แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำทัพของ โอเล กุนนาร์ โซลชา สร้างผลงานชิ้นโบว์ดำอีกครั้ง หลังบุกไปโดนทีมหนีตายอย่าง วัตฟอร์ด ไล่ยำแบบไม่เหลือสภาพ 4-1 ด้วยรูปเกมที่สู้เจ้าถิ่นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

สถิติอาจจะบอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าระดับ 61 ต่อ 39 เปอร์เซ็นต์ แต่นั่นไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงรูปเกมที่แท้จริงแม้แต่น้อย เพราะ “แตนอาละวาด” สร้างสรรค์โอกาสยิงประตูได้มากกว่าชัดเจนถึง 20-9 ครั้ง ยิงเข้ากรอบ 7-3 ครั้ง และได้เตะมุมมากกว่าถึง 9-3 ครั้ง

ต้องชมว่า เคลาดิโอ รานิเอรี กุนซือเฒ่าสารพัดพิษของ วัตฟอร์ด อ่าน แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เมื่อสั่งให้ลูกทีมวิ่งไล่กดดันตั้งแต่แดนบนจนทำให้นักเตะอสูรแดงออกบอลได้ไม่ถนัด โดยเฉพาะมิดฟิลด์คู่กลางอย่าง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และเนมานยา มาติช ที่พลิกบอลไม่ได้เลย และทำได้แค่เคาะบอลคืนหลังเท่านั้น

วัตฟอร์ดเกือบขึ้นนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 11 เมื่อได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ แม็คโทมิเนย์ ไปเหนี่ยว โจชัว คิง ในเขตโทษ แถมยังได้ยิงถึง 2 ครั้ง แต่ อิสไมลา ซาร์ ดันเกิดอาการธาตุไฟแตก และยิงไปติดเซฟของ ดาบิด เด เคอา ทั้ง 2 ครั้งเสียอย่างนั้น

ทว่าด้วยแนวรับที่หลวมเป็นกางเกงชั้นในที่ผ่านการใช้งานมานานนับปีสุดท้ายทำนบของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็แตกจนได้ เมื่อ เอ็มมานูเอล เดนนิส ได้บอลหลุดไปทางริมกรอบเขตโทษฝั่งขวา และปาดบอลเข้ากลางให้ คิง ที่ยืนอยู่คนเดียวโล่ง ๆ แปเข้าไปไม่เหลือซากในนาทีที่ 28 ก่อนที่ ซาร์ จะมาแก้ตัวได้สำเร็จด้วยการกระทุ้งเป็น 2-0 ในนาทีที่ 44

ครึ่งหลัง โซลชา ตัดสินใจปรับหมากด้วยการส่ง อองโตนี มาร์กซิยาล ลงมาแทน มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่มีปัญหาเรื่องสภาพความฟิต และถอด แม็คโทมิเนย์ ที่มีใบเหลืองติดตัวออกไปพัก และงัดเอา ดอนนี ฟาน เดอ เบ็ค ที่ถูกดองจนเปรี้ยวได้ที่ ลงมาเล่นแทน

การลงสนามมาของ “ดีวีบี” ทำให้เกมในแดนกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดีขึ้นอย่างชัดเจน ดาวเตะดัตช์ ด้วยออกบอลได้อย่างชาญฉลาด ประสานงานกับ เจดอน ซานโช ได้อย่างยอดเยี่ยม และสร้างสรรค์โอกาสให้ทีมได้หลายต่อหลายครั้ง ที่สำคัญดอนนียังช่วยจุดประกายความหวังให้ ปิศาจแดง ด้วยการโขกประตูตีไข่แตก 1-2 อีกต่างหาก

)

กระนั้นความหวังของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ ฟาน เดอ เบ็ค สร้างขึ้นมากลับมีอายุไม่ยืนยาวนัก เมื่อ แฮร์รี แม็กไกวร์ ยังทำตัวเป็นภาระเหมือนเดิมด้วยการโดนใบเหลือง 2 ใบภายในระยะเวลาห่างกันแค่ 7 นาที จนโดนตะเพิดออกจากสนามในนาทีที่ 69 และทำให้ ผีแดง กลายเป็น ผีลำบาก โดยเป็นรองทั้งสกอร์ และตัวผู้เล่น

ช่วงเวลาที่เหลือนอกจากจะทวงประตูตีเสมอไม่ได้แล้ว อดีตแชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัย ยังโดน วัตฟอร์ด กระทุ้งไปอีก 2 ดอกเน้น ๆ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจาก ชูเอา เปโดร กับ เอ็มมานูเอล เดนนิส และแพ้ไปแบบหมดสภาพด้วยสกอร์ 1-4

ความปราชัยนัดนี้ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ถึง 4 จาก 5 เกมหลังสุดในลีก และคว้าชัยชนะได้แค่นัดเดียวจาก 7 เกมหลังสุด เก็บได้เพียง 4 คะแนนจากทั้งหมด 21 คะแนนเท่านั้น

คำถามก็คือเมื่อทุกอย่างมันแย่ขนาดนี้แล้ว บอร์ดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังจะกล้า ๆ ตีมึน และปล่อยให้ “Ole still be at the wheel” หรือ “ปล่อยให้โอเลกุมบังเหียนทีมต่อไป” เหมือนเนื้อเพลงเชียร์ที่แฟนบอลแทบทุกทีมนำมาร้องล้อเลียนสโมสรของพวกเขากันอย่างสนุกสนานอยู่ทุกสัปดาห์หรือไม่?

แท ยอน