ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2565 หลังการแพร่ระบาดของ เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน กลับมาเล่นงานอีกครั้ง ถึงแม้อาการของโอมิครอนจะไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์เดิม แต่การแพร่กระจายรวดเร็วทำให้กระทรวงสาธารณสุขต้องสั่งยกระดับการเตือนภัยโควิด-19 จากระดับ 3 ปรับขึ้นเป็น ระดับ 4 งัดมาตรการหลายอย่างกลับมา
ใช้อีกครั้ง

       ที่สำคัญยังทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างต้องมีการตรวจเข้มหน่วยงานของตัวเอง เพื่อหาเชื้อโควิด-19 ก่อนจะเข้ามาทำงานหรือปฏิบัติหน้าที่ บางแห่งเรียกว่าต้องตรวจกันอย่างต่อเนื่อง มีตั้งแต่ตรวจในรอบ 4 วัน 7 วัน 14 วัน เพื่อความปลอดภัยของแต่ละองค์กร ทำให้ชุดตรวจหาเชื้อโควิด ชุดตรวจเร็ว (Antigen Test Kit) เรียกกันง่าย ๆ ว่า ชุดตรวจ ATK

       ปัจจุบันนอกจากจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญ ยังเป็นภาระให้ประชาชนหรือหน่วยงานเข้าไปอีก เพราะช่วงนี้ชุดตรวจ ATK มีความจำเป็น แม้ภาครัฐจะพยายามจำหน่ายชุดตรวจในราคาถูก แต่ยังไม่ครอบคลุมกับประชาชน เช่นเดียวกับร้านขายยา ตอนนี้ต้นทุนในการขายเพิ่มขึ้นจนน่าเป็นห่วง ชุดตรวจ ATK บางยี่ห้อขาดตลาด หรือไม่ก็ปรับราคาขึ้นอีกเท่าตัว จนกลายเป็นปัญหาซ้ำซ้อนในช่วงโควิดขึ้นมาอีก

ราคาขยับตั้งแต่ 150-200 บาท

ภก.ดร.วิศรุต บูรณสัจจะ

      ทีมข่าว 1/4Special Report ได้สัมภาษณ์ ภก.ดร.วิศรุต บูรณสัจจะ นักวิชาการและเภสัชกรร้านยารุ่งเรืองเภสัช (ซอยพหลโยธิน 1) พูดคุยถึงปัญหานี้หลังประชาชนเริ่มมาซื้อหาชุดตรวจ ATK อีกครั้ง ภก.ดร.วิศรุตกล่าวว่า ชุดตรวจบางยี่ห้อเริ่มขาดตลาด แต่บางยี่ห้อยังมีขายอยู่ โดยคนที่มาซื้อที่ร้าน มีทุกสาขาอาชีพ ทั้งพนักงานบริษัท ประชาชนที่ใช้ขนส่งมวลชนสาธารณะ และนักเรียน เนื่องจากการระบาดในรอบนี้มีการแพร่กระจายเร็ว ทำให้หลายคนวิตกกังวลมากขึ้น อัตราการขายชุดตรวจ ATK ตอนนี้มีประชาชนมาซื้อมากพอ ๆ กับเมื่อตอนมีการระบาดรอบแรก ที่เริ่มมีชุดตรวจเข้ามาในไทย ซึ่งเฉลี่ยตอนนี้ยอดขายอยู่ที่ 100–200 ชุดต่อวัน เพราะลูกค้า 1 คนที่มาซื้อ ส่วนใหญ่จะมาซื้อมากกว่า 1 ชุดเพื่อเก็บไว้ใช้วันหลังด้วย ทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูงมาก

       ก่อนหน้านี้ช่วงปลายปี 64 โควิดกำลังซาลงพักนึงราคาของชุดตรวจก็ลดลงมาเหลือชุดละ 70–80 บาท แต่พอมีการระบาดของโอมิครอนทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น โดยราคาขายหน้าร้านสำหรับชุดตรวจยี่ห้อทั่วไปอยู่ที่ชุดละ 80–100 บาท แต่หากเป็นยี่ห้อที่มีการแชร์ในโลกออนไลน์ว่า ตรวจจับเจอโอมิครอนได้แม่นยำก็จะเป็นที่ต้องการของลูกค้า ทำให้บางยี่ห้อขยับราคาไปอยู่ที่ 150–200 บาท

       สำหรับชุดตรวจยี่ห้อที่มีการแชร์ว่าตรวจเจอโอมิครอนได้ มาจากหลายแหล่งผลิต มีทั้งนำเข้ามาจากยุโรป เกาหลี และจีน โดยข้อมูลการทดสอบนี้มาจากผลวิจัยในห้องทดลองฝั่งยุโรป ที่ทดสอบพบว่า ชุดตรวจ ATK เหล่านี้สามารถตรวจพบได้ ซึ่งผลที่ได้เป็นแค่ผลวิจัยเบื้องต้น แต่คนไปสรุปว่า ชุดตรวจยี่ห้อเหล่านี้ดี ทั้งที่จริงชุดตรวจที่ได้รับการรับรองจาก อย.แล้วสามารถตรวจพบเชื้อโควิดได้ เพราะโอมิครอน มีการเปลี่ยน แปลงรหัสพันธุกรรมในบางส่วน แต่หลักการของชุดตรวจจะจับกับ “โปรตีน” ของเชื้อ ดังนั้นชุดตรวจที่ได้มาตรฐานสามารถตรวจจับเชื้อกลายพันธุ์เหล่านี้ได้อยู่ โดยบริษัทผู้ผลิตหลายแห่งออกมายืนยันว่าสามารถตรวจได้

ต้นทุนขายแพงส่งผลต่อร้านยา

       ภก.ดร.วิศรุต  มองว่า การที่หน่วยงานรัฐพยายามจำหน่ายชุดตรวจ ATK ในราคาชุดละ 35 บาท ถือเป็นราคาที่เหมาะสม ซึ่งหน่วยงานรัฐสามารถทำได้ เพราะมีการจัดซื้อโดยตรง แต่ปริมาณในการขายต่อวันมีจำนวนจำกัด และการจำหน่ายจะเป็นเฉพาะจุด ยังไม่ได้ครอบคลุมทั่วประเทศ จึงทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงสินค้าได้อย่างทั่วถึง ทำให้ประชาชนต้องมาเลือกซื้อในส่วนที่เป็นทางเลือกคือ ร้านยา ซึ่งไม่สามารถจำหน่ายราคา 35 บาทได้ เพราะต้นทุนที่ได้มา ถ้าเทียบกับชุดตรวจยี่ห้อที่มีราคา
ถูกสุด ต้นทุนมาที่ 60–80 บาทต่อชุด ถ้าร้านยาขายราคาต่ำกว่านั้นก็ขาดทุน หรือยี่ห้อที่ประกาศตัวว่าตรวจเจอเชื้อโอมิครอนได้ ราคาต้นทุนอยู่ที่ชุดละ 150–180 บาท ทำให้เวลานำไปขายหน้าร้านจะตกอยู่ที่ 180–250 บาท ถ้าภาครัฐบังคับให้ร้านยาขายชุดละ 35 บาท จึงไม่มีทางเป็นไปได้

       “สิ่งที่ร้านยาแบกรับอยู่ตอนนี้คือ ต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะช่องทางที่จะมาถึงร้านยา บางร้านก็สามารถติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตได้โดยตรง ส่วนใหญ่จะเป็นร้านยาขนาดใหญ่ ซื้อทีละมาก ๆ สามารถขายชุดตรวจในราคาส่งได้ ซึ่งตอนนี้มีบางบริษัทผู้ผลิตไม่ปรับราคาเพิ่ม แต่ก็มีบางบริษัทปรับราคาขึ้น โดยอ้างว่าต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น แต่ปัญหาตอนนี้เกิดจากร้านยาย่อย ๆ ที่มีอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ซื้อชุดตรวจจากพ่อค้าคนกลาง ดังนั้นราคาจึงถูกบวกเพิ่มขึ้น และถ้ายี่ห้อไหนมีผลในการวิจัยว่าตรวจเจอโอมิครอนได้ ราคาก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก”   

       หากภาครัฐต้องการแก้ปัญหาชุดตรวจ ATK ที่มีราคาสูง จะต้องเข้ามาดูต้นทุนของร้านขายยาว่า ต้นทุนที่พวกเรารับมาชุดละเท่าไหร่ แต่ถ้าราคาต้นทุนมาแพงเหมือนตอนนี้ ก็ไม่มีทางที่ร้านยาจะขายชุดตรวจได้ในราคา 35 บาท แม้กระทรวงพาณิชย์จะมีประกาศว่า ชุดตรวจ ATK เป็นสินค้าควบคุมห้ามขายราคาแพง หรือห้ามขายเกินราคา แต่กระทรวงไม่เคยกำหนดราคามาตรฐานของชุดตรวจว่าควรอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ ซึ่งมีเพียงประกาศว่า ถ้าขายเกินราคาจะถูกจับ แต่ผู้ประกอบการร้านยา ไม่เคยมีใครรู้ว่าราคามาตรฐานควรอยู่ที่เท่าไหร่ ดังนั้นควรจะมีการกำหนดราคาที่ชัดเจนเหมาะสม โดยภาครัฐควรมีการนำต้นทุนของชุดตรวจแต่ละยี่ห้อมาวิเคราะห์ เพราะตอนนี้ต้นทุนของแต่ละยี่ห้อไม่เท่ากัน เช่น ชุดตรวจ ATK ที่นำเข้าจากเกาหลีจะราคาแพงมากขึ้น แต่ถ้าเป็นชุดตรวจที่นำเข้าจากจีนราคาจะถูกลง

แนะภาครัฐเร่งเข้าไปดูปัจจัยต้นทุน

         ภก.ดร.วิศรุต กล่าวต่อว่า ถ้าเทียบราคาชุดตรวจ ATK ของไทยกับหลาย ๆ ประเทศ ยังถือว่าราคาขายของเราถูกกว่าหลายประเทศ เพราะถ้าเทียบกับอเมริกา หรืออังกฤษ ราคาชุดตรวจจะอยู่ที่ 200–300 บาท ดังนั้นราคาจะแพงมากกว่าไทยประมาณ 2–3 เท่า แต่ถ้ามาเทียบกับประเทศในเอเชียอย่างสิงคโปร์ และญี่ปุ่น ชุดตรวจราคาอยู่ที่ 150–300 บาท ก็ยังมีราคาที่สูงอยู่ สำหรับราคาชุดตรวจ ATK ของไทยตกอยู่ที่ 80–100 บาท ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากจีน โดยได้รับการรับรองจาก อย. สินค้าส่วนใหญ่ การจะผ่านมาได้ย่อมต้องมีการทดลองและตรวจวัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน

            ที่ผ่านมาภาครัฐประกาศว่า ไม่ให้ขายชุดตรวจเกินราคา แต่ไม่เคยบอกถึงราคาที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งลูกค้าบางคนพอได้ยินว่าภาครัฐประกาศขายชุดละ 35 บาทบ่นร้านยาว่าขายในราคาแพง ทั้งที่จริงร้านยาก็รับมาต้นทุนเกิน 35 บาท ภาครัฐจึงต้องเร่งเข้ามาดูปัจจัยของต้นทุน ที่ทำให้ชุดตรวจมีราคาแพงตั้งแต่ต้นทาง ทุกวันนี้ชุดตรวจมีราคาแพง เนื่องจากความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนมักจะมาหาซื้อชุดตรวจยี่ห้อที่มีการโปรโมตผ่านอินเทอร์เน็ตว่า สามารถตรวจโอมิครอนได้ จึงทำให้ชุดตรวจยี่ห้อนี้ราคาพุ่งขึ้นสูงไปถึงชุดละ 200–300 บาท แต่จริง ๆ แล้วประชาชนสามารถใช้ชุดตรวจที่มีคุณภาพ ซึ่งได้รับการรับรองจาก อย.ได้เช่นกัน               

อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องเน้นย้ำสำหรับประชาชนที่มีความเสี่ยงสูง สิ่งแรกที่ควรทำคือ ต้องกักตัวเอง และตรวจ ATK ถ้าตรวจแล้วไม่พบก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ อาจจะต้องรอดูอีกซัก 2-3 วัน แล้วตรวจซ้ำใหม่อีกรอบ เพราะตอนนี้หลายคนก็ตรวจให้ผ่าน ๆ ไป แต่ที่จริงแล้วควรจะตรวจในช่วงเวลาที่เหมาะสม.