เดลินิวส์เกมมิ่ง รีวิวเกม DOOM: The Dark Ages ผลงานใหม่จากซีรีส์ดังของ id Software ที่จะพาผู้เล่นไปสัมผัสกับ ‘ยุคกลางที่แสนมืดมน’ ไปพร้อมกับเรื่องราวของ Doom Slayer ผู้เป็นตำนานนักปราบปีศาจที่มาพร้อมโล่และอาวุธแบบใหม่ ก่อนเกมจะเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการในประเทศไทย วันที่ 15 พฤษภาคม 2025 นี้

DOOM: The Dark Ages เป็นเกมแนว FPS Shooter ภาคใหม่ล่าสุดจากซีรีส์ DOOM ที่พัฒนาโดย id Software และจัดจำหน่ายโดย Bethesda Softworks มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2025 บน PlayStation 5, Xbox Series X/S และ PC หรือจะสามารถสมัครสมาชิก Xbox Game Pass แล้วไปเล่นตั้งแต่วันแรกได้เช่นกัน

เนื้อเรื่องของเกมนี้ จะเป็นเรื่องราวก่อนเหตุการณ์ในเกม DOOM (2016) โดยจะเน้นนำเสนอเรื่องราวของ Doom Slayer ในยุคที่เขายังเป็นอาวุธของเทพเจ้าและกษัตริย์และถูกควบคุมโดย Kreed Maykr ผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า “Tether” ในขณะที่สงครามระหว่าง Night Sentinels และกองทัพนรกดำเนินไป Prince Ahzrak ผู้นำของนรกได้พยายามค้นหา “Heart of Argent” เพื่อใช้ในการทำลาย Doom Slayer แต่ด้วยความร่วมมือของเขาและ King Novik ก็ทำให้พวกเขาสามารถปกป้องหัวใจดวงนี้ไว้ได้ (ในตอนนี้…)

สำหรับการรีวิวในครั้งนี้ เราได้ทดลองเล่นมาโดยประมาณ 20 ชั่วโมง ส่วนสเปก PC ที่เราใช้ทดสอบ จะมีดังนี้

– CPU: Intel Core i5-13500

– RAM: 32GB

– GPU: MSI GeForce RTX 5070 Ti 16G VENTUS 3X OC

ในส่วนของกราฟิกและเสียง ตัวเกมได้รับการยกระดับด้วยขุมกำลังเอนจิน id Tech 8 ที่ให้ภาพกราฟิกที่สวยงามและสมจริง พร้อม Finishing Move ซึ่งผสมผสานดนตรีแนวเมทัลกับองค์ประกอบยุคกลางและภาพได้อย่างลงตัวเป็นทุนเดิมที่ผู้สร้างเกมได้ส่งตรงให้ผู้เล่น ก็ทำให้ประสบการณ์ในการเล่น DOOM: The Dark Ages นั้นมีมิติของความดุดันและสมจริงมากกว่าเกมภาคก่อนหน้าอย่าง DOOM (2016) และ DOOM: Eternal

ผู้เล่นยังสามารถเสริมประสิทธิภาพในการเล่นเหล่านี้ด้วยการ์ดจอ MSI GeForce RTX 5070 Ti 16G VENTUS 3X OC ที่จะยกประสิทธิภาพของเทคโนโลยี DLSS 4 Multi Frame Generation โดยกับเกมนี้ ผู้เล่นสามารถปรับประสิทธิภาพของ Frame Generation ได้มากถึง 4 เท่า ทำให้ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่คมชัด เข้าถึงความดิบเถื่อน และมีอัตราเฟรมที่วิ่งสูงอยู่ตลอดเวลา หรือจะเสริมด้วยฟีเจอร์ DLAA (Deep Learning Anti-Aliasing) ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดีในการลดรอยหยักของภาพ ทำให้มีความคมชัดขึ้น โดยทั้งสองฟีเจอร์สำคัญนี้ได้รับการยกระดับด้วยระบบ Advanced AI ของ NVIDIA GeForce RTX นั่นเอง

