เกม “เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์” เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จะว่าไปก็ถือว่า “เดือด” เกินความคาดหมายอยู่เหมือนกันนะครับ…

ก่อนเกม ด้วยฟอร์มที่ห่าง แถมสภาพทีมที่ ลิเวอร์พูล เจ้าถิ่นปึ้กแทบทุกขุมกำลัง ขณะที่ทีมเยือนมาแบบกะพร่องกะแพร่ง แถมก่อนเกมยังเสีย เบน ก็อดฟรีย์ กองหลังตัวหลัก (ที่พอเหลืออยู่) ที่ดันไปเจ็บตอนวอร์มซะอีก

ดูเหมือนว่าทุกอย่างมันเข้าทาง “หงส์แดง” ไปเสียหมด

แต่ในความเป็นจริง นี่คือเกมที่มีเดิมพันสูงลิบทั้ง 2 ฝ่าย “หงส์แดง” ก็กดดันจากการที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี ชนะไปแล้วเมื่อวันเสาร์ ทำให้ก่อนเกมพวกเขาตามหลัง “เรือใบสีฟ้า” 4 คะแนน ถ้าผลเป็นอื่นนอกจากชนะ มวลความกดดันก้อนมหึมาจะถาโถมใส่พวกเขาอย่างหนักหน่วงใน 5 เกมที่เหลือ

“ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอง เกมนี้ก็สำคัญกับพวกเขาไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเจ้าถิ่น แต่เป็นเรื่องของการอยู่รอดในลีกสูงสุด เมื่อเกมก่อนหน้าในวันเดียวกัน เบิร์นลีย์ เชือด วูล์ฟแฮมป์ตัน แซงขึ้นไปอยู่ที่ 17 และเขี่ยลูกทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ลงมาอยู่ในโซนสีแดงแทน

ดังนั้น แม้ก่อนเกมจะดูว่าห่าง แต่พอถึงเวลาจริง ๆ มันจึงเดือดกว่าที่คาด บวกกับความเป็นดาร์บี้แมตช์เข้าไปด้วย ลูกทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด จึงสู้บยิบตา แถมยังมีแทคติกเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งคอยไล่ตอด แถมถ่วงเวลา ช้าที่สุดเท่าที่จะช้าได้ เจ็บเล็กน้อยก็นอนสักนิด เรียกได้ว่าแตะเบรกเป็นระยะไม่ให้เกมของ “หงส์แดง” ไหลลื่นเท่าที่ควร ทำเอาเจ้าถิ่นอึดอัดไม่น้อย

และเหตุการณ์ช่วงท้ายครึ่งแรกที่ชุลมุนกันกลางสนามจากจังหวะที่ อับดูลาย ดูคูเร ไปเตะ ฟาบินโญ เพื่อหยุดเกมหลัง ลิเวอรืพูล ไม่ยอมหยุดเล่นแม้ ริชาร์ลิซอน จะนอนเจ็บอยู่ ก็ยิ่งเพิ่มองศาเดือดให้กับเกมนี้ และ ซาดิโอ มาเน ก็โชคดีสุด ๆ เหมือนกันที่ไม่โดนไล่ออก จากการเอามือไป “จกตา” อัลลัน แถมยังไปผลักหน้า เมสัน โฮลเกต อีกคน…!!!

ครึ่งแรกเรียกได้ว่า เอฟเวอร์ตัน ทำได้อย่างที่พวกเขาวางแทคติกมา…

ครึ่งหลังความเดือดยังไม่คลาย แต่การแก้เกมของ เจอร์เกน คลอปป์ ที่ใส่ หลุยส์ ดิอาซ และ ดิวอค โอริกี ลงมา แล้วเร่งสปีดเกมให้เร็วขึ้น ก็ได้ผล เมื่อ โอริกี พักบอลให้ ซาลาห์ หยอดให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เติมมาโขกเป็น 1-0

และเมื่อทำนบพังทลาย “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ก็กลายเป็นฝ่ายต้องบุก และนั่นก็เท่ากับเชื้อเชิญเกมบุกของเจ้าถิ่น ด้วยพื้นที่ในเกมรับของพวกเขาที่เปิดกว้างมากขึ้น และสุดท้าย โอริกี ที่นาน ๆ ได้ลงที เรียกองค์เทพประทับร่าง โหม่งลูกปิดท้ายให้ “หงส์แดง” คว้าชัยนิ่ม ๆ 2-0 เรียกว่าเกมไหนนึกอะไรไม่ออก ลองบอก “เทพกี้” อาจจะมีคำตอบ อย่างเช่นเกมนี้

และสำหรับ เอฟเวอร์ตัน แล้ว ช่วงหลัง โอริกี คือตัวแสบสำหรับพวกเขาอย่างแท้จริง ดาวยิงเบลเจี้ยน เคยทำประตูชัยใส่พวกเขาในช่วงทดเจ็บเมื่อปี 2018 ปีต่อมาก็ยิง 2 ประตูในเกมที่ “หงส์แดง” ถลุง 5-2 เกมนี้ก็ถือว่ามีส่วนกับทั้ง 2 ประตูอีก และซีซั่นหน้าเชื่อว่าแฟนบอล “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” น่าจะโล่งไม่น้อยที่เขากำลังจะย้ายไปอยู่กับ เอซี มิลาน แล้ว

แต่มีข้อแม้ว่าพวกเขาต้องอยู่รอดในลีกสูงสุดด้วย เพราะตอนนี้ ทีมตามหลัง เบิร์นลีย์ 2 แต้ม แม้จะแข่งน้อยกว่าอยู่ 1 นัด แต่ดูสภาพแวดล้อมแล้ว ถือว่างานช้างสำหรับ แฟรงค์ แลมพาร์ด เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้โมเมนตัมทุกอย่างมันชี้ไปที่ “เดอะ คลาเร็ตส์”

ส่วน “หวงส์แดง” 3 คะแนนในเกมนี้ถือว่าพวกเขาทำภารกิจสำเร็จไปอีก 1 เปลาะ นั่นคือการตามหายใจรดต้นคอ แมนฯ ซิตี ไปเรื่อย ๆ แต่มันก็เป็นแค่ภารกิจในเกมนี้ พวกเขายังเหลือ “นัดชิงชนะเลิศ” อีก 5 นัดที่จะต้องทำให้สำเร็จ

และหากสุดท้ายจะพลาดแชมป์ ก็ควรพลาดเพราะคู่แข่งยอดเยี่ยม ไม่ใช่พลาดเพราะทำตัวเอง…