เอาเข้าจริง เกมกับ เบิร์นลีย์ ไม่เคยง่าย โดยเฉพาะการไปเยือนเทิร์ฟมัวร์ ยิ่งในวันที่สภาพอากาศเลวร้าย ลมแรง ฝนตก หนาวจัด ยิ่งเพิ่มความยากให้ทุกทีมที่ไปเยือน

ฤดูกาลนี้ เบิร์นลีย์ ฟอร์มไม่ดีก็จริง แต่หลังตั้งหลังกได้ ความคุ้นเคยเก่าๆก็เริ่มกลับมา ผลงานก็เริ่มดีขึ้น เริ่มเห็นเงาของทีมเดิมที่อันตรายของ ฌอน ไดช์ หลังจากนี้ ใครเจอพวกเขา บอกเลยว่าไม่ง่าย

การบุกไปแพ้ เบิร์นลีย์ ของ สเปอร์ส จึงถือว่าไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย

ยิ่งด้วยฟอร์มก่อนหน้า ที่แพ้ 3 จาก 4 นัด ยิ่งเห็นชัดว่า สเปอร์ส อยู่ในช่วงฟอร์มตก แม้เกมก่อนหน้านี้ เพิ่งพลิกล็อกเอาชนะ แมนฯ ซิตี มาได้ก็ตาม

อันโตนิโอ คอนเต จัดชุดเดิมกับที่ชนะ แมนฯ ซิตี ลงสนาม เดยัน คูลูเซฟสกี ยังได้โอกาสทำเกมรุกทางขวา ประสานงานกับ แฮร์รี เคน และ ซน ฮึง มิน

แดนหลัง เอริค ดายเออร์ ประจำการต่อ ร่วมกับ เบน เดวีส์ และ คริสเตียน โรเมโร

แดนกลาง โรดริโก เบนตานกูร์ ยึดตัวจริงต่อเนื่องกับ ปิแอร์ เอมิล ฮอยจ์เบีย วิงแบ๊กก็ยังใช้ ไรอัน แซสเซญอง กับ เอเมอร์สัน โรยัล

เริ่มเกม เบิร์นลีย์ มาดุ วิ่งไล่เพรสซิ่งใส่ เพราะรู้ว่าเป็นจุดอ่อน สเปอร์ส ทำให้นักเตะทีมเยือนแทบไปไม่เป็น

แดนหลังออกบอลไม่ได้ แดนกลางเชื่อมเกมไม่ได้ แฮร์รี เคน ต้องลงมาล้วงลูกเองหลายครั้ง ซน ฮึง มิน แทบถูกตัดออกจากเกม

ลูกหนัก และการวิ่งไล่ของเจ้าถิ่น สร้างปัญหาให้ สเปอร์ส จนตั้งเกมไม่ติด ครองบอลได้ก็จริง แต่แค่เคาะไปมา เบิร์นลีย์ ลงไปอยู่หลังบอลกันหมด ทำให้หาช่องเจาะลำบาก

ที่สำคัญ โอกาสจะแจ้ง สเปอร์ส น้อยมาก กลายเป็น เบิร์นลีย์ ด้วยซ้ำ ที่มีลุ้นมากกว่า ฮูโก โยริส ต้องเซฟหลายครั้ง ขณะที่ นิค โปป มีเซฟจะๆแค่ครั้งเดียว

แล้วก็เหมือนหนังม้วนเดิม เบิร์นลีย์ ใช้ลูกบอมบ์เข้าโจมตี สเปอร์ส ก็พลาดในการประกบตัว ปล่อยให้ เบน มี โหม่งเข้าไปในครึ่งหลัง แพ้ไปในที่สุด

เป็นการแพ้ 4 จาก 5 นัดหลังในลีก โอกาสติดท็อป 4 ยิ่งกว่าเลือนลาง

แต่ก็อย่างที่บอกว่า ด้วยสถานการณ์ของ สเปอร์ส ตอนนี้ การไปเยือน เบิร์นลีย์ ช่วงขาขึ้นแบบนี้ ความพ่ายแพ้ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นจังหวะของเกม ที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว

ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ มันก็คงเป็นแค่ความพ่ายแพ้อีกนัด แต่เมื่อมันเกิดในช่วงทีมผลงานดร็อป (มาก) จึงเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคอมเมนท์ของ คอนเต หลังเกม ที่เปรยว่า อาจจะออก

แปลกมาก ไม่รู้เพราะอะไร คอนเต คุม สเปอร์ส ในลีก 9 นัดแรกไม่แพ้เลย แต่ช่วงที่พรีเมียร์ลีกเบรกไปนาน จากทั้งเกมทีมชาติ และเอฟเอ คัพ หลังจากนั้น สเปอร์ส แพ้ 4 จาก 5 เกม