สำหรับการ์ดจอ RTX 5070Ti เราได้อัตราเฟรมประมาณ 250+ เมื่อปรับพรีเซตทุกอย่างเป็น Ultra รวมถึงเปิด Frame Generation และ DLSS แบบ Quality ไปด้วย ส่วนการเปิดพรีเซตระดับ Ultra Nightmare + Frame Generation และ DLSS แบบ Quality หรือ DLAA จะได้อัตราเฟรมประมาณ 200+ เกือบตลอดทั้งเกม แต่ถ้าหากปิด Frame Generation ไป อัตราเฟรมจะเหลือโดยเฉลี่ย 100+ เท่านั้น!

ด้วยรายละเอียดกราฟิกที่ได้รับการยกระดับมากขึ้น ก็จะทำให้ประสิทธิภาพของการเรนเดอร์ของพีซี (Performance) ทำงานหนักขึ้นเช่นกัน ดังนั้น การจะเล่นเกมนี้อย่างไหลลื่นและได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด ก็ควรเลือกใช้สเปกพีซี “ขั้นแนะนำ” ของเกม และสำหรับผู้ใช้การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX ทุกรุ่น ก็ขอแนะนำให้เปิดฟีเจอร์ Frame Generation ไว้ด้วย เพื่อให้เกมสามารถเรนเดอร์อัตราเฟรมสูงสุดได้

ในส่วนของเกมเพลย์ ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การต่อสู้ที่เน้นการต่อสู้ระยะประชิดและการป้องกัน รวมถึงการโต้กลับมากขึ้น ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Doom Slayer ที่มีอาวุธใหม่อย่าง “Shield Saw” ซึ่งสามารถใช้ป้องกัน โจมตี ปาใส่ศัตรู และปัดป้องการโจมตีได้ตามสถานการณ์ นอกจากนี้ ยังมีอาวุธระยะประชิดอื่น ๆ ที่เพิ่มเข้ามาภายในเกม เช่น

Flail: อาวุธโซ่เหล็กที่มีลูกตุ้มหนาม

Gauntlet: ถุงมือไฟฟ้าที่สามารถช็อตศัตรู

Mace: ค้อนหนามที่มีพลังทำลายสูง

แล้วยังมีอาวุธระยะประชิดและระยะไกลอีกมากมายให้ผู้เล่นได้สัมผัส พร้อมกับมีระบบ ‘อัปเกรด’ ที่จะมีตัวเลือกแตกต่างกันตามสไตล์ของผู้เล่น หรือคุณสมบัติพิเศษที่เป็นทางเลือกให้กับผู้เล่นด้วย

เท่านั้นยังไม่พอ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ยังมีระบบ Parry ที่ให้ผู้เล่นสามารถปัดป้องและโต้กลับการโจมตีของศัตรูได้ รวมถึงยังมีมิติใหม่ ๆ ในการเล่นด้วยการให้ผู้เล่นสามารถขี่ มังกรไซเบอร์ ที่มีอาวุธครบมือ โดยผู้เล่นยังสามารถใช้มังกรเพื่อสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ รอบดินแดนได้ โดยรวมนั้นตัวมังกรอาจยังขาดความหลากหลายในการใช้งานอยู่บ้างแต่มันก็ทำให้ผู้เล่นสามารถสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการท่องโลกของเกมได้

นอกจากนี้ ผู้เล่นยังสามารถควบคุมหุ่นยนต์ยักษ์ Atlan ที่มีความสูงเท่าตึก 30 ชั้น เพื่อใช้ต่อสู้กับ ‘บอส’ ขนาดใหญ่ กลายเป็นอีกหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ผู้พัฒนาเกมต้องการให้ผู้เล่นสัมผัสกับความเป็น “Doom Slayer” ในร่างยักษ์ ไปปราบปีศาจระดับไททันด้วยอาวุธหนักและความดุดัน

