นักเตะไทย ไม่ค่อยมีใครใส่แว่นลงแข่งขันแบบจริงจัง กระทั่งเราได้เห็นในเกมไทยลีก

“โซ่” ชิติพัทธ์ แก้วยศ ดาวเตะตัวรุกวัยเพียง 18 ปี ของ “เขี้ยวสมุทร” สมุทรปราการซิตี้ ที่เขาได้ลงสัมผัสลีกสูงสุด ในนามทีม สมุทรปราการ ซิตี้ ครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 พ.ย.64 โดย มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือซามูไร ส่งลงสนามในนาทีที่ 76 ศิริรวมอายุตอนนั้นก็ 18 ปี 7 เดือน เกมดังกล่าวจบด้วยการเสมอ 0-0

นอกจากอายุที่ยังน้อย วัยทีนเอจ จุดที่น่าสนใจของ ชิติพัทธ์ คือแว่นที่เขาใส่ ซึ่งดูยังไงๆ ก็ไม่ทำให้ “ดุ” เหมือนดาวิดส์

ออกจะคล้ายเด็กเรียนมากกว่า จะเรียกว่าเป็นเด็กเนิร์ดก็ได้

จริงๆแล้ว แว่นที่เขาใส่ จนดูคล้ายเด็กคงแก่เรียน มิใช่เป็นแว่นแฟชั่น หรือเลียนแบบ ดาวิดส์ แต่เป็นแว่นสายตา ซึ่งเขาสั้น 300 ถือว่าไม่น้อยทีเดียว ถ้าถอดออก ก็มองลำบาก ยิ่งถ้าแสงไม่พอนี่ ต้องกะระยะกันเยอะเลยหล่ะ

ในบุคลิกอีกมุมสำหรับนักบอลไทยลีก เลยต้องไปจับเข่าคุยกับเขากันหน่อย

กับฉายาเด็กเนิร์ด คงไม่ใช่เรื่องแปลก “โซ่” ชิติพัทธ์ ยอมรับว่า หลายคนก็แซว

“ก็มีคนแซวกันเยอะครับ ว่าคล้ายเด็กเนิร์ด เพราะเราใส่แว่นแล้วก็เหมือนเด็กเรียน ชีวิตประจำวันเราก็ใส่แว่นอยู่แล้ว เพราะสั้น 300 นี่ก็มองไม่ชัดเหมือนกัน” เจ้าโซ่ กล่าว

กับสภาพสายตาของ โซ่ เริ่มสั้นตั้งแต่เด็ก ตอนอายุ 4-5 ขวบก็สั้นแล้ว เรียกว่าสายตาสั้นตั้งแต่จำความได้เลยทีเดียว

ในจินตนาการของหลายคน เด็กๆ อาจสายตาสั้นเพราะอ่านหนังสือ อ่านตำรา เยอะ กับ เจ้าโซ่ ชิติพัทธ์ แม้การสายตาสั้น ไม่ได้มาจากการอ่านหนังสือ แต่ผลการเรียนของเขาก็ไม่ธรรมดา

เขาเรียนมัธยม 1 ที่โรงเรียนท่าข้ามพิทยาคม แล้วมาเรียน ม.2-3 ที่โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมพระศรีนครินทร์ระยอง ก่อนจะเรียนมัธยมปลาย โรงเรียนมัธยมตากสินระยอง

จบด้วยเกรดเฉลี่ย 3.30

ดีเลยทีเดียว กับเด็กหนุ่ม ที่ต้องซ้อมฟุตบอลไปด้วย และเรียนไปด้วย

“ผมสายตาสั้นมาตั้งแต่เด็ก พอมาเล่นฟุตบอล มันก็มองไม่ชัด มองใกล้ๆ ได้ แต่ไกลๆ ไม่ชัด คนสายตาสั้นคงเข้าใจครับ พอสักอายุ 13 ขวบ ก็เริ่มหาแว่นมาใส่ เพื่อให้มั่นใจมากขึ้น”

“เรื่องการเรียนก็พยายามแบ่งเวลาครับ ก็ถือว่าโอเคเลยกับเกรดเฉลี่ย ตอนนี้ก็รอศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยต่อไป”

การใส่แว่นเล่นฟุตบอล มีข้อสงสัยว่าจะทำให้อันตรายหรือไม่ และทำไมไม่เลือกการใส่คอนแท็กเลนส์ หรือทำเลสิกไปเลย ซึ่งสมัยนี้การทำเลสิกเป็นที่นิยมมาก

“คอนแท็คเลนส์เหรอครับ ด้วยความที่ใส่แว่นมาตั้งนานแล้ว เลยมั่นใจกลับการใส่แว่นมากกว่าครับ”