ทั้งที่ทีมก็ชุดเดียวกัน แถมตลาดเดือนม.ค. ได้ตัว เบนตานกูร์ กับ คูลูเซฟสกี มาเพิ่ม แม้จะเสียนักเตะไป 4 คน แต่ก็ไม่ใช่ตัวหลัก ทีมจึงน่าจะแข็งแกรงขึ้น ผลงานจึงน่าจะดีขึ้นด้วยซ้ำ

ทำไมถึงเป็นตรงกันข้าม

ถ้าให้ตั้งข้อสังเกตคือ 1) ความผิดพลาดกันเอง 2) นักเตะยังไม่ดีพอ 3) ตัวกุนซือ

ข้อ 1 ความผิดพลาดกันเอง ไม่ต้องพูดกันอีกแล้ว เพราะพูดมาหลายครั้งจนอ่อนใจ ถ้ายังสลับกันพลาดแบบนี้ ยังไงก็ไปไม่ถึงไหน ไม่ต้องหวังไปจะยุโรปกับใครเขา

ข้อ 2 คุณภาพนักเตะ สเปอร์ส ชุดนี้ ก็อาจจะได้แค่นี้จริงๆ หลายคนอาจมีศักยภาพ แต่อาจต้องการเวลาอีกเยอะ หรืออาจไม่สามารถพัฒนาต่อแล้วก็ได้

สุดท้ายคือ คอนเต

การที่เขาเปรยว่าจะลาออก ฟังดูอาจเหมือนกันตำหนิตัวเอง ที่อาจไม่เก่งพออย่างที่ตัวเองคิด แต่ใจความจริงๆที่เขาต้องการสื่อให้สโมสร และแฟนบอลเข้าใจก็คือ “สโมสรเอ็งยังไม่ดีพอ”

ประมาณว่า ทำเต็มที่แล้ว ทุ่มเทเต็มที่แล้ว แต่ก็แพ้แล้วแพ้อีก ทำให้ไม่เข้าใจแล้วว่าทำไม ทางออกที่ดีที่สุดจึงน่าจะมีทางเดียวคือไปจากสโมสร

นับตั้งแต่ตลาดนักเตะเดือนม.ค.ปิดตัวลง มีข่าวลือมาตลอดว่า คอนเต ไม่แฮปปี้กับบอร์ดบริหาร เพราะไม่ได้นักเตะที่ต้องการ บอร์ดไม่ทำตามที่สัญญาไว้ จึงอาจจะไปจากทีม

แม้หลังจากนั้น เขาจะยืนยันว่ามีความสุข พร้อมสู้ต่อ แต่ผลงานกลับเป็นตรงกันข้ามกับช่วงแรก ที่ไม่ข่าวระหองระแหง ทั้งๆที่นักเตะทีมเดียวกัน แผนการเล่นเดียวกัน กุนซือก็คนเดียวกัน

การมา สเปอร์ส ของ คอนเต มีการวิเคราะห์ตั้งแต่แรกว่า ไม่เหมาะสม เพราะสโมสรไม่ยิ่งใหญ่พอสำหรับกุนซืออย่างเขา ระดับเขาต้องไปทีมใหญ่ๆ ที่มีเงินถุงเงินถังเท่านั้น

ภาษาวัยรุ่นพูดง่ายๆคือ “เคมี” ไม่ตรงกัน

แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม คอนเต ถึงเลือกมา สเปอร์ส และก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเต็มใจแค่ไหน ที่สำคัญคือทัศนคติที่คิดว่าตัวเองใหญ่กว่าสโมสร จะมีในหัวของเขาบ้างหรือไม่ ?

ถ้ามีคงเป็นเรื่องใหญ่ เพราะไม่ว่ากับงานใดๆ ถ้าทำงานด้วยทัศนคติดูหมิ่นดูแคลนสโมสรหรือองค์กรแบบนี้ ไม่มีทางไปรอด เพราะไม่มีองค์กรไหนในโลกทำตามใจคุณได้ทุกอย่าง

ไม่ว่าคุณเป็นใครหรือยิ่งใหญ่มาจากไหน

การออกมาวิจารณ์ทีมอย่างรุนแรง และตรงไปตรงมาครั้งนี้ จึงอาจตอกย้ำให้เห็นจริงๆเสียทีว่า เขาก็ไม่ได้อยากมาคุม สเปอร์ส สักเท่าไหร่

แม้ว่าก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน เขาเองเพิ่งจะบอกว่าแฮปปี้กับนักเตะชุดนี้ก็ตาม

ดังนั้นถ้าไม่มีใจ ก็ไปๆเถอะครับ !

กัปตันเจมี