู่ที่ 5. ต.บ่อแดง. อ. สทิงพระ จ.สงขลา

บรรยายภาพ a11ค่าความเค็ม, ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.เขต 4. สงขลา. ลงพื้นที่ตรวจค่าความเค็มบริเวณโรงสูบน้ำคลองหนัง ต, คลองรี อ. สทิงพระ จ.สงขลาพร้อม ผอ.ชลประทานระโนด จ.สงขลา

บรรยายภาพ a12วันยางพารา. ณ ลานอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ มหิศรภักดี จังหวัดตรัง ทรงกลด สว่างวงศ์ ผวจ.ตรัง พร้อมด้วย ฉัตรชัย ธนาวุฒิ ผช.ผอ.การยางแห่งประเทศไทยเขตภาคใต้ตอนกลาง เจษฎา จิตรหลัง ผอ,การยางแห่งประเทศไทยจังหวัดตรัง นิวรณ์ แสงวิสุทธิ์ รองนายกเทศมนตรีนครตรัง ร่วมแถลงข่าววันยางพาราแห่งชาติ ปี 2568 “เชิดชูพระยารัษฎาฯ บิดายางพาราไทย” จัดงานวันยางพาราแห่งชาติ ปี 2568 ระหว่างวันที่ 6 – 10 เมษายน 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. ณ บริเวณลานสรรพสินค้าโรบินสันตรัง

บรรยายภาพ a13ประชุมใหญ่. ณ โรงแรมธรรมรินทร์ธนา อ.เมืองตรัง จ.ตรัง พจท. อนันต์ บุญสำราญ รอง ผวจ.ตรัง เป็นประธานที่ประชุม การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 ของหอการค้าจังหวัดตรัง โดยมี สลิล โตทับเที่ยง รักษาการประธานหอการค้าภาคใต้, สุธรรม เศรษฐพิศาล ประธานหอการค้าจังหวัดตรัง หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกหอการค้าจังหวัดตรัง YEC Trang และสื่อมวลชนจังหวัดตรัง เข้าร่วมประชุม มติในที่ประชุม เสนอ สุธรรม เศรษฐพิศาล ให้ดำรงตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดตรัง อีกสมัย ซึ่งเป็นสมัยที่ 2

บรรยายภาพ a14ป้องกันทุจริต. ป.ป.ช.ตรัง พบ ประธานชุมชน ผู้นำสตรี ทุกเทศบาล ก่อนการเลือกตั้ง บัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.ตรัง พร้อมด้วยกลุ่มงานป้องกันการทุจริต จัดประชุมการปักหมุดพื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริตเลือกตั้ง ของเจ้าหน้าที่รัฐ ในพื้นที่จังหวัดตรัง เพื่อชี้ให้เห็นโทษของการซื้อเสียงหรือการที่เจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้นำต่างๆเข้าไปมีส่วนร่วมในการซื้อเสียง โดยมีคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง และกรรมการชมรมตรังต้านโกง รวมทั้งสิ้น 200 คน ณ ห้องประชุมนครินทร์ 2 โรงแรมเรือรัษฎา อ.เมืองตรัง จ.ตรัง

บรรยายภาพ a15เลือกตั้ง. เทศบาลตำบลรือเสาะ กำหนดให้มีการรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลรือเสาะ ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม – 4 เมษายน 2568 เวลา 08.30 น. – 16.30 น. โดยมี อับดุลราซิ ลอแม ปลัดเทศบาลตำบลรือเสาะ เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลตำบลรือเสาะ ,นิวัน นิโซ๊ะ และ อับดุลฟัตต๊ะห์ มะตอเห กรรมการการเลือกตั้งประจำเทศบาลตำบลรือเสาะ โดยในวันนี้มีผู้มาสมัครรับเลือกตั้ง จำนวน 13 ราย ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

บรรยายภาพ a16ร่วมงาน. ซูการ์โน มะทา เลขาธิการพรรคประชาชาติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดยะลา พร้อมด้วย ฟาฮัด มะทา ผู้ช่วยดำเนินงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าแวะทักทายกลุ่มเยาวชน Pemuda ที่บ้านจือแรจือเบาะ ต.กาตอตือระ อ.รามัน จ.ยะลา ที่กำลังตั้งด่าน เปิดรับบริจาคเพื่อขอสนับสนุนงานตาดีกา(ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด)ในพื้นที่ต่อไป

บรรยายภาพ a17บริจาคทาน. อะหมัด รามันห์สิริวงศ์ กรรมการ บริหารสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย / ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ประจำจังหวัดยะลา ลงพื้นที่ และ มอบหมายให้ ผู้ใหญ่บ้าน-ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มอบเงินศอดะเกาะฮ์ (บริจาคทาน) จำนวนหนึ่ง ให้กับคนเฒ่า-คนแก่-คนยากไร้ เนื่องในวันรายออีฎิ้ลฟิตรี ประจำปี ฮิจเราะห์ศักราช 1446 จำนวน 12 ราย ณ บ้านสะโต หมู่ที่ 5 ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา