วันหนึ่งผมเห็นโปสเตอร์กิจกรรมของ Little Heart Club เป็นคลับที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวเพื่อการเรียนรู้ในการเลี้ยงลูก ตั้งแต่เด็กเล็ก วัยรุ่น ไปจนถึงสอนพ่อแม่คล้าย ๆ กับเป็น Parent Coaching มีหัวข้อที่น่าสนใจคือ Sexology talk and etc. with teen การคุยเรื่องเพศกับลูกวัยรุ่น เมื่อเห็นชื่อ “หมอโอ๋ เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน” เป็นผู้นำกิจกรรมและร่วมพูดคุยยิ่งน่าสนใจทันที เพราะลูกผมเองเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว ผมก็ไม่เคยพูดเรื่องเพศกับลูกแบบตรงไปตรงมาเสียที

ผู้จัดและวิทยากร

ผมเข้าร่วมกิจกรรมเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ครอบครัวจะส่งตัวแทนเป็นคุณแม่เดี่ยว ๆ มาเข้าร่วม ผมเป็นคุณพ่อคนเดียว และมีอีกหนึ่งครอบครัวที่มาทั้งคุณพ่อคุณแม่ มี แม่ป่าน-คุณพิชญา มัยลาภ ผู้ก่อตั้ง Little Heart Club และ Daisy Ray School เป็นผู้จัดงาน มี หมอโอ๋-ผศ.พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร อาจารย์แพทย์ด้านเวชศาสตร์วัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และแอดมินเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” และ หมอจอย-อ.พญ.ลลิต ลีลาทิพย์กุล กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์วัยรุ่น อาจารย์ประจำวิชากุมารแพทย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาร่วมสนทนา

กระบวนการเรียนรู้

หมอโอ๋บอกว่า กิจกรรมครั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องจดลงสมุด แต่ขอให้ร่วมทำกิจกรรมแบบการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ หรือ Transformative Learning เพื่อนำไปสู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงในการมองเห็นตัวเอง การฟังอย่างลึกซึ้งและสะท้อนออกมา โดยหมอโอ๋จะทำหน้าที่นำกิจกรรมและเป็นกระบวนกรในการกระตุ้นเพื่อให้พ่อแม่เกิดความคิดด้วยตัวเอง บางครั้งคำถามอาจจะจากหลุดจาก Safe Zone ไปสู่ Fear Zone แต่ขอให้คุณพ่อคุณแม่ผู้เข้าร่วมช่วยตอบคำถามตามความเป็นจริง และยืนยันว่าพื้นที่แห่งนี้จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยของทุกคน คุณพ่อคุณแม่ตกลง

เริ่มต้นคุณหมอให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนยืนเรียงกัน แล้วถามคำถามง่าย ๆ เช่น เรียงตามอายุจากน้อยไปมาก (เลขน้อยอยู่หัวแถว) เรียงตามตัวอักษรของจังหวัดที่เกิด แล้วเข้าสู่คำถามว่าชอบเพศตรงข้ามอายุเท่าไหร่ มีแฟนคนแรกอายุเท่าไหร่ จูบครั้งแรกอายุเท่าไหร่ มี sex ครั้งแรกอายุเท่าไหร่ ฯลฯ แรก ๆ คุณพ่อคุณแม่เดินย้ายที่สลับตำแหน่งกันอย่างรวดเร็ว แต่พอคำถามท้าย ๆ เริ่มเดินช้าลงเหมือนขาเริ่มหนักขึ้น

คุณหมอถามว่า ทำไมคำถามท้าย ๆ ทุกคนเริ่มขยับช้า มีบางคนบอกว่าอาย ส่วนที่บอกว่าไม่อายก็มี (เช่นผม) โดยบอกว่า อาจจะเพราะเป็นผู้ชายและเป็นเรื่องอดีตที่ผ่านมาแล้ว เรื่องแบบนี้ธรรมดา บางคนบอกว่า เชื่อว่าที่แห่งนี้เป็นที่ปลอดภัยถึงกล้าพูด หรือบางคนก็บอกว่า กล้าเพราะไม่รู้จักกัน ไม่น่าจะมีใครตัดสินตัวเรา

คุณหมอถามต่อว่า ถ้าในที่นี้มีแต่คนรู้จักกัน เราจะอายหรือไม่ หลายคนพยักหน้า คุณหมอถามต่อว่า มีใครเคยพูดเรื่องเพศกับคุณพ่อคุณแม่ตัวเองบ้าง เกือบทั้งหมดบอกว่าไม่เคย โดยมีเหตุผลมากมายเต็มไปหมด เช่น เห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องของวัฒนธรรมว่าเรื่องเพศไม่ควรพูด ได้รับการบอกเล่าว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องต่ำ ฯลฯ แล้วคุณหมอก็แบ่งกลุ่มให้คุณพ่อคุณแม่ถกกันว่า “เรื่องรู้เรื่องเพศจากไหน” หลายคนบอกว่าเพื่อน สื่อต่าง ๆ (หนัง ละคร หนังสือ VDO) ถ้ารุ่นพ่อแม่ที่มีอายุขึ้นมาหน่อยบอกว่าอ่านจากนิยายแล้วก็จินตนาการตาม

