หลายคนคงจะสงสัยกันอยู่ไม่ใช่น้อย กับการใช้ยางรถยนต์ ที่คงเคยได้ยินกันมาบ้างว่า ต้องเปลี่ยนยางรถยนต์ทุก 2 ปี หรือที่ระยะทาง 50,000 กิโลเมตรจริงหรือไม่? แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น มันเป็นแค่คำแนะนำเบื้องต้นเพียงเท่านั้น ซึ่งการที่เราใช้อายุ-ระยะทาง มาบอกว่ายางเสื่อมสภาพนั้นถือว่าไม่ถูกต้องเสียทีเดียว แม้แต่ผู้ผลิตยางชั้นนำบางรายยังการันตีรับประกันสิ้นค้าถึง 4 ปี นับจากเปลี่ยนยาง (ไม่ใช่วันผลิต) ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้ยางรถยนต์เสื่อมสภาพนั้นมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักรถ พื้นถนนที่ใช้วิ่ง สภาพอากาศ แรงดันลมยาง ความเร็วในการขับขี่ ฯลฯ
อันที่จริงแล้ว “สภาพดอกยาง” สามารถใช้งานได้จนกระทั่งดอกยางสึกหรอเหลือต่ำสุด 1.6 มิลลิเมตร สังเกตง่าย ๆ ได้จาก จุดสามเหลี่ยมเล็ก ๆ 6 จุดบนไหล่ยางแต่ละด้านเมื่อเจอสัญลักษณ์นี้แล้ว ให้มองตรงขึ้นไป ที่หน้ายาง และมองลึกลงไปที่ร่องดอกยาง ก็จะพบสันนูนที่ร่องยาง ซึ่งเรียกว่า สะพานยางและเมื่อไหร่ที่ดอกยางสึก ไปถึงสะพานยาง นั่นแสดงว่ายางหมดอายุการใช้งาน

ข้อควรรู้
-“ลักษณะยาง” ถึงแม้ยางไม่หมดอายุแต่เกิดการบวมล่อนขึ้น บริเวณส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น ที่หน้ายาง หรือ ไหล่ยาง ก็ควรเปลี่ยนใหม่ทันทีเช่นกัน เพราะหากยังใช้ต่อไป ยางอาจระเบิดได้
-“บาดแผลบนยาง” ถ้าเกิดบาดแผลขึ้น โดยแผลนั้นมีความลึกไปถึงโครงสร้างยางภายใน และมีความกว้างของบาดแผลมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผลบริเวณแก้มยาง ห้ามทำการปะซ่อมและนำมาใช้งานเด็ดขาด ควรเปลี่ยนยางใหม่โดยด่วนทันที
-“สภาพเนื้อยาง” เนื้อแข็ง และกระด้างไม่มีความยืดหยุ่น ทดสอบง่าย ๆ โดยใช้เล็บจิกลงบนเนื้อของหน้ายางเก่า ถ้าใกล้หมดสภาพแล้วมักแทบจิกไม่ลงครับ..