หลังจากการประกาศให้ปี 2568 เป็น “ปีแห่งครอบครัว” ของตุรกี เออร์โกดันกล่าวเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ว่าปี 2569 จะเป็นจุดเริ่มต้นของ “ทศวรรษแห่งครอบครัว” ทว่าการร้องขอให้ผู้หญิงมีบุตรอย่างน้อย 3 คน และการเสนอสิ่งจูงใจทางการเงินสำหรับคู่บ่าวสาวที่เพิ่งแต่งงาน อาจไม่เพียงพอ เนื่องจากตุรกีเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจที่รุนแรงยิ่งขึ้น


ตัวเลขอย่างเป็นทางการเผยให้เห็นว่า อัตราการเกิดของตุรกี ลดลงจากเด็ก 2.38 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคน เมื่อปี 2544 เหลือเด็ก 1.48 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคน ในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าอัตราการเกิดในฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร หรือสหรัฐ และเออร์โกดันกล่าวว่า แนวโน้มข้างต้นถือเป็น “หายนะ”


ในช่วงเวลา 22 ปีที่เออร์โดกันดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี อัตราการเจริญพันธุ์ในตุรกี ซึ่งมีประชากรราว 85 ล้านคน ลดลงอย่างรวดเร็ว โดยเขากล่าวโทษทั้งผู้หญิงและ “พวกโรคจิตวิตถาร” หรือกลุ่มคนเพศทางเลือก


นางเบอร์ริน ซอนเมซ นักวิชาการที่เกษียณอายุ และนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรี กล่าวว่า ผู้หญิงและบุคคลในกลุ่มความหลากหลายทางเพศ ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการเพียงกลุ่มเดียว ที่ทำให้อัตราการเติบโตของประชากรในตุรกีลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ในทางกลับกัน เออร์โดกันไม่เคยยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดทางการเมือง


“ผู้คนอาจลังเลที่จะมีบุตรในสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายและไม่แน่นอนเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ตุรกีแทบไม่มีค่าเลี้ยงดูบุตรเลย และการศึกษากลายเป็นภาคส่วนที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่สุด” ซอนเมซ กล่าวเพิ่มเติม

แม้ข้อมูลอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อของตุรกีที่พุ่งสูงในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาสูงขึ้นมากกว่า 70% เมื่อปีที่แล้ว และอัตราการว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาวอยู่ที่ 37.5% แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลอังการา จะให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาอื่น ๆ เช่น การจำกัดการผ่าตัดคลอดบุตรแบบวางแผนล่วงหน้า


อนึ่ง เออร์โดกันกล่าวเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลตุรกีจะมอบเงินสูงสุดถึง 150,000 ลีรา (ราว 125,000 บาท) โดยไม่มีดอกเบี้ย ให้กับคู่บ่าวสาวที่เพิ่งแต่งงาน และมอบความช่วยเหลือทางการเงินอีก 5,000 ลีราต่อเดือน (ราว 4,163 บาท) สำหรับบุตรคนที่สามขึ้นไป


อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงชาวตุรกีบางคนยืนกรานว่า พวกเธอมีสิทธิเลือกที่จะไม่มีบุตร แต่การเข้าถึงการทำแท้งในตุรกีกลับเป็นเรื่องยาก มิหนำซ้ำ ทางการยังต้องการจำกัดการผ่าตัดคลอดบุตร ซึ่งมันเข้าข่าย “การกดขี่ผู้หญิง” พร้อมกับเสริมว่า เออร์โดกันพยายามเปลี่ยนผู้หญิงให้กลายเป็น “เครื่องจักรคลอดบุตร”


ทั้งนี้ ซอนเมซกล่าวว่า ผู้หญิงชาวตุรกีต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล ทั้งจากภายในครอบครัว และภายในสังคม ขณะที่ปัญหาเร่งด่วนยิ่งกว่านั้นคือ ความจำเป็นในการจัดการกับความรุนแรงทางเพศ


“เราต้องเริ่มต้นด้วยการต่อสู้กับความรุนแรงต่อผู้หญิง ซึ่งนโยบายดังกล่าวถูกยกเลิก และการคุ้มครองสตรีถูกบ่อนทำลายอย่างร้ายแรง” ซอนเมซ กล่าวทิ้งท้าย.


เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES