ณ นาที การขับเคี่ยวแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถ้าเป็นมวยไทยก็เข้าสู่ช่วงปี่กลองเชิดปลายยก 5

แถมบนล็อกราคายังชิงดำเสียด้วย ภาษามวยเรียกว่าลุ้นกันตีนสุดท้าย…!!!

จากช่วงกลางเดือนมกราคม ลิเวอร์พูล ยังตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี ถึง 13 คะแนน แต่หลังจบเกมที่ “หงส์แดง” บุกอัด “ปืนใหญ่” 2-0 เมื่อวันพุธ ช่องว่างตอนนี้เหลือแค่ “แต้มเดียว” แล้ว ขณะที่เหลือเกมให้ลงสนามอีก 9 นัด

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แมนฯ ซิตี เพิ่งสะดุดได้แค่บุกเสมอ คริสตัล พาเลซ 0-0 ดังนั้น ก่อนเกมวันพุธ แฟนบอล “หงส์แดง” มีความหวังอันเรืองรองที่จะบีบช่องว่างให้เหลือแค่แต้มเดียว

กระนั้น มันยังมีความกังวลอยู่บ้าง เพราะคู่ต่อสู้ที่ขวางทางอยู่นั้นคือ อาร์เซนอล ที่กำลังมาแรง ชนะในลีกมา 5 เกมติด และต้องการ 3 แต้มเพื่อรักษาความได้เปรียบในการลุ้นแย่งอันดับ 4

ซึ่งมีแนวโน้มว่าเกมนี้ ลูกทีมของ มิเกล อาร์เตตา จะไม่ใช่ลูกไล่ให้ “หงส์แดง” ไล่ขย่มเหมือนหลาย ๆ เกมในช่วงหลังอีกแล้ว

ซึ่งในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น เมื่อในครึ่งแรก อาร์เตตา วางเกมให้ลูกทีมมาอย่างเนี้ยบ ในหลายช่วงกดจน “หงส์แดง” ขึ้นเกมบุกไม่ได้ ทำให้เหล่า “เดอะ ค็อป” หลายคนชักกังวลกลัวจะพลาด 3 คะแนนเพื่อกดดัน “เรือใบสีฟ้า” เพราะไม่ใช่ว่าลูกทีมของ เปป กวาร์ดิโอลา จะทำแต้มหลุดมือแบบนี้กันบ่อย ๆ

และหากจังหวะที่ ติอาโก อัลคันทารา คืนหลังพลาดในช่วงต้นครึ่งหลัง แล้ว มาร์ติน โอเดการ์ด สำเร็จโทษได้ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเหตุการณ์หลังจากนั้นจะออกมาเป็นอย่างที่เป็นอยู่หรือไม่

แต่เมื่อปิดบัญชีไม่ลง ความละเอียดและเก๋าเกมของ “หงส์แดง” ก็เริ่มสำแดงเดช เมื่อมีโอกาสจะจะ พวกเขาไม่พลาด และ 2 ประตูของ ดีโอโก โชตา และ โรแบร์โต ฟีร์มิโน ก็คือสิ่งที่ชี้ขาดความแตกต่างในเกมนี้

อย่างที่บอกในตอนต้น 3 คะแนนของ “หงส์แดง” ในเกมนี้ เป็นสัญญาให้ปี่กลองเชิดใน 9 เกมสุดท้ายของฤดูกาล

9 นัดที่เหลือของ ลิเวอร์พูล มีเกมกับ วัตฟอร์ด (เหย้า), แมนฯ ซิตี (เยือน), แอสตัน วิลลา (เยือน), แมนฯ ยูไนเต็ด (เหย้า), เอฟเวอร์ตัน (เหย้า), นิวคาสเซิล (เยือน), ทอตแนม ฮอตสเปอร์ (เหย้า), เซาแธมป์ตัน (เยือน) และปิดท้ายด้วยการเล่นในบ้านเจอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส

ส่วน 9 เกมที่เหลือของ แมนฯ ซิตี มี เบิร์นลีย์ (เยือน), ลิเวอร์พูล (เหย้า), วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส (เยือน), ไบรท์ตัน (เหย้า), วัตฟอร์ด (เหย้า), ลีดส์ (เยือน), นิวคาสเซิล (เหย้า), เวสต์แฮม (เยือน) และปิดท้ายด้วยการเล่นในบ้านกับ แอสตัน วิลลา

ดูโปรแกรมแล้วความยากง่ายพอ ๆ กัน แต่จุดชี้ชะตาสำคัญคือเกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ในวันที่ 10 เม.ย. นี้ ซึ่งแน่นอนว่านี่คือเกมที่แฟนบอลทั้ง 2 ทีมพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

สถิติที่น่าสนใจจากเกม อาร์เซนอล – ลิเวอร์พูล

  • เจอร์เกน คลอปป์ พา ลิเวอร์พูล เอาชนะ อาร์เซนอล เป็นเกมที่ 10 จาก 18 เกม ถือเป็นกุนซือ “หงส์แดง” คนที่ 2 ที่พาทีมเอาชนะ “ปืนใหญ่” 10 เกมขึ้นไป ต่อจาก บิล แชงค์ลีย์ ที่พาทีมชนะ อาร์เซนอล 11 จาก 28 เกม
  • เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (11 แอสซิสต์), โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (10 แอสซิสต์) และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (10 แอสซิสต์) ช่วยให้ฤดูกาลนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ซีซั่น 2019-20 ที่มีนักเตะในทีมแอสซิสต์เป็นเลข 2 หลัก 3 คนในฤดูกาลเดียว ซึ่งในซีซั่นนั้นก็เป็น 3 คนเดิมนี่เอง
  • อลิสซอน เบคเกอร์ เก็บคลีนชีตเป็นเกมที่ 16 ในเกมลีกซีซั่นนี้ เป็นสถิติมากสุดในลีกเท่ากับ เอแดร์ซอน ของ แมนฯ ซิตี
  • เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สร้างโอกาสยิงประตูให้กับทีมไปแล้ว 77 ครั้งในเกมลีกฤดูกาลนี้ เป็นสถิติมากสุดในลีก แซง บรูโน แฟร์นันด์ส มิดฟิลด์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปเรียบร้อยแล้ว
  • โรแบร์โต ฟีร์มิโน ยิง อาร์เซนอล เป็นประตูที่ 9 มากสุดในบรรดาคู่แข่งที่โดนเขายิง นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ “หงส์แดง” แม้นี่จะเป็นประตูแรกที่เขายิงใส่ อาร์เซนอล นับตั้งแต่ปี 2018 ก็ตาม
  • นับตั้งแต่ฤดูกาล 2018-19 เป็นต้นมา แมนฯ ซิตี เก็บแต้มในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 335 คะแนน ขณะที่ ลิเวอร์พูล เก็บไป 334 คะแนน ห่างกันแต้มเดียวเหมือนสถานการณ์ในฤดูกาลนี้ไม่มีผิด