ชัยชนะ 3-0 เหนือ เบรนท์ฟอร์ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แซง เชลซี ขึ้นไปเป็นรองจ่าฝูง

กระนั้น 11 แต้มที่ตามหลังจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี นั้น เห็นทีไร “เดอะ ค็อป” ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก มันดูช่างห่างไกลและยากเย็นเหลือเกิน…

หลังจากเกมลีก 3 นัดก่อนหน้านี้ “หงส์แดง” เก็บได้แค่ 2 แต้มจากการเสมอ 2 แพ้ 1 เกมนี้ เจอร์เกน คลอปป์ จึงหมายมั่นปั้นมืออย่างยิ่งว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมาสู่ฟอร์มที่ควรจะเป็นอีกครั้ง

ว่าแล้วจึงจัดทัพแบบเต็มสูบที่สุดเท่าที่มี โดยเปลี่ยน 2 ตำแหน่งจากเกม คาราบาว คัพ นัดแรก ที่ทีมเปิดบ้านเสมอ อาร์เซนอล แบบไข่ไม่แตกเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

แดนกลางใช้ความสดของ เคอร์ติส โจนส์ ลงมาแทนความเก๋าของ เจมส์ มิลเนอร์ ส่วนแนวรุก อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ได้โอกาสเล่นร่วมกับ โรแบร์โต ฟีร์มิโน และ ดีโอโก โชตา แทนที่ ทาคุมิ มินามิโนะ ที่เล่นไม่ดีนักเมื่อได้ออกสตาร์เป็นตัวจริง เกมนี้จึงต้องฉลองวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 27 ปี บนม้านั่งสำรอง

จากฟอร์มในเกมกับ “ปืนใหญ่” เมื่อกลางสัปดาห์ ซึ่งเกมรุกฝืดเคืองลงไปชัดเจนเมื่อต้องขาดกำลังหลักอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน ที่ไปรับใชาติในแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ โอกาสสับไกมีจำกัดจำเขี่ยสิ้นดี โดยเฉพาะ 3 แนวรุกที่กว่าจะได้มีโอกาสยิงครึ่งแรกก็ปาเข้าไปกลางครึ่งหลัง

มาถึงเกมนี้ เกมรุกจึงเป็นที่จับตาว่าการปรับทัพใส่ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงมา จะช่วยให้มันดีขึ้นจากเกมเมื่อกลางสัปดาห์มากน้อยขนาดไหน ปรากฏว่าในครึ่งแรกแทบไม่ต่าง แต่ก็ด้วยการที่ “เดอะ บีส์” มาแบบตั้งรับต่ำด้วย ทำให้การเจาะยิ่งยากขึ้นกว่าเกมกับ “ปืนใหญ่” เข้าไปอีก

แต่ประตูจากลูกตั้งเตะในช่วงท้ายครึ่งแรก จากจังหวะที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดลูกเตะมุมเลยไปเสาไกลให้ ฟาบินโญ โหม่งเบียดเสาเข้าไปนั้น ถือเป็นการปลดล็อกทุกอย่าง…

ในครึ่งหลัง เบรนท์ฟอร์ด ที่เกมนี้มาแบบรับต่ำแล้วรออาศัยลูกโต้กลับจาก ไบรอัน เอ็มเบอูโม กับ อิวาน โทนีย์ ซึ่งก็ไม่ค่อยได้ผลอะไรเท่าไหร่อยู่แล้ว พอออกตัวครึ่งหลังตาม 1 ประตู เกมรับก็ต้องดันขึ้นแทนที่จะแพคในกรอบเขตโทษเหมือนเดิม พื้นที่ก็เปิดมากขึ้น เกมรุกของ “หงส์แดง” จึงเริ่มมีโอกาสได้มีพื้นที่เล่นแบบโล่ง ๆ บริเวณหน้ากรอบเขตโทษทีมเยือนบ่อยขึ้น

และเมื่อ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน พุ่งโขกจ่อ ๆ ตุงตาข่ายเป็น 2-0 ทุกอย่างก็แทบจะ “เกม เซต แมตช์” ก่อนที่เกมรับเจ้าถิ่นจะแจกโบนัส ให้ มินามิโนะ ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ยิงนิ่ม ๆ เป็นของขวัญวันเกิด…

การกลับมาชนะในลักเป็นนัดแรก หลังไม่บนะใครมา 3 เกมติด น่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่างที่บอกว่า 11 แต้มที่ตาม “เรือใบสีฟ้า” อยู่นั้น มันชวนให้ท้อสิ้นดี…

แต่ถึงจะดูห่างไกล “หงส์แดง” ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเต็มที่ในทุก ๆ นัด เพื่อเกาะไปเรื่อย ๆ เพเราะเวลานี้ ลูกทีมของ คลอปป์ แข่งน้อยกว่า แมนฯ ซิตี 1 นัด ถ้าเก็บได้เหลือตาม 8 แต้ม

อีกทั้งยังเหลือเกมไปเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม อีก ถ้า ลิเวอร์พูล บุกชนะได้ก็จะตัดช่องว่างเหลือ 5 แต้ม ถึงตอนนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้แล้ว ถึงความหวังจะมีไม่เยอะ แต่ถ้ามันยังไม่ถึงกับเป็นศูนย์ ก็ต้องหวังกันต่อไป

เพราะชีวิตมันอยู่ได้ด้วยความหวัง…