ผ่านไป 55 ปี ทีมชาติอังกฤษ ล้างอาถรรพ์ได้หลายอย่าง แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถป่ายปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุด และการรอคอยก็ยังต้องดำเนินต่อไปอย่างไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่

ตรงข้ามกับ อิตาลี ที่การรอคอย 53 ปี เพื่อแชมป์ยูโรสมัยที่ 2 ได้สิ้นสุดลงแล้ว โรแบร์โต มันชินี และลูกทีม สมควรทุกประการที่จะได้รับเกียรติยศครั้งนี้

วันนี้ เรามีสรุปประเด็นจากสิ่งที่เห็นในรอบชิงชนะเลิศ ที่เวมบลีย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ให้อ่านกัน

1) ช้ำเพราะจุดโทษอีกครั้ง

เมื่อการต่อสู้ในสนามไม่สามารถตัดสินผู้ชนะได้ เกมจึงต้องไปตัดสินกันที่ของแสลงของอังกฤษอย่างการยิงจุดโทษอีกครั้ง และมันก็เป็นอีกครั้ง ที่พวกเขาต้องผิดหวัง

อังกฤษ ชนะแค่ 22% หรือ 2 จาก 9 ครั้ง ในการดวลจุดโทษรายการเมเจอร์ และถือว่าน้อยที่สุดกว่าทุกชาติในยุโรป ที่เคยยิงจุดโทษตัดสินอย่างน้อย 3 ครั้ง

ในการยิงจุดโทษ อะไรก็เกิดขึ้นได้ โชคชะตาฟ้าลิขิต ก็มีส่วนเยอะ แต่คำถามคือการเลือกคนไปยิงของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่หลายคนไม่เข้าใจ

โดยเฉพาะการให้เด็กหนุ่มอายุแค่ 19 ปีอย่าง บูกาโย ซากา ยิงเป็นคนสุดท้าย และให้ตัวสำรองที่แทบจะยังไม่โดนบอลอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ เจดอน ซานโช เป็น 2 ใน 5 คนแรก

เซาธ์เกต อาจจะไม่ไว้ใจ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่มีพลาดให้เห็นหลายครั้ง แต่อย่างน้อย ประสบการณ์ และการควบคุมสติก็น่าจะดีกว่า ซากา

ขณะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน อีกตัวเก๋า ก็วุฒิภาวะสูง ก็ถูกเปลี่ยนออกท้ายเกม ทั้งที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลง ทำให้หมดสิทธิยิง

เหล่านี้ จึงเป็นคำถามที่แฟนหลายคนไม่เข้าใจ

2) เริ่มต้นดี แต่สุดท้ายแพ้

อังกฤษ ออกสตาร์ทเหมือนฝัน ลุค ชอว์ ยิงนำตั้งแต่ไม่ถึง 2 นาทีแรก รูปเกมหลังจากนั้น ก็เหมือนจะเข้าทาง ทำอะไรก็ดูดีไปหมด โดยการเข้าทำหลักคือถอย แฮร์รี เคน ลงมาเอาบอล แล้วจ่ายบอลออกซ้าย-ขวาให้เพื่อน

กลายเป็น อิตาลี เอง เสียอีก ที่เหมือนมึนๆ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แนวรับที่แข็งแกร่งดูรวนเรพิกล ขณะที่เกมรุกก็แทบจะถูกตัดออกจากเกม

การตัดสินใจเลือกแท็คติก เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 3 คนของ เซาธ์เกต จึงดูจะเวิร์คมากในครึ่งแรก และมันก็ทำให้พวกเขาได้เปรียบใน 45 นาทีแรก

แต่การนำเร็ว อาจทำให้เกมแพลนของอังกฤษเปลี่ยนไป เพราะพวกเขาได้ประตูที่ต้องการแล้ว จึงลงไปตั้งรับเป็นหลัก ซึ่งแม้หลายเกมก่อนหน้านี้จะทำได้ แต่ไม่ใช่เกมกับ อิตาลี นัดนี้

ยิ่งครึ่งหลัง เหมือนกับ เซาธ์เกต สั่งให้รับเต็มตัว โอกาสบุกแทบไม่มี อิตาลี จึงได้ใจ เล่นด้วยควาอดทน โรแบร์โต มันชินี ลองสูตรแล้วสูตรเล่าเพื่อทำให้ได้ประตู จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ

และตัวที่ มันโช เปลี่ยนลงมา ก็คือ ไบรอัน คริสตานเต นั่นแหละที่มีส่วนกับประตู เพราะเป็นคนโหม่งชงที่เสาแรก จากจังหวะเตะมุม ก่อนจะเป็น เลโอนาร์โด โบนุชชี ซ้ำที่เสา 2 เข้าไป

จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายเหมือนกันที่ เซาธ์เกต ไม่เลือกเล่นเหมือนเดิมตั้งแต่แรก และเน้นรับเกินไปจนทำนบแตก

3) สุดยอดแท็คติกของ มันโช

ปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ อิตาลี กลับมาได้ และบดบี้จนเอาประตูทีมที่เหนียวอย่าง อังกฤษ ได้ ก็คือ โรแบร์โต มันชินี ยอดกุนซือจอมวางหมาก

ถึงเสียประตูไปก่อนเร็ว แต่ อิตาลี ไม่มีตระหนก พวกเขาอาจจะดูติดขัดไปหมดอยู่ช่วงใหญ่ แต่ก็ค่อยๆเล่นไป บดไปเรื่อยๆ จนมีโอกาส ใกล้เคียงบ้าง ห่างไกลบ้าง ก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้จบ

ที่สำคัญคือ ถึงเกมรุกจะยังทำไม่ได้ แต่ส่วนอื่นของสนาม อิตาลี ครอบครองได้หมด ทั้งแดนกลาง และวิงแบ๊ก ที่บีบสูงจนเกมแพลนของ เซาธ์เกต ที่จะใช้ คีแรน ทริปเปียร์ กับ ลุค ชอว์ 2 วิงแบ๊ก เป็นตัวหลักในการเข้าทำ เติมเกมไม่ได้ตามถนัด

เอเมอร์สัน และ โจวานนี ดิ ลอเรนโซ แบ๊ก 2 ข้างของอิตาลี อาจไม่ได้มีเกมที่โดดเด่น แต่พวกเขาทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ จนปิดเกมริมเส้นอังกฤษได้มิด

เช่นเดียวกับ คู่มิดฟิลด์ จอร์จินโญ และ มาร์โก แวร์รัตติ ที่โชว์คลาสให้เห็นว่าเหนือกว่า ดีแคลน ไรซ์ กับ คัลวิล ฟิลลิปส์ อยู่หลายขุม

แถมคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ จอร์โจ คิเอลลินี กับ เลโอนาร์โด โบนุชชี ก็เก๋าขนาดซือแป๋เรียกพี่ บีบพื้นที่ขึ้นมาจนถึงกลางสนาม ทำให้ตัดบอลได้เร็ว เอาบอลให้เพื่อนไปเล่นต่อได้ทันที

ทั้งหมดเกิดจากมันสมองของ มันชินี และทีมงานล้วนๆ พวกเขาจึงสมควรได้เครดิตไปเต็มๆ

4) อนาคตที่สดใดรออยู่

ทั้งผู้ชนะอย่าง อิตาลี และผู้แพ้อย่าง อังกฤษ ยังมีอนาคตที่สดใสรออยู่

ทีมแชมป์ แน่นอน พวกเขาไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ดีด้วยตัวเองจริงๆ และด้วยฝีมือการทำทีมของ มันโช เชื่อว่า พวกเขายังดีขึ้นกว่านี้ได้ด้วยซ้ำ ในฟุตบอลโลก ปีหน้า ที่กาตาร์ อัซซูรี จึงน่ากลัวมาก

อังกฤษ แม้จะแพ้ แต่ก็ทรงดี นักเตะยังอายุน้อย และศักยภาพสูงหลายคน เซาธ์เกต มีแนวทางที่ชัดเจน ถ้าหาก เอฟเอ เชื่อว่าถูกต้อง ยังเชื่อมั่นให้เขาทำทีมต่อไป พวกเขาจะยังคงเป็นอีกทีมที่อันตราย

และอาจจะอันตรายขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ ในฟุตบอลโลก ปีหน้า เพราะนักเตะเหล่านี้จะแข็งแกร่งขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น ผ่านอุปสรรคมากขึ้น พวกเขาจึงจะเป็นนักเตะที่ดีขึ้นแน่นอน

ยิ่งกับประสบการณ์เลวร้าย และความผิดหวังอย่างรุนแรงในวันนี้ อาจทำให้สิงโตบาดเจ็บตัวนี้ น่ากลัวขึ้นอีกหลายเท่าก็เป็นได้?