แม้ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลาง สั่งระงับคำสั่งแบนมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเป็นการชั่วคราว แต่ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการต่อสู้ทางอุดมคติในวงกว้าง ต่อโครงการที่ดำเนินมานานหลายสิบโครงการ ซึ่งออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความหลากหลาย และความร่วมมือทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนขยายอิทธิพลของสหรัฐในกระบวนการ
นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่สอง เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา เขาได้ตัดความช่วยเหลือต่างประเทศอย่างมาก รวมถึงยกเลิก หรือลดขนาดโครงการวิจัยของมหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ “ภาวะสมองไหล” หรือการที่แรงงานทักษะและผู้เชี่ยวชาญของประเทศ อพยพไปยังประเทศอื่น
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังโจมตีสื่อต่าง ๆ ตลอดจนสถาบันทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบางแห่งของสหรัฐ เช่น พิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน และในช่วงต้นเดือน พ.ค. เขาขู่ว่าจะปรับขึ้นภาษีในอัตรา 100% กับภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐ
แนวคิดของ “ซอฟต์พาวเวอร์” หรืออำนาจอ่อน ได้รับการประกาศครั้งแรกเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1980 โดยนายโจเซฟ นาย นักรัฐศาสตร์ผู้ล่วงลับ ซึ่งให้คำจำกัดความไว้ว่าเป็นความสามารถของประเทศในการบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการด้วยการดึงดูด ไม่ใช่การบังคับ การจ่ายเงิน หรือการใช้กำลัง
แต่ในสายตาของบรรดานักวิจารณ์ทรัมป์ แนวคิดซอฟต์พาวเวอร์ถือเป็น “ขั้วตรงข้าม” กับสิ่งที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบันทำสำเร็จ ซึ่งสงครามการค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และการโจมตีพันธมิตรระหว่างประเทศ สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของสหรัฐ หรือแม้กระทั่งส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศ
จริงอยู่ที่คำตัดสินของผู้พิพากษารัฐบาลกลาง ช่วยหยุดการบังคับใช้คำสั่งแบนมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ชั่วคราว แต่การดำเนินการของทรัมป์ที่มีต่อมหาวิทยาลัยแห่งนี้ สร้างความหวาดกลัวต่อแวดวงวิชาการของอเมริกาและทั่วโลก
ขณะที่สหรัฐและจีน กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อชิงอิทธิพลระดับโลก รัฐบาลปักกิ่งก็ตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวล่าสุดต่อมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอย่างรวดเร็ว
“จีนแสดงจุดยืนคัดค้านอย่างต่อเนื่อง สำหรับการทำให้ความร่วมมือด้านการศึกษากลายเป็นเรื่องการเมือง” กระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุในแถลงการณ์ พร้อมกับเสริมว่า การดำเนินการของสหรัฐมีแต่จะทำให้ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของตนเองในระดับโลกต้องเสื่อมเสีย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของทรัมป์ยืนกรานว่า มหาวิทยาลัยหลายแห่งในอเมริกา เช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กลายเป็นแหล่งบ่มเพาะกลุ่มหัวรุนแรงฝ่ายซ้าย และมหาวิทยาลัยเหล่านี้ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลไปกับการส่งเสริมความหลากหลายและความครอบคลุม “โดยเปล่าประโยชน์”.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP