ถือว่าพลิกล็อก และทำให้สถานการณ์หลายอย่างเปลี่ยนไปพอสมควร สำหรับชัยชนะของ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ที่บุกไปมีเหนือ “จ่าฝูง” แมนฯ ซิตี สุดมัน 3-2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ทำไม สเปอร์ส ชนะ แมนฯ ซิตี เราไปวิเคราะห์ร่วมกัน

1) การวางหมากของ คอนเต
อันโตนิโอ คอนเต เปลี่ยนทีมหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะในแผงหลัง ทั้งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 3 ตัว และวิงแบ๊ก 2 ข้าง

เอริค ดายเออร์ กลับมาคุมแผงหลัง ร่วมกับ คริสเตียน โรเมโร และ เบน เดวีส์

เอเมอร์สัน โรยัล กลับมาเป็นตัวจริงเป็นวิงแบ๊กทางขวา ส่วนทางซ้ายต้องใช้ ไรอัน แซสเซญอง เพราะ เซร์คิโอ เรกีลอน ติดโควิด

แดนกลาง ปิแอร์ เอมิล ฮอจ์เบีย กลับมาเป็นตัวจริงร่วมกับ โรดริโก เบนตานกูร์ นักเตะใหม่

ในเกมรุก เดยัน คูลูเซฟกสกี แกนรุกคนใหม่ ลงตัวจริงนัดแรก ร่วมกับ แฮร์รี เคน กับ ซน ฮึง มิน

แท็คติกสำคัญที่ คอนเต สั่งลูกทีมในเกมนี้คือ รับลึกอย่างมีวินัย แล้วรอโต้กลับเร็ว

พวกเขาไปเยือน แมนฯ ซิตี แบบรู้ตัว ก่อนเกม ไม่มีใครคิดว่า สเปอร์ส จะได้แม้แต่ผลเสมอ

คอนเต จึงเน้นปลอดภัยไว้ก่อน นักเตะทุกคนลงมาอยู่หลังบอล คอยวิ่งไล่ แล้วค่อยหาจังหวะโต้กลับ

เป็นแท็คติกที่เหมาะกับเกมนี้ เพราะใครๆก็รู้ว่า ซิตี ยังไงก็ต้องบุก ทีมไหนไปบุกแลกด้วย ก็เหมือนฆ่าตัวตาย

รูปเกม สเปอร์ส จึงเป็นรองแบบสุดกู่ เปอร์เซ็นต์ครองบอลน้อยกว่าเยอะมาก

แต่ที่เด่นก็คือ “เกมรับ” ที่เกมนี้มีวินัย ไม่ตื่นเต้น ไม่ออกบอลเสียง่ายๆ และกล้าเล่นเกมรับ กล้าออกบอลตามช่องที่ แมนฯ ซิตี เปิดเอาไว้ให้บ้าง

รวมถึงโต้กลับได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะครึ่งหลัง ที่ได้โต้เมื่อไหร่ เป็นเรื่องทุกที

นี่คือการวางหมากระดับ “มาสเตอร์คลาส” ของ คอนเต อย่างแท้จริง

2) การกลับมาของ เอริค ดายเออร์
เอริค ดายเออร์ เจ็บไปหลายเกม และทำให้เกมรับ สเปอร์ส รวนเร เป๋ไปเป๋มา เพราะขาดผู้นำ

แม้จะได้ คริสเตียน โรเมโร กลับมาหลายเกมแล้ว (ซึ่งเจ้าตัวก็ทำได้ดีตามมาตรฐาน) แต่ โรเมโร คือตัวชน ไม่ใช่ตัวที่คอยเก็บกวาด คอยคุมบอล และคอยสั่งการ

หลายเกมที่ผ่านมา เราจึงได้เห็นว่ากองหลัง สเปอร์ส ผิดพลาดกันเยอะมาก เพราะแต่ละคนเล่นเหมือนไร้เสาหลัก ไม่มีผู้นำคอยบงการเกม

ดายเออร์ ยุค คอนเต ขึ้นมาเป็นผู้นำในเกมรับเต็มตัว รับภาระตัวสุดท้าย ที่คอยคัดท้าย เมื่อได้เขากลับมา แผงหลังจึงนิ่ง เสถียร มีความมั่นใจ และมีผู้นำคอยสั่งการ คอยประคับประคอง

แม้โดนบุกเยอะ แต่โดนยิงตรงกรอบแค่ 4 ครั้ง และถ้าหาก ฮูโก โยริส ไม่พลาด รับบอลไม่อยู่ และ โรเมโร ไม่ทำแฮนด์บอล อาจไม่เสีย 2 ประตู

3) นักเตะใหม่
คอนเต ตัดสินใจส่ง 2 นักเตะใหม่ ทั้ง เบนตานกูร์ และ คูลูเซฟสกี ลงเป็นตัวจริงพร้อมกันครั้งแรก นับตั้งแต่ย้ายมาจาก ยูเวนตุส ในเดือนม.ค.

เบนตานกูร์ ได้ลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ย้ายมา และปรับตัวได้เร็ว เข้ามาเป็นตัวหลักในแดนกลางได้ทันที เพราะมีความขยัน อ่านเกมดี กล้าออกบอล และให้บอลฉลาด

นัดนี้ มิดฟิลด์อุรุกวัย ก็เหมือนเป็นเพลย์เมคเกอร์เกมรับ คอยบงการเพื่อนว่าควรไล่ตอนไหน ควรลงไปรับลึกตอนไหน และมีความขยันขึ้นไปวิ่งเพรสซิ่งจนพวก แมนฯ ซิตี ออกบอลยากหลายครั้ง

อาจมีออกบอลพลาดไปบ้าง แต่การโดน แมนฯ ซิตี เพรสขนาดนี้ ใครๆก็พลาดทั้งนั้น แต่โดยรวมถือว่าเข้ามายกระดับทีมได้ทันที ถ้าไม่เจ็บหรือแบน น่าจะเป็นตัวหลักยาวๆ

อีกคนคือ คูลูเซฟสกี ที่ลงมานัดแรกๆ ดูอืดๆ ตัวใหญ่ แต่เล่นปีก อาจไม่รุ่งในอังกฤษ

แต่เขาก็มีจุดเด่นตรงความขยัน และการเลี้ยงตัดจากขวาเข้าซ้ายเพื่อยิงหรือเปิดให้เพื่อน ซึ่งจับทางยาก

พอร่างกายดีขึ้น เริ่มปรับตัวได้มากขึ้น เข้าใจเกม และบทบาทของตัวเองมากขึ้น ทำให้เกมนี้เขาเป็นอีกคนที่เล่นดี และเป็นอีกหนึ่งอาวุธสำคัญในเกมรุกต่อไปแน่นอน

4) การกลับมาของ เคน-ซน
แฟน สเปอร์ส ได้เห็นเกมโต้กลับสวยๆแบบเร้าใจ การให้บอลแล้ววิ่งไปเอาของคู่ขา เคน-ซน อีกครั้งในเกมนี้

ทั้งคู่มีส่วนต่อเกมต่อกลับของ สเปอร์ส อย่างใหญ่หลวง เคน เป็นเหมือนจุดหมุนคอยลงต่ำมาเอาบอล แล้วหาช่องแทงทะลุ

ส่วน ซน ร่างกายกลับมาฟิตเปรี๊ยะ ให้เพื่อนทิ้งบอลไปที่ว่าง แล้วใช้ความเร็ววิ่งไปเล่น สร้างปัญหาให้ แมนฯ ซิตี ได้ทั้งเกม

แถมมี 2 แอสซิสต์ทั้งลูกแรก และประตูชัย ที่ทำให้เขาเด่นไม่น้อยกว่า เคน ที่ทำ 2 ประตูด้วย

จากนี้ หวังว่าจะไม่มีใครเจ็บ และเล่นเข้าขารู้ใจกันแบบนี้ต่อไป

5) กองหลังของ แมนฯ ซิตี
ความจริงแล้ว แมนฯ ซิตี คือทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในลีกฤดูกาลนี้ แต่การเสีย 3 ประตูในนัดนี้ ทำให้พวกเขาเสีย 17 ประตู เท่ากับ วูล์ฟส์ แต่ก็ยังดีกว่าทีมอื่นๆอยู่ดี

เหตุหนึ่งที่ทำให้ ซิตี เสียประตูน้อย เพราะคติของพวกเขาคือ เกมรุกคือเกมรับที่ดีที่สุด

เมื่อเล่นเกมรุกดี คุณก็จะไม่ต้องเหนื่อยมากในเกมรับ เพราะเพื่อนร่วมทีมช่วยสกรีนไว้เยอะก่อนบอลจะมาถึง

แต่เกมนี้ คอนเต แก้หมากมาถูกจุด ลงไปรับลึก ทำให้เกมรุกเจาะลำบาก แถมยังมีเกมโต้กลับที่อันตราย มีนักเตะเหมาะสมกับการเล่นโต้กลับได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้เปิดแผล แมนฯ ซิตี ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ทั้ง 3 ประตูที่เสีย เกิดจากลักษณะคล้ายกันทั้งสิ้น คือหลุดกับดักล้ำหน้า แล้วแทงตามช่องให้ตัวที่ไม่มีใครประกบ

แสดงให้เห็นว่า แผงหลัง แมนฯ ซิตี ยังมีช่องให้เจาะ คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ อายเมริค ลาปอร์ก กับ รูเบน ดิอาส ยืนห่างกัน ทำให้มีช่อง

แบ๊ก 2 ข้าง ก็บุกอย่างเดียว และประกบ เคน ไม่ดีในลูกที่เสียประตูที่ 3

เปป กวาร์ดิโอลา ย่อมมองเห็นจุดนี้ และคงกลับไปแก้อย่างหนักหน่วง เพราะต่อให้เกมรุกดีแค่ไหน ถ้าหากโดนโต้มาแล้วหายแบบนี้ ก็เหนื่อย

สถานการณ์ตอนนี้ นำหน้า ลิเวอร์พูล เหลือ 6 แต้ม และเตะมากกว่า 1 นัด รวมถึงมี “เกมแห่งฤดูกาล” นัดที่ต้องเจอกันเองอีกนัด ทำให้อะไรก็ไม่แน่ไม่นอนขึ้นมาเสียแล้ว

การลุ้นแชมป์จึงถูกเป่านกหวีดเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเรียบร้อย.

กัปตันเจมี