“แต่ในอนาคตก็ต้องทำเลสิกอยู่แล้วครับเพื่อสิ่งที่ดีต่อตัวผมเอง ซึ่งมันจะดีกว่าแน่นอนในระยะยาว”

มาดูเส้นทางฟุตบอลของ เจ้าโซ่กันบ้าง นักเตะรายนี้ ถนัดตำแหน่ง หน้าต่ำ หรือริมเส้น เขาเล่นฟุตบอลครั้งแรก กับ “OAZ ACADEMY” ต่อมาก็มาเล่น เขาน้ำซับ ต่อด้วย บางพระจูเนียร์

กระทั่งอายุ 12 ขวบ เข้าไปอยู่ชลบุรีอะคาเดมี่ เป็นประสบการณ์ใหม่ กับแหล่งปั้นดาวดังลูกหนัง เขาฝึกปรือกับ โรงเรียนฉลามได้ 1 ปีก็ย้ายไป พีทีที ระยอง อคาเดมี่ แล้วก็อยู่ยาว 6 ปี

คงจำกันได้ ตอนที่ “พลังเพลิง” ยังไม่ยุบ มีชื่อของ “เจ้าโซ่” ชิติพัทธ์ แก้วยศ เรียกเสียงฮือฮาเหมือนกัน ถูกดันติดทีมชุดใหญ่ ตั้งแต่อายุ 16 ปี แต่พอสุดทางกับ พีทีที ระยอง ซึ่งทีมก็ยุบไป จึงย้ายมาซบ “เขี้ยวสมุทร” สมุทรปราการ ซิตี้

จากเกมกับ เมืองทอง ที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ส่งลงสนาม เจ้าตัวเผยความรู้สึกว่า ทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น และต้องใช้เวลานานเหมือนกัน กว่าจะคลายความตื่นเต้นนั้นลง

“รู้สึกดีใจมากและตื่นเต้น เพราะเป็นเกมแรกหลังหายไป 2 ปีครับ ดีใจมากๆที่โค้ชให้โอกาส”

“ตื่นเต้นนานอยู่ครับเพราะเป็นเกมแรกด้วย แต่ลงไปได้สักพักก็เริ่มโอเคขึ้นโฟกัสกับเกมมากขึ้น”

เส้นทางลูกหนังของ “โซ่” ชิติพัทธ์ เพิ่งจะฉายแสง ยังมีอะไรให้พิสูจน์อีกมาก

“เป้าหมายส่วนตัวก็อยากพัฒนาตัวเองไปให้มากที่สุดครับ เพื่อยกระดับของตัวเองให้เท่ากับรุ่นพี่ในทีมเพื่อผลงานข้างหน้า ที่อาจจะได้รับโอกาสครับ ผมก็เลยตั้งเป้าหมายระยะสั้นๆที่ละขั้นๆครับ”

แต่แน่นอน เช่นเดียวกับ นักฟุตบอลทุกคน เป้าหมายสูงสุดคือ ติดทีมชาติไทย

“ตอนนี้ทำให้ดีที่สุด ทีละขั้น แต่ความฝันของผมก็คือติดทีมชาติไทย จะต้องพยายาม ต้องทุ่มเทให้เป็นจริงให้ได้”

ก่อนไปถึงขั้นนั้น เจ้าตัวจะพยายามกับโจทย์ข้างหน้า ในการทำผลงานกับต้นสังกัด “เขี้ยวสมุทร” สมุทรปราการซิตี้

“ตอนนี้ตั้งเป้าหมายกับสมุทรปราการ ก็คือ ถ้ามีโอกาสจะช่วยพี่ๆในทีมและทำให้เต็มที่เพื่อ 3 แต้มในทุกนัดครับ”

“ชัยชนะสำคัญมาก อยากช่วย สมุทรปราการ ซิตี้ ประสบความสำเร็จ ผมมั่นใจว่าพวกเราจะทำผลงานที่ดีได้ครับ”

เป็นเส้นทาง เรื่องราวของนักฟุตบอลบุคลิกเด็กเรียน “เจ้าโซ่” ชิติพัทธ์ แก้วยศ ที่ฝีเท้าไม่ธรรมดา

อนาคตลูกหนังของเขายังทอดยาวอีกไกล และกับการส่งเสริมของ มาซาทาดะ อิชิอิ โค้ชมือฉมัง หรือกุนซือคนต่อไป มารวมกับความมุ่งมั่น ตั้งใจ โอกาสติดธง สู่ทัพช้างศึก ย่อมเปิดรอเขาอยู่.

*** วุฒินล บุญวานิช ***