ส่วนแผนที่ในเกมนี้ จะมีขนาดใหญ่ที่สุดในซีรีส์ DOOM โดยมีทั้งฉากปราสาทพังทลาย ป่ามืด ดินแดนนรก ผู้เล่นสามารถสำรวจพื้นที่เหล่านี้เพื่อค้นหาความลับ ไอเทม อัปเกรดอาวุธ และปลดล็อกความสามารถใหม่ ๆ ได้ด้วย

สำหรับความยากของเกมนี้ จะมีระดับความยากที่ไม่แตกต่างจากภาคก่อน ๆ ของซีรีส์มากนัก แต่ด้วยสไตล์ของเกมที่เน้นการโจมตีระยะประชิดมากขึ้น ผู้เล่นก็จำเป็นที่จะต้องใช้ความดุดัน (Aggression) และไหวพริบ (Reflex) ในการเล่นมากขึ้นในความยากทุกระดับ แต่ตัวเกมก็ยังมีการเพิ่มระบบ Accessibility ใหม่ ๆ เข้ามา เพื่อให้ผู้เล่นสามารถปรับสไตล์การเล่นของตัวเองให้เหมาะสมได้ยิ่งขึ้น เช่น ปรับสปีดของเกม การโต้ตอบกับโล่ ตัวช่วยการใช้อาวุธต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้เล่นปรับสไตล์การเล่นให้เข้ากับตัวเองได้มากขึ้น

ข้อดี (Pros) ของเกมนี้ คือการยกระดับที่มีความดุดัน ดิบเถื่อนมากขึ้น ระบบการเล่นทำความเข้าใจได้ง่าย ไม่ซับซ้อน สามารถปรับบางตัวเลือกให้เข้ากับสไตล์การเล่นของตัวเองได้ ส่วนในด้านการสำรวจพื้นที่ แม้ว่าตัวเกมจะไม่ได้เป็นแบบ Open World แต่ผู้เล่นก็สามารถสำรวจหาปริศนา ความลับ พร้อมกับได้รางวัลสุดพิเศษมาตอบแทนด้วย และที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ระบบภาพและเสียงของเกมนี้มีความเป็นซินีมาติก ทำให้ผู้เล่นรู้สึกเร้าใจอยู่ตลอดเวลาในการต่อสู้และเข้าคัตซีนต่าง ๆ

ข้อเสีย (Cons) ของเกมนี้ คือการที่ไม่มีระบบ Fast Travel ให้ใช้งาน เมื่อเทียบกับพื้นที่ใหญ่ของเกมที่มีเส้นทางให้สำรวจมากมาย ทำให้ผู้เล่นบางคนอาจต้องย้อนกลับไป Checkpoint หรือรีสตาร์ท Chapter บางส่วนใหม่เอง หากพลาดที่จะสำรวจเส้นทางในบางจุด ส่วนเรื่องการบังคับมังกรและหุ่นยนต์นั้นยังขาดความหลากหลายและความท้าทายในช่วงหลัง ๆ ทำให้ผู้เล่นอาจเบื่อหน่ายเป็นบางช่วง ส่วนใครที่เพิ่งเคยเล่นเกมนี้ ก็อาจไม่เข้าใจเรื่องราวบางอย่างในจักรวาล DOOM เพราะมันเป็นการเริ่มเล่าจากเรื่องราวก่อนหน้าของเกมล่าสุดทั้ง 2 ภาค (DOOM และ DOOM: Eternal)

9/10

“ด้วยสไตล์การเล่นที่เน้นการต่อสู้ระยะใกล้และความรวดเร็วมากขึ้น บวกกับเนื้อหาที่เน้นความ Blood and Gore มากกว่าภาคก่อน ๆ ทำให้มาตรฐานของแฟรนไชส์ DOOM ได้รับการยกระดับขึ้นอีกครั้ง!”

——————————————–
THE GAMER LIFE / Dailynews Gaming Exclusive Content
คอลัมน์โดย: ภาริช ต่อพิมาย (FLINT)
ติดตามเรื่องราวเจาะลึกชีวิต ไลฟ์สไตล์ คัลเจอร์ในโลกของเกมได้ที่: THE GAMER LIFE