ความตึงเครียด ไทย-กัมพูชา ก็ยังคงคุกรุ่น “ผู้นำ” ตอบโต้กันตามสถานการณ์ ขณะที่ พ่อ-ลูกฮุน ใช้ยุทธวิธี “ติดโซเชียล” โพสต์รัวๆ ยั่วอารมณ์กันไปเรื่อยๆ
ล่าสุด คุณพ่อ ไลฟ์ยาวๆ พูดคนเดียว เกือบ 4 ชั่วโมง สุดจริงๆ
มีคนรัก ย่อมดีกว่ามีคนเกลียด 2 ประเทศอยู่ติดกัน ไม่มีใครอยากให้ขัดแย้งกัน แต่เมื่อ “เขี่ยไฟ” กันเรื่อยๆ แบบนี้ ประชาชนแนวหลังย่อมมีอารมณ์ มันห้ามไม่ได้หรอก
กีฬา กับ การเมือง ถ้าในอุดมคติ คือไม่เกี่ยวกัน แต่ในโลกความจริง…อย่าเพ้อเจ้อโลกสวย เพราะมันแยกกันไม่ออกหรอก
ไทยจะเป็นเจ้าภาพ ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เดือนธ.ค.นี้ และแน่นอน กัมพูชา คือ 1 ในอีก 10 ประเทศที่จะมาเยือน
อีกตั้ง 5 เดือนกว่าแน่ะ คงไม่มีอะไรมั้ง …มันก็ไม่แน่ ดูตอนนี้ พอเหมือนมันจะเงียบๆ อ้าว เดี๋ยวฝั่งโน้นมีเซอร์ไพรส์อีกแล้ว ปล่อยคลิปมั่ง ไลฟ์มั่ง โพสต์มั่ง และของไทย เมื่อโดนก็ต้องโต้บ้าง (แต่ขอให้โต้แบบ “ผู้ใหญ่” นะ)
ทีนี้มันก็ไม่แน่หรอก แหย่ๆ กันไป อาจลามไปถึงปลายปี ด่ากันไม่จบ

คิดไปถึงปลายปี ขอเตือนกันไว้ก่อน นักกีฬากัมพูชามาเยือน และจะมีชาวกัมพูชา ที่ส่วนใหญ่ทำงานที่บ้านเรานี่แหละ แล้วกีฬามีแข่งขัน มีสู้กัน
หวาดเสียว เปรี้ยวกันไป เปรี้ยวกันมา จะมีการปะทะ หรือไม่แค่โห่ ขว้างปา ก็ภาพไม่ดีแล้ว
หลับตานึกภาพ ฟุตบอลกัมพูชา ยิงประตูได้ วิ่งมาดีใจ แล้วโดนขว้างขวดน้ำใส่…ทีนี้งามไส้แน่นอน ภาพปรากฏสายตาชาวโลก และไปเป็นเชื้อให้เขาไปดราม่าฟูมฟายอีก
อย่าทำ..อย่าทำ และฝ่ายจัดต้องเตรียมมาตรการด้วย
อย่าดีแต่พูดว่า “กีฬาน่ะ….ไม่มีอะไรๆ”
ในมุมของกีฬาจริงๆ 2 ประเทศไม่มีอะไรจริงๆ นั่นแหละ ไทยก็ยินดีต้อนรับ ส่วนกีฬากัมพูชาก็บอกยินดีจะมาแข่งขัน
วัธ จัมเริน เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศกัมพูชา บอกว่าต้องแยกแยะการเมือง ความขัดแย้ง กับกีฬา ยกตัวอย่างนักกีฬาจากประเทศสงคราม ยังแข่งโอลิมปิกได้
ลุยเตรียมตัว ส่งแข่งแน่นอน

