@@…สับสนทุกวัน ประชาชนตาดำๆ ได้แต่มองหน้ากันปริบๆ แล้วเกิดคำถามว่า อิหยังอีกวะ อะไรของรัฐบาลนี้วะ?? เพราะ รัฐบาลเรือเหล็ก หันหัวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ปรับแผนตลอดเวลา ทำเอางงกันทั้งประเทศ ทั้งคนปฏิบัติและประชาชน เนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ก.ค. การประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้ไลฟ์สดทางเฟซบุ๊ก ว่า ที่ประชุม มีมติเห็นชอบเรื่องของการปรับเปลี่ยนแผนการฉีดวัคซีนไขว้กันระหว่าง “ซิโนแวค-แอสตราเซเนกา”

@@…โดยเข็มที่ 1 เป็น ซิโนแวค เข็มที่ 2 เป็น แอสตราเซเนกา ระยะห่างกัน 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์เดลต้า โดยโรงพยาบาลต่างๆ สามารถดำเนินการได้ทันที และ “หมอยง” ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ออกมาชี้ก่อนหน้านี้ ว่า การไขว้สายพันธุ์ที่ศึกษาอยู่ก็ได้ผลดีประสิทธิภาพ

@@…แต่ก็ต้องชะงักงัน เพราะนายกฯ สั่งเบรกให้คณะกรรมการฯ ไปทบทวนให้รอบคอบก่อน เนื่องจากมีหลายฝ่ายออกมาตะโกนบอก ว่า ยังไม่มีประเทศไหนทำกัน และหากจะทำจะต้องมีผลวิจัยที่ชัดเจนก่อน เพราะอาจสุ่มเสี่ยงไวรัสกลายไปอีก ทำให้คณะกรรมการฯ ต้องรีบนำกับไปประชุมกันอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ยืนยันมติเดิมเดินหน้าใช้สูตรใหม่ “ฉีดวัคซีนไขว้”

@@…พร้อมออกมายันว่า  องค์การอนามัยโลกไม่ได้มีข้อขัดแย้งต่อนโยบายของประเทศไทย ถ้าหน่วยงานสาธารณสุขของแต่ละประเทศมีข้อมูลสนับสนุน การเลือกใช้วัคซีนแบบใดแบบหนึ่ง ขึ้นอยู่กับนโยบายและสถานการณ์การระบาดของแต่ละประเทศ  แต่ประชาชนไม่ควรตัดสินใจด้วยตนเอง ควรเป็นการตัดสินใจของหน่วยงานด้านสาธารณสุข สามารถทำได้หากอยู่บนพื้นฐานข้อมูลวิทยาศาสตร์ และมีข้อเสนอให้มีการติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบ รวมถึงการรวบรวมข้อมูลผลการศึกษา

@@อีกทั้งคณะกรรมการด้านวิชาการฯ มีข้อเสนอแนะให้มีการเก็บรวบรวมข้อมูล และนำผลการศึกษาวิจัยมาพิจารณาใช้ประโยชน์ต่อไป ซึ่งปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้ข้อมูลว่า มีความพร้อมในการสนับสนุนการวิจัย ทั้งในด้านการให้วัคซีน การติดตามการกลายพันธุ์ รวมถึงการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม

@@…ในที่สุดประชาชนไม่มีทางเลือกต้องจำยอมเป็นหนูทดลองไปก่อน เพื่อประโยชน์ของหมู่มวลมนุษยชาติ อันนี้ “ผู้พันบานเย็น” ขอคิดบวกเข้าข้างตัวเองไว้ คิดเสียว่าบรรดาอาจารย์หมอ ต้องให้สิ่งดีๆ กับประชาชน หวังดีต่อประชาชน และยอมทุ่มเทเสี่ยงกว่าเรา ดังนั้นคิดปลอบใจตัวเองเสียว่า เราทำเพื่อประโยชน์คนรุ่นต่อๆ ไป เพราะโรคนี้เพิ่งจะเกิดใหม่ ต้องมีการลอกผิดลองถูก นำผลไปศึกษาต่อยอด หาแนวทางของประเทศไทย ทั้งๆ ที่ยังไม่มีชาติไหนเขาทำกัน เราจะเป็นชาติแรกที่นำหน้าด้านการแพทย์  ซึ่งลึกๆ ประชาชนอาจไม่ต้องการ แต่สภาวะการบังคับต้องจำยอม ไม่ยอมก็เสี่ยงตายเช่นกัน

@@…จบเรื่องการเมืองร้อนมาดูกิจกรรมกองทัพและงานนี้ต้องจับตาความเคลื่อนไวภายในกองทัพ เมื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  ส่งสัญญาณนัดเหล่าทัพถก “โผทหาร” สัปดาห์หน้า เคลียร์เก้าอี้ “ปลัดกลาโหม.-ผบ.ทร.-ผบ.ทอ.” พิจารณาบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี 2564 ใครจะอยู่ใครจะไปไหน ใครจะอกหักรักคุดเก็บแค้นผสมโรงเขย่าเรือเหล็ก หรือจะแฮปปี้เอนดิ้งระหว่างพี่น้อง 3 ป. ก็ต้องมารอดูกัน

@@…ระหว่างรอ โผโยกย้าย แต่ละหน่วงงานต่างก็ขยันทำงานตามนโยบาย “บิ๊กตู่” ทุกเรื่อง ยิ่งช่วงนี้ทหารยิ่งต้องสนับสนุนงานรัฐบาล เพื่อให้การบริหารงานช่วงโควิดผ่อนหนักให้เป็นเบาราบรื่นด้วยการดูแลบริการประชาชนทุกพื้นที่ ทุกด้าน เริ่มที่…พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด สั่งการให้กองบัญชาการกองทัพไทย จัดกำลังพล ร่วมกับจิตอาสาพระราชทาน เพื่อสนับสนุนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในการจัดระเบียบและอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนที่มารับการตรวจฯ คัดกรองโรคโควิด-19 เชิงรุก ลานจอดรถชั้น 1 อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กทม. พร้อมทั้งสนับสนุนรถยนต์พร้อมพลขับในการรถรับ-ส่งประชาชนที่ตรวจพบเชื้อโควิด นำส่งต่อไปยัง Home Isolation/community Isolation อีกด้วย โดยการบริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จะดำเนินการตรวจตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 ก.ค.64 ในวันและเวลาราชการ (08.00-16.00 น.)

@@พล.อ.ท.ตรีพล อ่องไพฑูรย์ รองเสนาธิการทหารอากาศ เป็นผู้แทนกองทัพอากาศ และหัวหน้าคณะโครงการ “เชื่อมโยงสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร” ระหว่าง จ.บุรีรัมย์ และ จ.กระบี่ ซึ่งกองทัพอากาศให้การสนับสนุนโครงการดังกล่าว โดยจัดเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 8 (C-130) ในการช่วยลำเลียงสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เพื่อแลกเปลี่ยนระหว่างระหว่างจ.บุรีรัมย์ และ จ.กระบี่ โดยมี นายดำรงชัย  เนรมิตตกพงศ์ รอง ผวจ.บุรีรัมย์ พร้อมคณะร่วมพิธีแลกเปลี่ยนสินค้า ณ ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ และนายอนุวรรตน์  โหมดพริ้ง รอง ผวจ.กระบี่ พร้อมคณะ ร่วมพิธีแลกเปลี่ยนสินค้า ณ ท่าอากาศยานกระบี่ เพื่อจะให้ความช่วยเหลือประชาชน ในภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง ต่อชีวิตความเป็นอยู่ การทำมาหากินของพี่น้องประชาชน ดังนั้นการปฏิบัติภารกิจบินนำส่งแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรและอาหารทะเลแปรรูป ระหว่างจังหวัด จะช่วยให้มีการหมุนเวียนของสินค้าและกระแสเงินสด ช่วยให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดีขึ้น

@@…สำหรับการแลกเปลี่ยนสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศ จ.บุรีรัมย์ และ จ.กระบี่ โดยนำสินค้าเกษตรของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.บุรีรัมย์ จำกัด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ 100% ข้าวมะลิดีด ข้าวมะลิหัก ข้าวไรซ์เบอร์รี่ และน้องข้าวหอม Arice ปริมาณรวม 12.3 ตัน นำไปแลกเปลี่ยนกับสินค้าของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.กระบี่ จำกัด ได้แก่ สับปะรด กะปิ ปลาฉิ้งฉ้าง ปลาเสียบ หอยแมลงภู่ตากแห้ง ปลาเค็มผ่า ปลาหวาน หอยกะพงแห้ง ปลาทูหอมเค็ม ปลาทูมันเค็ม ปลาอินทรีเค็ม และปลาจวดเค็ม ปริมาณรวม 6 ตัน มาแลกเปลี่ยนกัน

@@…ซึ่งการแลกเปลี่ยนสินค้าในครั้งนี้ เป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มเกษตรกรในการสร้างรายได้อย่างยั่งยืนผ่านกลไกสหกรณ์และการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างชุมชน โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เป็นการนำกลไกสหกรณ์เข้ามาช่วยบริหารจัดการ ตามหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการสหกรณ์ มุ่งเน้นการช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และนำการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจระหว่างสหกรณ์มาดำเนินการ

@@พล.ร.ต.ชัยณรงค์ บุณยรัตกลิน ผู้บัญชาการฐานทัพเรือกรุงเทพ ได้วางพานพุ่มถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงนำประเทศไทยพ้นภัยจากการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก

@@พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม การเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรก ป้องกันโควิด-19 ให้กับทหารใหม่ผลัดที่ 1/2564  กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 151 และ หน่วยฝึกทหารใหม่ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 151 ณ ค่ายกัลยาณิวัฒนา ต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส

ผู้พันบานเย็น