สถานีชีวิต

มาถึงตรงนี้คุณหมอมี สถานีชีวิต โดยมีหัวข้อต่าง ๆ ให้คุณพ่อคุณแม่ได้แสดงความคิดเห็นและถกกันเพิ่มเติม โดยจับเป็นคู่ เช่น จีบ sex ครั้งแรก ถ้าวันนั้น…ฉันตั้งท้อง อยู่ก่อนแต่ง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิด ประสบการณ์ ลงรายละเอียดแบบเปิดใจมากขึ้น

พ่อแม่หลายคนชอบสถานีนี้เพราะสนุกและเปิดโลกจากเรื่องของคู่สนทนาที่ไม่เคยทราบ หลายคนบอกว่ารู้สึกได้ถึง Growth Mindset ที่เติบโตขึ้นเมื่อมองย้อนกลับไป คุณหมอเสริมว่า สมองวัยรุ่นโดดเด่นด้านอารมณ์ ทำตามความรู้สึกและอยู่กับปัจจุบัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะพยายามยกอธิบายความเป็นเหตุเป็นผล เด็กวัยรุ่นจะไม่ฟัง นอกจากนี้วัยรุ่นมีสมองส่วนหน้าที่ดูแลด้าน EF ยังพัฒนาไม่เต็มที่ ประสบการณ์ในอดีตมีน้อย สิ่งสำคัญคือ ถ้าเกิดล้ม สิ่งสำคัญคือ จะช่วยให้เขาลุกได้อย่างไร

ทำไมพ่อแม่ถึงไม่คุยเรื่องเพศกับลูกวัยรุ่น

เพราะวัฒนธรรมไทยเข้มงวดและห้ามที่จะคุยเรื่องเพศกับลูก คิดว่าหน้าที่สอนเรื่องเพศไม่ใช่หน้าที่ของพ่อแม่ พ่อแม่เองก็สอนไม่เป็น รวมถึงเรื่องของช่องว่างระหว่างวัย

ทำลูกวัยรุ่นถึงไม่คุยเรื่องเพศกับพ่อแม่

เพราะลูกวัยรุ่นคิดว่าพ่อแม่หัวโบราณ โลกแคบ มองเรื่องเพศเป็นเรื่องหยาบ ชอบจับผิด ชอบใช้วิธีห้ามและขู่

ฟังอย่างตั้งใจ

คุณหมอให้คุณพ่อคุณแม่จับคู่ เปิดรูปที่ชอบที่สุดในมือถือ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับภาพนั้นว่าชอบเพราะอะไร โดยอีกฝ่ายฟังเพียงอย่างเดียว ไม่พูด ไม่ถามใดๆ เมื่อคุณหมอแจ้งหมดเวลา ให้ผู้ฟังเมื่อสักครู่สะท้อนกลับตามความคิดของตัวเองว่าคิดเห็นอย่างไร โดยอีกฝ่ายรับฟังอย่างเดียว ไม่โต้ตอบใด ๆ

วิธีพูดคุยกับลูกวัยรุ่นเรื่องเพศ

คุณหมอถามว่า ระหว่างเป็นผู้ฟังอย่างเดียวและพูดไม่ได้รู้สึกอย่างไร คุณพ่อคุณแม่บอกว่าอึดอัด คันปาก อยากพูดอยากถาม คุณหมอบอกว่านั่นคือวิธีการที่จะรับฟังลูกวัยรุ่น ขอให้ฟังอย่างเดียว โดยไม่เผลอตัดสิน แทรกถาม แย่งซีน หรือด่วนปลอบใจ ควรปล่อยให้ลูกพูดออกมา เราเป็นผู้รับฟังเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าเผลอในสิ่งที่กล่าวมา ลูกวัยรุ่นจะไม่อยากพูดกับเราอีก การฟังมีหลายแบบ คือ ฟังผ่านหัว ฟังผ่านหู (ได้ยินแล้วมโน สวนลูกไปในทันที) และดีที่สุดคือ ฟังผ่านใจ ฟังให้เห็นถึงความรู้สึกและความต้องการของลูก ว่าที่ลูกเล่าให้ฟัง เขาต้องการอะไร พยายามคิดว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ พูดคุยกันธรรมดาเป็นเรื่องทั่วไปเหมือนเรื่องดินฟ้าอากาศ ขอให้คุณแม่เปิดใจให้กว้างไว้

นอกเหนือจากนี้ยังมีวิธีการสอนลูกให้รู้จักปฏิเสธเมื่อมีคนต้องการจะมีเพศสัมพันธ์ด้วย รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ มากมายที่เป็นประโยชน์กับพ่อแม่ที่อยากคุยกับลูกเรื่อง sex ถ้าใครสนใจ มีข้อมูลเหล่านี้ในเพจของ Little Heart Club หรือจะเข้าไปร่วมกิจกรรมได้ที่ https://www.facebook.com/Littleheartclub ครับ.

………………………………………..
คอลัมน์ : ก้อนเมฆเล่าเรื่อง
โดย “น้าเมฆ”
https://facebook.com/cloudbookfanpage