และจากจำนวนที่แจ้งมา ก็มากมายมหาศาลซะด้วย กัมพูชา ส่งมา 1,515 คน มากเป็นอันดับ 4
ส่งมากกว่าชาติใหญ่อย่าง ฟิลิปปินส์, เมียนมา หรือ เวียดนาม ด้วยซ้ำ
ยิ่งเทียบกับหนก่อนที่ ปี 2023 กัมพูชา เป็นเจ้าภาพ ยังส่งนักกีฬา 896 คน ซึ่งนั่นคือตัวเลขสูงสุด ที่กัมพูชา เคยส่งแข่งซีเกมส์แล้ว แต่หนนี้แข่งนอกบ้าน กลับมีจำนวนนักกีฬาเยอะกว่าเดิมถึงเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่กัมพูชา หากดูนักกีฬาโดยรวมตัวเลขทั้งหมด 12,506 คน ถือว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆ โดย ซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา มีนักกีฬารวม 6,210 คน ชิงชัย 580 เหรียญทอง ซึ่งเป็นจำนวนชิงทองที่มากสุดในประวัติศาสตร์แล้ว
และกับที่ซีเกมส์ครั้งที่ 33 ในไทย ชิงชัย 574 เหรียญทอง ตัวเลขนักกีฬา ทะลุถึง 12,506 คน ซึ่งมากอย่างไม่น่าเชื่อ คือมากกว่าหนก่อน 6,210 คน ที่เป็นสถิติสูงสุด
กระนั้นก็ตาม ตัวเลขนักกีฬากัมพูชา ตัวเลขนักกีฬาโดยรวม จะไม่ใช่ตรงนี้เป๊ะๆ
เพราะตัวเลขที่ปรากฏคือการลงทำเบียนจำนวน หรือ Entry Form by Number เท่านั้น
ถ้าจะเอาชัวร์ๆ ต้อง “ลงทะเบียนชื่อนักกีฬา” หรือ “Entry Form by Name” ที่ให้ทำได้ภายใน 1 ก.ย.
ตอนนี้แต่ละชาติ ก็เผื่อๆ ไว้ก่อน คิดว่าจะแข่งๆ แจ้งไทยเรามาว่า “เอาด้วยๆ”
แต่ถึงเวลา ดูความพร้อมตัวเองแล้ว อาจไม่แข่งก็ได้ หรือแม้แต่ถ้าบางอีเวนต์ มีชาติสมัครไม่ถึงจำนวน ก็อาจยกเลิก
ดังนั้นตัวเลขนักกีฬาจะลดลงอีก เมื่อลงทะเบียน “ชื่อ” เรียบร้อยถึงจะเห็นภาพชัด
ถึงตรงนั้นจึงรู้ตัวเลขที่แท้จริง ว่ามาแข่งซีเกมส์ที่ไทยกันเท่าไหร่
ตอนนี้ยังไม่นิ่ง ตัวเลขยังไม่ชัวร์
โดยเฉพาะ กัมพูชา ที่แม้ฝ่ายกีฬาจะพร้อมมาแข่งขัน ส่งมา 1,515 คน

และในฐานะ “เจ้าภาพที่ดี” ประเทศไทยต้องยินดีต้อนรับอยู่แล้ว
จะ พันห้า หรือสองพันก็ขอให้มาเถอะ
ทว่าดูจากการออกอาวุธที่ผ่านมา ที่มักมีอะไรคาดไม่ถึง
วงการกีฬากัมพูชา ไม่มีอะไรหรอก แต่คนที่สั่งวงการกีฬากัมพูชาได้ล่ะ
ใครจะมั่นใจได้ว่า จะไม่มีการ “แหกครั้งใหญ่” ด้วยการ “สั่งถอนทัพ”
ใครจะมั่นใจว่า จะไม่ทำดราม่า ตีอกชกหัว “ที่นั่นไม่ปลอดภัย, ที่นั่นไม่ต้อนรับเราหรอก, เราอย่าไปเลย”
ถึงมาแข่งแล้ว ใครจะมั่นใจว่า ถ้ามีสะกิดกระทบกระทั่งเพียงนิด จะ “ตีฟู” ใหญ่โต ถึงขั้นถอนทัพ
เรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่ทั่วโลกไม่ทำหรอก และไม่น่าทำ แต่อย่างที่ว่าข้างต้น เห็นกลยุทธ ท่าที แล้ว…
ใครจะมั่นใจ!
นี่ไม่ได้ยั่ว หรือชี้โพรงให้กระรอก
แต่มันอดคิดไม่ได้จริงๆ.
***วุฒินล***