จำได้เลา ๆ ว่าสัก 2 เดือนก่อนหน้านี้ ยังเคยเขียนถึง ลิเวอร์พูล ในทำนองว่าชีวิตนี้อยู่ได้ด้วยความหวัง เพราะตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด “หงส์แดง” ยังตาม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี 12 แต้ม แถมลูกทีมของ เปป กวาร์ดิโอลา ยังอยู่ในช่วงเข้าฝักสุด ๆ ดูยังไงก็ไล่ยาก…

จำเนียรกาลผ่านไปราว 2 เดือน ตอนนี้ ลูกทีมของ เจอร์เกน คลอปป์ ขยับเข้ามาหายใจรดต้นคอ เหลือช่องว่างตามหลัง “เรือใบสีฟ้า” แค่ 3 คะแนนแล้ว…!!!

เกมตกค้างนัดเปิดบ้านรับมือ “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อวันพุธที่ผ่านมานั้น มองตามเนื้อผ้าก่อนเกมแล้ว “หงส์แดง” เหนือกว่าหลายกระบุงโกยนัก และเมื่อลงสนามกันจริง ๆ มันก็ไม่ผิดจากที่ใคร ๆ คาดไว้สักเท่าไหร่

การไม่มี ดีโอโก โชตา และ โรแบร์โต ฟีร์มิโน ถูกทดแทนด้วยการมาของ หลุยส์ ดิอาซ ได้อย่างไร้รอยต่อเมื่อต้องประสานงานกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน ขณะที่การมี ติอาโก อัลคันทารา ลงมาคุมเกมในแดนกลางนั้น ทำให้เกมของ “หงส์แดง” ลื่นไหลแบบไม่มีสะดุด

กระนั้น ในช่วง 10 นาทีแรกดูเหมือน “ยูงทอง” จะเริ่มต้นได้ดีกว่า บีบเกมจน “หงส์แดง” ตั้งลำได้ไม่ถนัด และหากลูกที่ อลิสซอน เบคเกอร์ ออกบอลช้า และถูก แดเนียล เจมส์ วิ่งเข้ามาปั๊มในช่วงนาทีที่ 6 ของเกม กลายเป็นประตู หรือแม้กระท้่งกลายเป็นจุดโทษ (ซึ่งดูแล้วก็ให้ได้อยู่เหมือนกัน) ก็ไม่รู้ว่าโฉมหน้าของเกมจะออกมาแบบเดิมหรือเปล่า?

แต่เมื่อไม่เสียจุดโทษ และไม่เสียประตู มันเหมือนเป็นการสะกิดบรรดาขุนพล “หงส์แดง” ให้ตื่นจากภวังค์ และหลังจากนั้นจนจบเกม พลพรรค “ยูงทอง” แทบไม่ได้โงหัวอีกเลย…

2 จุดโทษของ ซาลาห์ ในครึ่งแรก ไม่น่ามีข้อกังขาใด ๆ และนั่นทำให้ดาวยิงทีมชาติอียิปต์ขยับจำนวนประตูซีซั่นนี้เป็น 19 ลูก นำโด่งเป็นดาวซัลโวโดยทิ้งอันดับ 2 อย่าง ดีโอโก โชตา ถึง 7 ประตู และอันที่จริงแล้ว ดูจากโอกาสที่มี เกมนี้ “โม” ไม่ได้แฮตทริกถือว่าน่าเสียดายสุด ๆ

ส่วนอีกประตูของ โฌแอล มาทิป ที่พาบอลเข้าไปในแดนของ ลีดส์ ฝากบอลให้ ซาลาห์ แล้วเติมเข้าไปในกรอบเขตโทษแบบตัวเปล่าเล่าเปลือยไร้คนประกบ ก่อนจะรับบอลกลับมาจาก “โม” แล้วยกข้ามตัว อิลลัน เมส์ลิเยร์ เข้าไปแบบเหนือชั้นนั้น ถทอเป็นความยอดเยี่ยมที่นอกเหนือจากเกมรับ ซึ่งเขาน่าจะเป็นคนที่ยืนคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้มีประสิทธิภาพที่สุดแล้ว เจ้าตัวยังมีเกมรุกให้เห็นด้วย

ส่วนครึ่งหลัง ทีมของ เจอร์เกน คลอปป์ อาจจะไม่ได้เหยียบคันเร่งมิด เปิดทางให้ทีมเยือนมีโอกาสโต้บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่กว่า “ยูงทอง” จะได้โอกาสยิงครั้งแรกก็เลย 1 ชั่วโมงของเกมไปแล้ว และเมื่อทำไม่ได้ “หงส์แดง” จึง “ปิดจ็อบ” ด้วยการรัวอีก 3 ลูกในช่วง 10 นาทีสุดท้าย จาก มาเน 2 ประตู และปิดท้ายด้วยลูกโขกของ ฟาน ไดค์ ครบครึ่งโหลพอดี

2 ประตูของ ซาลาห์ 2 ประตูของ มาเน และ 2 ประตูของคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ จะหาชัยชนะที่สวยงามกว่านี้คงมีไม่มาก แต่สิ่งสำคัญกว่าความสวยงาม คือการไล่ตามจ่าฝูงเหลือแค่ 3 แต้ม เรียกได้ว่าตอนนี้ เปป กวาร์ดิโอลา มองกระจกหลังจะเห็น เจอร์เกน คลอปป์ จี้ตูดเข้ามาแล้ว…

เชื่อว่านาทีนี้ การลุ้นแชมป์จะเป็นเรื่องของ แมนเชสเตอร์ ซิตี กับ ลิเวอร์พูล แค่ 2 ทีมแน่นอนแล้ว และด้วยสถานการณ์ที่ตามหลังแค่ 3 แต้ม แต่ประตูได้เสียดีกว่าที่ +50 ขณะที่ ซิตี +46 นั้น 12 เกมที่เหลือ แฟนบอลทั้ง 2 ทีมคงต้องกลั้นหายใจ และกระพริบตาไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

โดยเฉพาะเกมเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม ของ “เรือใบสีฟ้า” ในวันที่ 10 เม.ย. นั้น สำคัญสุด ๆ และอาจเป็นเกมชี้ชาดแชมป์ซีซั่นนี้ได้เลยทีเดียว

แค่พูดถึง เหล่า “เดอะ ค็อป” ก็แทบอดใจรอไม่ไหวแล้วล่ะครับ….